สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 298 หรือว่ามันไม่ใช่ความรัก

แม้ว่าฉินโม่หานจะพูดออกมาจากปากว่าไม่สนใจแล้วก็ตาม แต่ว่าซูสือเยว่ยังคงที่จะผลักเขาออกอยู่ดี พลันวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

หญิงสาวจ้องมองตนเองในกระจก ในโสตประสาทมีแต่คำพูดเหล่านั้นของฉินโม่หานที่ดังสะท้อนไปทั่ว

“ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมชอบตัวตนที่เป็นคุณ มาโดยตลอด”

“ไม่ว่าจะหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร ก็ไม่เป็นไรทั้งนั้น”

“ไม่ว่าหน้าตานี้จะเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้น”

“คุณเป็นภรรยาของผม ชั่วชีวิตเป็นของผมทั้งนั้น”

ริมฝีปากของหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมา

ตอนแรกที่เธอเลือกที่จะเปลี่ยนชื่อนามสกุลและเปลี่ยนหน้าตาในการใช้ชีวิต เดิมก็ไม่ได้ทำเพื่อต้องการจะหลบหลีกฉินโม่หาน แต่เพื่อให้เวลาคนสองคนได้ใจเย็นๆ กันสักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้เขาเร่งรัดการตามเธอติดขนาดนี้

แต่ตอนนี้…

เธอไม่เพียงแต่แค่ใจเย็นแล้ว แต่ถึงขึ้นยอมยกโทษให้เขาแล้ว

กระทั่ง เธอเองรู้สึกว่า ฉินโม่หานในเวลานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเขาคนเมื่อก่อน ถือว่าหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ยิ่งทำให้เธอชอบขึ้นด้วย

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงปานดำ รอยแผลเป็น กระออกจากใบหน้า …

จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง จนสามารถดึงทุกอย่างออกได้ทั้งหมดจากใบหน้า

ทุกขั้นตอนในการปลดสิ่งป้องกันเหล่านี้ออก ก็เหมือนว่าเป็นการปลดความรู้สึกทั้งการกล่าวโทษทั้งความไม่เข้าใจฉินโม่หานในระยะนี้ออกไปด้วย

จนสุดท้าย การแต่งหน้าแบบเอฟเฟ็กต์ก็หลุดออกหมดจนสะอาดหมดจด

ซูสือเยว่จ้องมองความงดงามของตนเอง พลันปรากฏรอยยิ้มที่เข้าใจความหมายของอีกคนต่อหน้ากระจก

เธอจ้องมองผู้หญิงที่ยิ้มอยู่ในกระจก พลางเห็นผู้หญิงที่อยู่ในกระจกร้องไห้ออกมาแล้ว

จนสุดท้าย เธอปาดน้ำตาออก จากนั้นก็ล้างหน้าให้ตนเองอีกรอบ และเปิดประตูห้องน้ำออก

บนเตียงใหญ่ด้านนอกห้องน้ำ ฉินโม่หานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

“อืม ฉันรู้”

“จับตามองพวกเขาเอาไว้ดีๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“รอการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเขาก่อน”

“อืม”

หลังจากที่ออกคำสั่งออกไปอย่างปกติแล้ว ชายหนุ่มก็วางสาย พลางหันตัวกลับมา

ด้านหลัง หญิงสาวยืนยิ้มให้และยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ

ผ้าขนหนูพันเกี่ยวร่างกายอันบอบบางขาวหมดจดของเธอ ยิ่งขับใบหน้าอันงดงามนั้นราวกับเป็นรูปปั้นแกะสลักออกมา

แววตาของชายหนุ่มทำให้ซูสือเยว่เขินอายม้วนต้วนทันที

เธอเขินอายจนหน้าแดงลามจนไปถึงหูจนต้องเบนหน้าไม่กล้ามองเขา “เมื่อกี้นี้….โทรหาใครเหรอ?”

“ไป๋ลั่ว”

ฉินโม่หานจ้องมองเธอ ด้วยสายตาเร่าร้อน “ทางโรงพยาบาลเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว”

ซูสือเยว่ชะงัก ทางโรงพยาบาลเริ่มมีการเคลี่ยนไหวอีกครั้ง….

“เรื่องของทางบ้านของเฉินตานตานเหรอ?”

“อื้อ”

ชายหนุ่มพยักหน้า พลางลุกขึ้น พร้อมทั้งดึงตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน พลางใช้มือจับปลายคางของเธอเอาไว้ และจุมพิตอย่างแผ่วเบา “คนของฉินหลิงยี่มาถึงโรงพยาบาล ก็ต้องการที่จะฆ่าปิดปากครอบครัวเฉินตานตานทั้งหมด”

ซูสือเยว่ตัวเกร็งทันที

“ฆ่าปิดปากยกครัวเหรอ?”

ครอบครัวของเฉินตานตานสามคนพ่อแม่ลูก ถูกฉินหลิงยี่ซื้อตัวแล้วไม่ใช่เหรอ?

ฉินหลิงยี่ยังร้ายกาจกับคนของตนเองถึงเพียงนี้เลย?

“ในสายตาของฉินหลิงยี่ พ่อกับพี่ชายแท้ๆ ยังตัดขาดกันได้ นับประสาอะไรกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่สามวันเอง ก็แค่เป็นคนที่เกี่ยวพันกับเรื่องเงินๆ ทองๆ แค่นั้นเอง?”

ชายหนุ่มสัมผัสริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของซูสือเยว่ “สำหรับฉินหลิงยี่แล้ว ความรู้สึกระหว่างคนกับทุกคน มันไม่สำคัญเลย”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเขาเอง”

ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น พลางยอมรับกับการจุมพิตของชายหนุ่ม และขมวดคิ้วตาม “ว่าแต่ ทำไมเขาต้องฆ่ายกครัวเฉินตานตานสามคนพ่อแม่ลูกด้วยล่ะ?”

“เพราะว่าต้องการปกปิดฆ่าปิดปากไม่ให้เรื่องซัดทอดตกมาถึงตัว”

ฉินโม่หานคลี่ยิ้มออก น้ำเสียงปกติ “ตอนนี้การที่เฉินตานตานมากระโดดตึกที่สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวของคุณ แฟนหนุ่มของเฉินตานตานก็พาคนไปสร้างความวุ่นวายด้านหน้าสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวของคุณ ข่าวคราวก็สะพัดกระฉ่อนไปทั่วโลกออนไลน์…”

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าตัวของเฉินตานตานกับพ่อแม่ของเธอตายไปแล้ว คุณคิดว่าใครเป็นคนลงมือทำ?”

“เปลี่ยนคำพูดไหม้ ถ้าครอบครัวของเฉินตานตานตายยกครัวทั้งสามคน ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดกัน?”

ซูสือเยว่ตกตะลึงทันที ตัวแข็งทื่อจนพูดไม่ออก

สักครู่ เธอถึงได้เผยอปากออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “คือ…ฉันไง”

ผลสรุปทุกอย่างมันชี้เป้ามาที่เธอ ทุกอย่างเริ่มมาจากเฉินตานตานทั้งนั้น

ถ้าเฉินตานตานตายไป การที่ซูสือเยว่ลงมือทำไปทั้งหมดก็เหมือนไม่สามารถพิสูจน์ได้ เธอสามารถตอบโต้คนในโลกอินเทอร์เน็ต และสามารถให้คนอื่นเอาหลักฐานที่เธอรังแกเฉินตานตานมาให้เธอ เพื่อเป็นการต่อสู้กลับ

ถึงอย่างไร แค่เฉินตานตานตายไปแล้ว เธอก็สามารถใส่ไฟแต่งเรื่องระหว่างเธอกับเฉินตานตานจนสามารถต่อเติมเสริมแต่งพูดออกมาหลอกคนได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หน้าผากของซูสือเยว่พลันผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆ เล็กๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้

“ฉินหลิงยี่คนนี้…”

ไม่เพียงแต่คิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนมาก อีกทั้งยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมมากเช่นกัน

“แน่นอนสิ”

เหมือนว่าจะมองความคิดของซูสือเยว่ออก ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มให้ “คุณคิดว่า ตอนแรกที่วางแผนกับคุณ ทำร้ายคุณ ก็เป็นเหตุมาจากเย่เชียนจิ่วใช่ไหม?”

“คุณคิดว่า หยางชิงโยวมีข้อบกพร่องอย่างเห็นได้ชัด ยังกล้าที่จะบอกว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน เพื่อที่สามารถใช้ประโยชน์จากเย่เชียนจิ่วจริงๆ ใช่ไหม?”

คำพูดของชายหนุ่ม เหมือนกับค้อนหนักอึ้งอันหนึ่ง ที่กำลังทุบอยู่บนศีรษะของซูสือเยว่แรงๆ

สมองของเธอเริ่มแสดงอาการรับไม่ได้กับข่าวนี้ออกมา

หญิงสาวตะลึงอยู่นาน ถึงค่อยๆ เงยหน้ามองใบหน้าของฉินโม่หาน “คุณหมายความว่า…”

“ใช่ ฉินหลิงยี่เป็นคนทำ”

ฉินโม่หานลากซูสือเยว่ให้ขึ้นบนเตียง พลางกดร่างกายของเธอไว้ด้านล่าง จากนั้นก็เริ่มบรรจงจูบอย่างอ้อยอิ่ง “หลายปี ที่ผ่านมานี้เย่เชียนจิ่วอยู่ในบ้านตระกูลฉินมาตลอด ไม่เคยได้รับอิสระเลย ทุกวินาทีทุกการกระทำของเธอ ต่างถูกฉินหลิงยี่คอยจับจ้องอยู่ตลอด”

“แต่ว่าเธอก็ยังเป็นเพื่อนกับหยางชิงโยว คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดมากเหรอ?”

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก “ขนาดการที่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ฉินหลิงยี่ก็ยังวางแผนอีกเหรอ?”

“ประมาณนั้น”

ฉินโม่หานพยักหน้า

“ฉินหลิงยี่หวังให้เย่เชียนจิ่วมีลูกกับผม”

“ถึงตอนนั้นอาศัยเรื่องมีลูกกับผม จนต้องไปขอเย่เชียนจิ่วแต่งเข้าบ้าน การทำแบบนี้ฉินหลิงยี่ก็สามารถควบคุมให้ผมอยู่ใต้การชักนำของเขาแล้ว จนกลายเป็นมือซ้ายมือขวาของเขา ถึงขั้นสามารถช่วยเหลือเขาในการต่อกรกับตระกูลเจี่ยนไปด้วยกัน”

“แต่ว่าการใช้ชีวิตเรื่องส่วนตัวของเย่เชียนจิ่วไม่เหมาะสม ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ถึงได้ใช้คุณให้เป็นประโยชน์”

“สิ่งเหล่านี้ อยู่ในกำมือฉินหลิงยี่มาตลอด”

“ดังนั้นฉินหลิงยี่เลยวางแผนให้หยางชิงโยวกับเย่เชียนจิ่วเป็นเพื่อนกัน”

“เป้าหมายของฉินหลิงยี่ ก็คือธุรกิจโรงพบาลจิตเวชของครอบครัวของหยางชิงโยว”

“คุณคิดดูนะ ถ้าตอนแรกคุณเกิดตายขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี”

“แต่ถ้าคุณไม่ตาย ก็ต้องมีสักที่หนึ่ง ที่สามารถกักตัวคุณไว้ได้ และลบล้างความทรงจำของคุณไป”

“โรงพยาบาลจิตเวช เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด คุณเป็นบ้า นี่ถือว่าเป็นคำฝากฝังที่ดีที่สุด”

ซูสือเยว่ได้ยินแล้วถึงกลับตัวเย็นเฉียบจนเหงื่อแตกพลั่ก

เธอพลันคิดถึงตอนที่เจอกับฉินหลิงยี่เป็นครั้งแรก

เวลานั้น แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าคนผู้ชายคนนั้นเป็นศัตรูของเธอก็ตาม แต่ไม่คิดเลยว่า ….

เขาจะเป็นคนประเภทนี้

ไม่เพียงแต่ร่างกายแข็งแรงบึกบึนเท่านั้น ยังมีความคิดที่ละเอียดรอบคอบและความรู้สึกเลือดเย็นถึงเพียงนี้เลย

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จาอะไรออกมา ฉินโม่หานก็จูบติ่งหูของเธอ พลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย “แค่นี้ก็รับไม่ไหวแล้วเหรอ?”

ซูสือเยว่ถูกเขาหัวเราะใส่จนขุ่นเคืองบ้าง

เธอเม้มริมฝีปาก พลางจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังกดทับอยู่บนร่างกายของตนเองอยู่

“งั้นคุณว่า…”

“ฉินหลิงยี่ เขาชอบเย่เชียนจิ่วไหม?”

ฉินโม่หานคลี่ยิ้ม พลางกลืนเสียงของเธอทั้งหมดลงท้อง “ไม่ว่าจะเป็นคนเลือดเย็นยังไง ในใจก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ”

“แต่ว่าสำหรับเย่เชียนจิ่ว บางทีก็ไม่ใช่ความรัก”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset