สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 222 ถึงอย่างไรฉันก็เชื่อฟังคำสั่งสามี

ซูสือเยว่เรียนการทำอาหารกับฟู๋เชียนเชียนตลอดทั้งวัน

แม้ว่าจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนพลบค่ำ เธอก็สามารถทอดไข่ในรูปแบบต่างๆ และมีสีสันได้

หลังจากที่ดูแลเจ้าสามแสบให้กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูสือเยว่ก็รีบมุ่งหน้าไปทางห้องครัวทันที

ฟู๋เชียนเชียนยืนอยู่อีกฝั่งด้านข้างเพื่อล้างชาม พร้อมทั้งจ้องมองเธอที่กำลังร้อนรนอย่างเบื่อหน่าย “ท่านชายฉินไม่ได้พูดว่า คืนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับมาไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมแกต้องเจียวไข่ให้กับเขาด้วยล่ะ?”

ซูสือเยว่พลิกไข่ที่อยู่ในกระทะอย่างจริงจัง พร้อมทั้งพูดไปด้วย “ฉันอยากให้เขาเห็นพัฒนาการของฉันไง”

วันนี้ฉินโม่หานไม่ได้กินข้าวเช้าไป คงจะยุ่งทั้งวันเพื่อเรื่องของตระกูลเจี่ยน

การเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน การที่เธอทำให้เขามันน้อยนิดเหลือเกิน

แม้ว่าเขาจะหวังให้ฝีมือการทำอาหารของเธอฝื้นตัวกลับมาเป็นเมื่อก่อนก็ตาม เช่นนั้นเธอก็ต้องนำผลลัพธ์ในการร่ำเรียนแต่ละวันแสดงให้เขาได้เห็น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พร้อมทั้งต่อสู้กับไข่ไก่ที่อยู่ในกระทะอย่างจริงจังต่อ

ฟู๋เชียนเชียนเหลือบตามองเธอ พลางส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเงียบงัน

“บางครั้งนั้น ฉันก็รู้สึกว่าเหมือนแกไม่ได้เสียความทรงจำไป”

“ตามหลักแล้ว แกสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ลืมเรื่องราวเกี่ยวกับฉินโม่หานทั้งหมด เช่นนั้นแกกับเขาก็น่าจะเหมือนคนแปลกหน้ากัน”

“แต่ทำไมฉันรู้ว่าตอนนี้…แกชอบเขามากกว่าเมื่อก่อนล่ะ?”

ซูสือเยว่ผงะทันที พลันเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ฉัน…”

“ฉันไม่ได้พูดนี่ว่าฉันชอบเขา…”

ฟู๋เชียนเชียนกลอกตามองบน “ที่เหลือก็คือแกเอาคำว่าแกชอบฉินโม่หานพวกนี้สลักเข้าไปในหัวสมองแกซะ!”

“แกพูดว่าไม่ได้ชอบเขาจริงๆ แต่ทุกคนต่างโตๆ กันแล้ว ใครจะมองไม่ออกบ้างล่ะ”

พูดจบ เธอฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง ได้แต่เบะปากใส่อย่างเบื่อหน่าย “อย่าพูดว่าโตเป็นผู้ใหญ่เลย ขนาดเจ้าเด็กสามซิงนั่นที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ทั้งสามคน ก็ยังมองออก”

“ตอนช่วงอาหารเย็น ซิงเฉินยังมาคร่ำครวญกับฉัน พูดว่าแม้ว่าแกจะความทรงจำเสื่อม แต่คนที่รักที่สุดก็ยังเป็นแด๊ดดี้ของเขานี่แหละ”

ซูสือเยว่มมือที่กำลังทอดไข่อยู่ค้างอยู่เล็กน้อย ใบหน้าแดงแจ๋เป็นลูกตำลึง

“เป็น…แบบนั้นเหรอ?”

ความจริงแล้วสำหรับเรื่องฉินโม่หาน เธอก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเธอชอบหรือไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ

แต่ว่าเขาพูดว่า ก่อนหน้านี้เขาเป็นรักแรกพบของเธอ

เขาเป็นสามีของเธอ

ดังนั้นเธอก็ควรจะปฏิบัติกับเขาเป็นแบบนี้ ไม่ทำให้เขาเป็นห่วง ให้เขาได้รับความรู้สึกอันแสนอบอุ่นจากภรรยา…

แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเกลียดเขาก็ตาม เกลียดที่เขาเอาตัวเธอเองโยนเข้าไปในกองเพลิงขนาดใหญ่ในตอนแรก

แต่ว่า..

แต่เมื่อฉุกคิดรอยแผลเป็นจากการถูกเผาไหม้เหล่านั้นที่อยู่บนตัวเขาแล้ว คิดถึงเรื่องที่เขากลับไปที่สถานที่ไฟไหม้เพื่อค้นหาเธอจริงๆ …

เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้เกลียดและโหดร้ายกับเขาแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกปวดใจแทน

ดวงตาของหญิงสาวหลุบต่ำลง ยังคงวุ่นวายกับไข่ไก่ที่อยู่ในกระทะ

ฟู๋เชียนเชียนเหลือบตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง พลางเอาถ้วยตะเกียบวางลงในตู้ฆ่าเชื้อ “เจียวไข่เสร็จแล้วก็ไปกลับไปนอนที่ห้องนะ อย่ารอเขาเลย”

“บางทีคืนนี้เขาอาจจะไม่กลับมาก็ได้นะ”

ซูสือเยว่ส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็หันไปพลิกไข่ที่อยู่ในกระทะ

หลังจากที่เจียวไข่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูสือเยว่ก็หาจานที่เป็นรูปหัวใจพร้อมทั้งใส่ลงไปอย่างระมัดระวัง พลางวางอยู่บนโต๊ะทานข้าวอย่างดี จากนั้นก็นั่งรออยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา หลายครั้งนักที่อยากจะส่งข้อความไปหาฉินโม่หาน แต่หลังจากที่เขียนครบแล้ว ตอนที่ก่อนที่ปุ่มส่ง เธอก็ถอนหายใจออกมา และก็ลบเนื้อหาทั้งหมดทุกครั้ง

ถ้าเขากำลังประชุมอยู่ล่ะ?

ถ้าเขากำลังยุ่งมากอยู่ล่ะ?

ตอนนี้เธอส่งข้อความให้เขาเพื่อเร่งให้เขากลับมา จะส่งผลกระทบไปกับงานของเขาหรือเปล่า?

เขาจะรู้สึกว่าเธอไม่รู้เรื่องหรือเปล่า?

หญิงสาวกำโทรศัพท์เอาไว้ พลันลังเลอยู่นาน จนสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ส่งข้อความไปหาเขา

ห้าทุ่ม

ตอนที่ซิงหยุนลงมาหาน้ำดื่มนั้น พลันเห็นซูสือเยว่ที่นอนหลับพาดตัวอยู่บนโต๊ะกินข้าว แถมยังมีไข่เจียวที่วางอยู่ในจานรูปหัวใจสีสันสวยงามสะดุดตาอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ

หัวใจของเจ้าหนุ่มน้อยชะงักเล็กน้อย

หลังจากเดินไปเทน้ำในห้องครัวเสร็จแล้ว เขาก็เอาน้ำวางลงบนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ปืนขึ้นไปบนโซฟาเพื่อเอาผ้าคลุมผืนบางพาดลงบนตัวซูสือเยว่ จากนั้นก็ถ่ายรูปให้เธออย่างระมัดระวัง เพื่อส่งให้กับฉินโม่หาน

ทว่าในเวลานั้นเอง ในห้องประชุมของ ชวงซิงกรุ๊ป คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเต็มทั้งห้อง

ห้าปีแล้ว

ตั้งแต่ที่ซิงหยุนกับซิงเฉินเกิด ฉินโม่หานก็ไม่ได้มาที่เมืองสตัฟฟ์ อีกเลย

บรรดาผู้รับผิดชอบของชวงซิงกรุ๊ป ไม่ได้เห็นเจ้าของตัวจริงมาตั้งห้าปีแล้ว

การปรากฏตัวของฉินโม่หานในครั้งนี้ มันทำให้ชวงซิงกรุ๊ปเหมือนมีฉลองปีใหม่

ท่านประธานสาขาต่างๆ ทุกคนต่างมากันครบทุกคน

การกล่าวรายงานของประชุมของบริษัทนั้นยาวต่อเนื่องจนใกล้จะสิบชั่วโมงแล้ว

ฉินโม่หานนั่งอยู่ตำแหน่งประธานหลักตรงกลาง หูก็ฟังประธานสาขาที่สูงกว่าเขาอยู่ครึ่งตัว พร้อมทั้งขมวดคิ้วไว้แน่น

ในห้องประชุมเงียบสงบมีเพียงเสียงคนที่กล่าวรายงานเท่านั้น

ทันใดนั้น พลันมีเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว พลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

ซิงหยุนเป็นคนส่งรูปภาพหนึ่งรูปมาให้เขา

ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย

ซิงหยุนส่งข้อความมาหาเขาเองเลย แถมยังเป็นรูปภาพอีก?

ต้องรู้ว่า นี่ซิงหยุนนะไม่ใช่ซิงเฉิน

เขาเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แล้ว

หลังจากที่ซูสือเยว่ปรากฏตัวขึ้น อาการเก็บเนื้อเก็บตัวของเขาก็เริ่มเปิดใจแล้ว

แต่ เขาไม่ชอบพูด แถมยังไม่ชอบใช้ตัวโปรแกรมในการสื่อสารกับคนอื่นโดยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอีก

ชายหนุ่มกดรูปภาพอย่างแปลกใจ

ในรูปภาพ หญิงสาวอันบอบบางซึ่งมีผ้าคลุมไหล่บางๆ คลุมตัวอยู่ กำลังนั่งหลับอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าวอย่างเงียบๆ

เส้นผมดำขลับของเธอหล่นลงมาด้านล่าง ท่ามกลางความสวยงามก็มีความโดดเดี่ยวปะปนอยู่

บนโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านหน้าของเธอ ก็วางจานรูปหัวใจเอาไว้ ในจานนั้น ก็มีไข่เจียวอันที่ทอดได้อย่างสวยงามมาก

เขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่งข้อความให้ซิงหยุน “รอพ่ออยู่เหรอ?”

“นอกจากพ่อ หม่ามี้ยังจะรอคนอื่นได้เหรอ?”

ยากนักที่ซิงหยุนจะตอบกลับข้อความของเขา “คุณฉินโม่หาน ผมหวังว่าในช่วงเวลาว่างจากความยุ่งวุ่นวาย ต้องเป็นห่วงผู้หญิงที่รอคุณอยู่ที่บ้านคนหนึ่งสักหน่อยด้วย”

คำพูดของลูกชาย มันทำให้หัวใจของฉินโม่หานผงะทันที

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปิดโทรศัพท์และลุกขึ้นทันที

“ทุกท่าน เวลาก็ดึกดื่นแล้ว”

“ทุกคนต่างมีครอบครัวกันแล้ว ก็ควรจะกลับไปรับผิดชอบคนที่รอคอยพวกคุณทุกคนอยู่ที่บ้าน”

“วันนี้เลิกประชุม พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่!”

พูดจบ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวดพราด แล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องประชุมทันที

คนในห้องประชุม ต่างมองหน้ากัน สบตากันไปมา

บิ๊ก BOOSของพวกเขา ฉินโม่หานผู้ตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ไม่ให้ทุกคนทำงานโอทีหามรุ่งหามค่ำเกินจากการคาดเดาแล้วเหรอเนี่ย?

……

ตอนที่ชายหนุ่มเร่งรีบกลับบ้านนั้น เด็กสาวคนหนึ่งยังนอนหลับพาดอยู่บนโต๊ะกินข้าวอยู่เลย

เมื่อได้ยินเสียงประตู เธอก็ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย

ตอนที่เห็นชายหนุ่มใส่ชุดดำคนนั้น ซูสือเยว่รีบลุกพรวดพราดจากเก้าอี้ทันที

“คุณสามี!”

หญิงสาวตื่นเต้นพร้อมทั้งกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของฉินโม่หานทันที “คุณกลับมาแล้วเหรอ?”

ชายหนุ่มกอดหญิงสาวตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของตนเองทันที พลางใช้มือลูกศีรษะของเธอ “ไม่ใช่บอกคุณแล้วเหรอ ว่าไม่ต้องรอผม?”

“แต่ว่าฉันก็อยากจะรอคุณกลับมานี่…”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาทอประกาย “คุณพูดว่าไม่ให้รอมันเป็นเรื่องของคุณ ฉันอยากจะรอคุณ มันเป็นเรื่องของฉัน”

เธอทำท่วงท่าดื้อรั้น จนทำให้ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม

เขาโอบเธอเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปถึงโต๊ะกินข้าวอย่างช้าๆ “เตรียมไว้ให้ผมเหรอ?”

ซูสือเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณลองชิมสิ นี่เป็นผลงานที่ฉันร่ำเรียนมาทั้งวันเลยนะ!”

ฉินโม่หานพยักหน้าให้ หลังจากล้างมือเสร็จก็นั่งลงด้านข้างโต๊ะกินข้าว “ผมให้คุณเรียนทำอาหารกับ ฟู๋เชียนเชียน นี่คุณเรียนทั้งวันจริงๆ เหรอ?”

“อื้อ…”

ซูสือเยว่เม้มปากเอาไว้ จากนั้นก็เงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง “ก็เพราะว่าฉันเชื่อฟังคำสั่งของสามีไง”

ตะเกียบที่อยู่ในมือของฉินโม่หานค้างเติ่งทันที

เขาใช้สายตาแปลกประหลาดจ้องมองเธอ “ทำไมคุณถึง…”

“ทำไมคุณถึงได้รู้เรื่องเชื่อฟังสามีล่ะ?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset