สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 250 เธอสบายดี

ซูสือเยว่ถูกหลิงหรานกดเข้าไปในอ่างอาบน้ำทำความสะอาดไปอย่างดุเดือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อาบน้ำเสร็จหลิงหรานก็ใช้เครื่องเป่าผมมาเป่าผมของซูสือเยว่ให้แห้งอย่างเอาใจใส่ด้วยอีกที

หลังจากที่ทำทุกสิ่งอย่างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูสือเยว่กอดเข่านั่งอยู่ภายในห้อง มองผนังสีขาวที่อยู่ตรงหน้าไปนิ่งๆ

เห็นสภาพเธอจิตใจเลื่อนลอย หลิงหรานก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เลียนแบบท่านั่งของซูสือเยว่แล้วนั่งลงไปข้างๆเธอ มองไปข้างหน้าด้วยกันกับเธอ “ฉันเองก็เคยถูกผู้ชายทิ้งมาก่อนเหมือนกัน”

ซูสือเยว่ชะงักไป พร้อมกับหันหน้าไปมองหลิงหรานทันที

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มองไปแล้วดูท่าทางจะอายุมากกว่าเธอเพียงแค่สามสีปีเท่านั้นเอง แต่กลับมีประสบการณ์โชกโชนและมีความเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับคนที่มาจากอีกโลกนึง

เธอมองหลิงหรานไปนิ่ง ในดวงตาบ่งบอกว่ายากที่จะเชื่อออกมา “เธอ…ก็ถูกผู้ชายทิ้งมาด้วยเหมือนกันเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

หลิงหรานเสยผมออกมา แสดงท่าทีที่ดูมีประสบการณ์และดูเข้มแข็งออกมา ตอนที่พูดถึงเรื่องเมื่อตอนอดีตขึ้นมา ในดวงตามีความจนใจเผยออกมา “พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง”

“ฉันคิดมาโดยตลอดว่าในอนาคตพวกเราทั้งสองคนคงจะได้คบอยู่ด้วยกัน”

“ขนาดพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงดูฉันมาก็ยังบอกฉันเลยว่าในอนาคตฉันจะต้องแต่งงานกับเขา แต่น่าเสียดาย…”

ซูสือเยว่ชะงักไป แล้วก็ได้มองเธอไปทันที “ต่อมาล่ะ?”

ตอนนี้ในสมองเธอมันว่างเปล่า ขอเพียงแค่ว่างขึ้นมาก็จะคิดถึงฉินโม่หาน

ยากที่จะได้ยินหลิงหรานเอ่ยถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะฟังมันต่อไป

“ต่อมาเขาก็ทิ้งฉัน”

หลิงหรานมองออกไปไกลๆ สายตาเหมือนกับมองทะลุผนังที่อยู่ตรงหน้าไป ล่องลอยไปยังที่ไกลๆ

“ต่อมา เขาไปเรียนที่ต่างแดน ฉันก็คอยมองเขาอยู่ตลอด”

“ฉันคิดว่านี่เป็นวิธีที่ว่าที่ภรรยาเฝ้ามองดูว่าที่สามีอย่างนึง”

“แต่ต่อมาฉันถึงได้รู้ว่าคนเขามองฉันเป็นเพียงแค่พี่สาวมาโดยตลอด”

“ตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัย ฉันไปหาเขาที่มหาวิทยาลัยของเขา เขาโอบเด็กผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาสวยคนหนึ่งแล้วบอกกับฉันว่าผู้หญิงคนนั้นคือแฟนของเขา”

“ฉันเป็นเพียงแค่พี่สาวของเขา”

พูดจบ เธอก็เอียงหน้าหันไปมองซูสือเยว่ “ดังนั้นแล้วฉันจึงสามารถเข้าใจความรู้สึกที่ถูกทิ้งอะไรจำพวกนี้ของเธอในตอนนี้ได้”

“เพราะว่าฉันเองก็เผชิญกับมันมาตลอด”

ซูสือเยว่ชะงักไป

เธอเงียบไปนาน กว่าจะเอ่ยปากพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “คนที่เธอหมายถึง…คนที่ทอดทิ้งเธอ…คือหลิงซือยู่?”

หลิงหรานเงียบไปสักพักนึง ไม่ได้พูดอะไรออกมา  

“ฉันเองแหละ”

ทันใดนั้นเอง ตรงประตูด้านหลังก็มีเสียงหน่ายใจของผู้ชายเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

หลิงซือยู่ถือผลไม้จานหนึ่งเดินเข้ามา วางผลไม้ลงไประหว่างหญิงสาวทั้งสองคนไปอย่างเพลียใจ “พี่หราน ช่วยอย่ามาแต่งเรื่องสร้างให้ผมเสียหายต่อหน้าคนนอกเขาซี้ซั้วได้มั้ย?”

“หลายปีมานี้ สถานะของผมที่ออกมาจากปากของพี่ตั้งแต่ลูกบุญธรรมของพี่มาจนถึงน้องชายของพี่ จนถึงแฟนเก่าของพี่ มาตอนนี้ก็กลายมาเป็นคนที่ทอดทิ้งพี่เมื่อตอนนั้นอีก”

หลิงหรานเหลือบมองเขาไปอย่างเหยียดๆ ก้มหน้าลงหยิบสตรอว์เบอร์รีมากิน “นี่ฉันทำไปเพื่อหาหัวข้อสนทนาที่จะมาแชร์ร่วมกันกับสือเยว่อยู่มั้ยล่ะ?”

พูดจบ หญิงสาวก็ได้ถลึงตามองเขาไปอย่างชั่วร้าย “ฉันเป็นพี่ของนาย แต่งเรื่องมาใส่ความนายสองสามคำมันจะทำไม?”

“แต่นายถ้าไม่มาขัดมันจะตายหรือไง?”

ซูสือเยว่ “…”

เธอมองภาพสองพี่น้องที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันสองคนตรงหน้าทะเลาะกันไปอย่างเลื่อนลอย

ผ่านไปสักพัก เธอจึงได้กระแอมออกมา “เอ่อ…มันเป็นเรื่องโกหก?”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

หลิงซือยู่ส่ายหน้าออกมาด้วยความเพลียใจ “เมื่อตอนนั้นฉันเป็นคนจีบเธอเอง เธอก็คร้านจะมาสนใจฉัน”

“พี่สาวคนนี้ถ้าให้โอกาสฉันสักครั้งนะ ตอนนี้คนที่คนที่เล่าเรื่องที่ถูกทอดทิ้งให้กับเธอก็คือฉันเอง”

“นายอยากตาย!”

หลิงหรานกระทืบเท้าเขาไปอย่างแรง จากนั้นก็หันไปยิ้มให้กับซูสือเยว่ “อย่าไปใส่ใจเรื่องปลีกย่อยอะไรพวกนี้เลยนะ”

“เธอรู้เพียงแค่ว่าฉันสามารถเข้าใจความรู้สึกเสียใจของเธอเหมือนกับได้ประสบมาเองได้ มันก็ถูกต้องแล้วล่ะ!”

ซูสือเยว่ “…”

ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็ได้กัดริมฝีปากไปอย่างเบลอๆออกมา “ขอบคุณ…”

ถึงแม้ว่าสิ่งที่หลิงหรานพูดมาเหล่านั้นมันจะไม่มีความจริงเลยสักคำเดียว

แต่ความตั้งใจที่เธออยากให้เธอมีความสุขนั้นเป็นของจริง

ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นไปมองหลิงซือยู่ “ซิงหยุนเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นไร”

ในที่สุดหลิงซือยู่ก็จริงจังขึ้นมาได้สักที “คุณสมบัติของร่างกายเด็กน้อยนั่นมันดีกว่าที่ฉันคิด ไม่เพียงแต่จะไม่ป่วย แต่ยังแข็งแรงมากอีก”

“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย อาบน้ำแล้วก็นอนหลับไปแล้ว”

พูดจบ เขาเลิกสายตาขึ้นมองซูสือเยว่ “เธอล่ะ อยากจะนอนหน่อยสักพักมั้ย?”

ซูสือเยว่ย่นคิ้ว พลางส่ายหัวออกมา

เธอหันหน้ามา มองท้องฟ้าที่เป็นฟ้าหลังฝนด้านนอกหน้าต่าง

ท้องฟ้าสีฟ้าครามสดใสราวกับได้รับการชำระล้างมา สายรุ้งที่งดงามกำลังพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้าในตอนบ่าย

เธอถอนหายใจออกมา “ฉันอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ”

คำพูดของหญิงสาวพูดออกมาจบ หลิงซือยู่กับหลิงหรานแทบจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน

เสียงพูดหลุดออกไป ทั้งสองคนก็ได้สบตากันแทบจะพร้อมกัน พวกเขาถลึงตาใส่อีกฝ่าย

“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ ให้เขา (เธอ) อยู่ที่บ้าน”

ซูสือเยว่ “…”

จริงๆแล้วพวกเขาไม่เหมือนพี่สาวน้องชายกันเลย เหมือนคู่รักกันมากกว่าเสียอีก

หรือคู่รักที่ชอบทะเลาะกันอะไรจำพวกนั้น

ถอนหายใจออกมา เธอลงมาจากเตียง “ฉันไปเองเถอะ”

“ฉันไปเป็นเพื่อนหนู”

ทันใดนั้นเอง ตรงหน้าประตูก็มีเสียงของชายวัยกลางคนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

ซูสือเยว่ตะลึงงันไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปทันที

คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูเป็นคนวัยกลางคนที่มีหน้าตาใจดีคนหนึ่ง

เมื่อกี้ตอนที่เธอตามหลิงซือยู่เข้าบ้านมา ก็เคยเจอเขาที่ห้องรับแขกมาแล้ว

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะอยู่ในวัยกลางคนไปแล้ว แต่ความหยิ่งเย็นชาและดูสูงส่งมีชาติตระกูลที่แผ่ออกมาจากร่าง มันได้ทำให้อื่นเขาอดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบมอง

ซูสือเยว่มองเขาออกไปนิ่ง พร้อมกับเงียบไป

“ให้คุณอาเจี่ยนไปเป็นเพื่อนเธอเถอะ”

หลิงหรานเอ่ยออกมาเบาๆด้านหลังของเธอ “คุณอาเจี่ยนเป็นคนดีเลยคนนึง”

“เมื่อฉันกับหลิงซือยู่ยังเด็กต่างก็ถูกเขาเก็บมาเลี้ยงด้วยกันทั้งคู่”

“ถ้าไม่เพราะคุณอาเจี่ยน พวกเราทั้งสองคนได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ที่ภูเขาไปนานแล้ว”

“ใช่แล้ว”

หลิงซือยู่เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็รีบเข้ามาแสดงความเห็นพ้องออกมาทันทีเหมือนกัน “เธอลองพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณอาเจี่ยนดูสักหน่อย คุณอาเจี่ยนอายุเยอะแล้ว ประสบการณ์ด้านความรักนั้นเยอะมาก”

เจี่ยนหมิงจงย่นคิ้วออกมา ถลึงตาให้กับหลิงซือยู่ไปอย่างเยือกเย็น “งั้นเหรอ?”

“ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยว่าประสบการณ์ด้านความรักของฉันมันเยอะ?”

หลิงซือยู่ “…”

ซูสือเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ลังเลอยู่สักพักนึง สุดท้ายก็ได้พยักหน้าออกมา

“งั้นคุณอาเจี่ยน…คุณลุงไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันสักหน่อยเถอะค่ะ”

เธอไม่เชี่ยวชาญกับช่วงชีวิตในตอนนี้ ต้องการใครสักคนมาเป็นผู้ชี้นำจริงๆนั่นแหละ

เมื่อเทียบกับที่หลิงซือยู่กับหลิงหรานแล้ว คุณอาเจี่ยนที่อยู่ในวัยกลางคนท่านนี้แท้จริงแล้วเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลย เพราะถึงยังไงก็เชื่อถือได้กว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่แล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…

ซูสือเยว่มองชายคนตรงหน้าไปอย่างจริงจัง

เธอรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเขามาก

เป็นความคุ้นเคยที่…เหมือนกับได้เจอกับญาติอะไรทำนองนั้นเลย

ได้รับการตอบกลับจากลูกสาว เจี่ยนหมิงจงเบิกบานใจขึ้นมาทันที “ได้ๆ!”

“ฉัน… คุณอาเจี่ยนจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหนูตอนนี้เลย!”

พูดจบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงมือของซูสือเยว่ ทันทีที่ยกมือขึ้นมาก็ต้องวางมือลงไปอีกครั้ง

สุดท้าย ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ได้หันหน้ามายิ้มอย่างอารมณ์ดีออกมา “ฉันจะเดินนำทางอยู่ข้างหน้า ไปกันเถอะ”

ซูสือเยว่พยักหน้าตอบรับออกไป จากนั้นก็เดินตามหลังเขาเดินลงไปข้างล่างด้วยกัน

เห็นเงาร่างของทั้งสองคนที่กำลังเดินออกไป หลิงหรานก็ถอนหายใจออกมา “คุณอาเจี่ยนในที่สุดก็นับได้ว่าสมดั่งหวังแล้วสินะ”

ส่วนหลิงซือยู่ก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพนี้เอาไว้ จากนั้นก็ส่งไปให้ฉินโม่หาน

“เธอสบายดี”  

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset