สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 228 ขนาดโอกาสที่จะพลิกตัวยังไม่มีเลย

การชื่นชมของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ได้แต่เกาศีรษะและยิ้มให้อย่างเขินอายเล็กน้อย

เธอดึงตะเกียบออกจากกันและยื่นใส่มือเขาอย่างเขินอาย “งั้น.. คุณสามีคุณรีบกินเร็ว!”

“คุณก็นั่งกินด้วยกันเถอะ”

ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้ตามปกติ พลันยื่นถ้วยข้าวแบ่งให้เธอนิดหน่อย “คุณต้องไม่ได้ชิมรสชาติอาหารอร่อยของฝีมือตนเองแน่นอนเลย ใช่ไหม?”

ซูสือเยว่ลังเลอยู่สักพัก จนสุดท้ายแล้วเธอก็นั่งลงด้านข้างเขา พร้อมทั้งเริ่มกินอย่างระมัดระวัง

ความจริงแล้ว…

ความจริงแล้วเธอเองก็สนใจ กับรสชาติของอาหารของร้านนี้จริงๆ

อืม รสชาติไม่เลวเลย

หลังจากที่เธอได้ชิมรสชาติของอาหารทุกอย่างแล้ว อารมณ์ขุ่นมัวที่อยู่ในใจมาตลอดก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ

ซูสือเยว่กับฉินโม่หานกำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างกัน จนจัดการกับอาหารทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าจนเกลี้ยงไม่เหลือสักอย่าง

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ฉินโม่หานก็รีบเอาตะเกียบกับถ้วยไปล้าง จากนั้นก็เก็บให้ดี

ส่วนซูสือเยว่นั้นได้แต่นั่งเอนหลังนอนพุงกางอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังวุ่นวายอยู่ จนในใจเริ่มละอายใจ “คุณสามี เรื่องพวกนี้ฉันควรจะทำนะ”

ฉินโม่หานหัวเราะเบาๆ พลันหยิบเอาใบเสร็จอาหารสั่งกลับบ้านที่อยู่ด้านล่างแฟ้มเอกสารก่อนหน้านี้กำไว้ในมือพลันทิ้งลงในถังขยะ “คุณทำอาหารมาเหนื่อยแล้ว เรื่องพวกนี้ผมทำเองดีกว่า”

พูดจบ เขาก็ยิ้มให้และมองมาทางเธอ “พรุ่งนี้ยังจะมาส่งข้าวให้ผมไหม?”

ซูสือเยว่เม้มปาก พลันมองดวงตาที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่คู่นั้นของเขา พลันเข้าใจในทันที ทำไมก่อนที่ความจำเสื่อม ถึงได้เอาเรื่องทำอาหาร กำหนดไว้ว่าเป็นเรื่องที่มีความสุขนะ

น่าจะเป็นเพราะว่า…

การที่มีความสุขก็คือการที่มองคนที่ตนเองชอบ จนทำให้ตนเองสุขใจใช่มั้ง?

ก่อนหน้าที่ความจำเสื่อมเธอเองก็ชอบทำกับข้าว ชอบมองคนในครอบครัวกินอาหารที่เธอเป็นคนทำ เธอรู้สึกมีความสุข

แม้ว่าตอนนี้เธอลืมทักษะในเรื่องการทำอาหารไป แต่ว่า…

เธอก็สั่งอาหารจำพวกเดลิเวอรี่ห่อกลับบ้านได้นี่!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หญิงสาวก็ส่งรอยยิ้มให้ฉินโม่หาน “ถ้าคุณชอบแล้วละก็ พรุ่งนี้ฉันจะไปร้านนั้น…ไม่ใช่ พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารเองให้คุณเลย”

ฉินโม่หานเงยหน้าขึ้น จ้องมองใบหน้าตอนที่เธอพูดโกหกจนหน้าแดงระเรื่อ จนอดยิ้มไม่ไหว

สักพัก ชายหนุ่มก็ชายสายตาเป็นทางการมองเธอ “ฟังคนที่บ้านพูดว่า วันนี้คุณ ไปเยี่ยมหลิวหรูเยียนที่โรงพยาบาลเหรอ?”

เมื่อพูดถึงหลิวหรูเยียน ซูสือเยว่ก็คิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายได้ขึ้นมาทันที

ดวงตาของหญิงสาวหม่นหมองลง อารมณ์พลันดำดิ่งลงมาทันที “คุณสามี ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะว่าต้องการจะพูดเรื่องนี้กับคุณ”

เธอกัดฟันไว้แน่น พลางเงยหน้ามองเขา แววตาเต็มไปด้วยอาการน้อยใจ “พวกเขาเริ่มหาคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนคนใหม่มาอีกแล้ว”

“พวกเขาพูดว่า ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน หยางชิงโยวคนที่มาใหม่คนนั้นถึงเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนที่แท้จริง”

“ในมือของพวกเขามีเอกสารและหลักฐานตั้งมากมาย ป้ายหยกอะไรนั่น แถมปานด้วย ยังมีเอกสารการตรวจDNAอีก”

พูดไป ซูสือเยว่ก็มองหน้าฉินโม่หานอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ที่รัก ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วฉันเป็นใครกันแน่”

“ตอนแรกพวกเขาก็พูดว่าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน ฉันก็เชื่อสนิทใจว่าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน”

“หลังจากนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะรับกับสถานะนี้ พวกเขาก็ดันมาพูดว่าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน งั้นตกลงว่าฉันเป็นใครกันล่ะ?”

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว พลางเดินย่ำเท้ามาอยู่ข้างกายเธอ พร้อมทั้งดึงเธอเข้าสู่อ้อมอก “เรื่องนี้ ผมรู้แล้ว”

“ผมจะตรวจสอบให้ดี”

“แต่ว่าสือเยว่”

ชายหนุ่มเชิดปลายคางเธอขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองใบหน้าเธออย่างจริงจัง “ความจริงแล้วคุณไม่จำเป็นกับสถานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนเลยนะ”

นัยน์ตาไร้ความรู้สึกของเขาคู่นั้นมันซ่อนเร้นความรู้สึกที่ทำให้คนยากจะเข้าถึงได้ “เพราะว่าสำหรับคุณแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนหรือไม่ คุณก็ไม่ต้องไปสงสัยว่าคุณคือใครเลย”

“คุณคือภรรยาของผม”

“เป็นแม่ของซิงหยุน ซิงเฉินและซิงกวง”

“นี่แหละคือสถานะของคุณ’

“การที่คุณคือใคร ไม่ควรให้พวกเขามากำหนด”

คำพูดของชายหนุ่ม มันทำให้ร่างกายซูสือเยว่ชะงักทันที

สักพัก หัวใจของเธอรู้สึกว่ามีความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมทั้งตัวเธอยื่นมือออกไปกอดเอวของฉินโม่หานเอาไว้ “คุณสามี ขอบคุณนะ”

ตั้งแต่ช่วงสาย แม้ว่าเธอจะเย็นชาและแข็งแกร่งต่อหน้าหยางชิงโยวและผู้ดูแลบ้านเสิ่นมาโดยตลอด

ทว่า การเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะว่าการที่ต้องมาอยู่ในฐานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนแล้วทำให้ต้องเป็นผู้หญิงที่ความจำเสื่อมไป ความจริงแล้วเธอไม่สามารถรับความจริงได้ที่ตนเองไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน

เธอคิดมาโดยตลอด ว่าตกลงแล้วตนเองเป็นใครกัน

วันนี้ คำพูดของฉินโม่หาน มันทำให้เธอรับรู้กับความเป็นจริงขึ้นมาได้ทันที

ใช่สิ

ไม่ว่าเธอจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนหรือไม่ เธอเป็นเมียของเขา เป็นแม่ของเด็กๆ นี่!

แม้ว่าจะไม่มีตระกูลเจี่ยนแล้วก็ตามที ใช่ว่าเธอจะไม่ได้ไร้ค่ากับการมีตัวตนนี่!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ได้ หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งดวงตาสุกสกาวจ้องมองฉินโม่หาน “คุณสามี ฉันตัดสินใจแล้ว”

“ตัดสินใจอะไร?”

“ฉันต้องการที่จะตรวจสอบกับคุณว่าตกลงแล้วฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนหรือไม่”

“แต่ว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ตกลงว่าฉันจะเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนหรือไม่ ฉันก็จะกลับเมืองหรงพร้อมกับคุณ เพื่อไปหาความทรงจำเดิม เพื่อหาฝีมือการทำอาหารของฉันกลับคืนมา!”

ชายหนุ่มฉีกยิ้ม พลางใช้มือบีบจมูกเธอเอาไว้ “คุณลืมแล้วเหรอ?”

“ฝีมือการทำอาหารของคุณกลับมาแล้วนะ”

ซูสือเยว่ชะงักทันที พลันนึกออก เมื่อครู่เธอเพิ่งไปซื้ออาหารที่สั่งห่อกลับบ้านมานี่

หญิงสาวอ้าปาก อยากจะอธิบาย แต่กลับถูกฉินโม่หานตัดบทแทน

“พวกเขาพูดว่า พวกเขามีเอกสารตรวจDNAเหรอ?”

ซูสือเยว่พยักหน้า “อื้อ”

“แต่ว่า ผมก็มีเอกสารตรวจDNAเหมือนกัน”

ชายหนุ่มยิ้มให้ตอนที่ลูบศีรษะเธอ “ตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองสตัฟฟ์ ผมก็เคยไปเยี่ยมหลิวหรูเยียนกับคุณมาหนึ่งครั้ง จำได้ไหม?”

ซูสือเยว่พยักหน้า

“ครั้งนั้น ผมดึงเส้นผมของเธอกับเส้นผมของคุณออกมา”

“เพื่อไปตรวจสอบผลที่ได้คือเป็นแม่ลูกกัน ดังนั้นผมเลยยินยอมให้ชวงซิงกรุ๊ปเพื่อนของผมมาช่วยตระกูลเจี่ยน”

“หรือว่าในปีนั้นหลิวหรูเยียน คลอดลูกแฝดเหรอ?”

ซูสือเยว่ส่ายหน้าไปมา “เจี่ยนเฉิงพูดว่า แม่ของฉันมีแค่ฉันที่เป็นลูกสาวคนเดียว”

พูดจบ เธอก็ขมวดคิ้วมองฉินโม่หาน “เช่นนั้นตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ก่อนหน้านี้คุณก็รู้จักหยางชิงโยว พวกคุณเคยถ่ายละครอยู่กองถ่ายเดียวกัน”

“ที่เธอสามารถมีเส้นผมหรือเล็บของคุณ ความจริงแล้วก็ไม่ยากนัก”

ซูสือเยว่เข้าใจทันที

“ดังนั้น…”

“หยางชิงโยวคนนั้น น่าจะเอาสิ่งของของฉันไปตรวจDNAกับแม่ เลยยึดครองสถานะของฉันไป!?”

หญิงสาวลุกพรวดจากโซฟาทันที “ฉันจะไปที่ตระกูลเจี่ยนเดี๋ยวนี้ ไปด่าไอ้ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมีตาหามีแววคนนั้นให้เจ็บแสบไปเลย!”

“ทำให้ฉันลำบากใจมาตั้งแต่เช้า!”

อารมณ์เดือดพล่านของเธอนี้ มันทำให้ฉินโม่หานเริ่มทำอะไม่ถูก

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งดึงตัวเธอเข้ามากอดในอ้อมกอดเอาไว้ “ตอนนี้คุณไปแล้ว แผนการของฝ่ายตรงข้ามกำลังเริ่มต้นขยับขยายขึ้น คุณก็ถูกจัดการจนตายนะสิ ต่อไปเธอต้องมีวิธีการอื่นอีก”

ซูสือเยว่เลิกคิ้วจ้องมองเขา ด้วยความไม่เข้าใจ

“ให้พวกเขาได้หยิ่งจองหองกันสักหน่อย ถึงจะได้โผล่ให้เห็นจุดบกพร่องที่มากกว่าเดิม”

“ถึงตอนนั้นก็ลงมือทำลายแผนทันที หยางชิงโยวคนนั้นกับผู้ดูแลบ้านเสิ่น ก็ไม่มีโอกาสแม้จะพลิกตัวให้เหลือแล้ว”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset