สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 374 ฉันคิดว่าช่วงนี้เธอจะต้องยุ่งมากแน่ๆเลย

ฝ่ามือนี้ของจี้ว่านเชิ่ง ได้ตบมาจนทำเอาลู่จิ่งเฉินมึนเบลอไปโดยสมบูรณ์

เหล่าคนสนิทสองสามคนที่อยู่ข้างๆเขาที่ได้ตามเขามาต้อนรับจี้ว่านเชิ่งด้วยกันก็ได้พากันงงงวยกันไปหมดเช่นเดียวกัน

ไป๋ลั่วมองลู่จิ่งเฉินไปอย่างเลื่อนลอย แล้วมองไปทางจี้ว่านเชิ่งอีกที จากนั้นก็รีบเข้าไปกระซิบเสียงเบาทันที

“คุณท่านครับ นี่คุณท่านทำอะไรกันครับ?”

“นี่ฉันทำอะไรล่ะ!?”

จี้ว่านเชิ่งถลึงตามองลู่จิ่งเฉินไปอย่างเยือกเย็น ในสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“ลู่จิ่งเฉิน ฉันรู้ว่าตอนเด็กๆแกมีชีวิตที่ยากลำบาก แม่ของแกเพื่อที่จะไม่ให้แกถูกขงเนี่ยนโหรวพบเจอเข้าจึงจงใจให้คนใช้พาแกออกไป ไปอยู่ในที่ที่ยากจนแร้นแค้นมาก”

“แกอยู่ที่ทางนั้นใช้ชีวิตไปได้ไม่ดีนัก พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงที่บ้านก็มักจะทุบตีแกอย่างโหดร้ายอยู่เสมอ เรื่องพวกนี้พ่อล้วนรู้ดีทั้งนั้น”

“ตอนที่ฉันเพิ่งจะได้รู้แรกๆว่าแกอยู่ที่นั่นได้รับความยากลำบาก ฉันเองก็สงสารเหมือนกัน ฉันยังพูดกับสองคนนั้นที่เจี่ยนหมิงจงส่งไปเลยว่าจะต้องปฏิบัติตัวดีๆกับแก ไม่อาจให้แกต้องได้รับความไม่เป็นธรรมอีกแม้แต่นิดเดียว”

“เมื่อก่อนตอนที่แกเจอฉัน ก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาหนักมากเหมือนกัน แกบอกว่าในที่สุดแกก็ตามหาญาติพี่น้องเจอ แกจะรักษาญาติพี่น้องเอาไว้อย่างดี”

“ฉันคิดว่าแกคิดแบบนั้นด้วยใจจริง จึงได้ออกจากเมืองหรงไปอย่างวางใจ มอบหมายเรื่องฉินโม่หานให้แกเป็นคนจัดการ”

“แต่ผลสุดท้ายแกทำยังไงกันล่ะ!?”

จี้ว่านเชิ่งถลึงตาจ้องมองลู่จิ่งเฉินไปด้วยความเยือกเย็น

“แกอิจฉาน้องชายของแกที่ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของตระกูลฉิน ครอบครองชวงซิงกรุ๊ป ร่ำรวยระดับประเทศ!”

“แกไม่เพียงแต่จะปิดบังฉันเรื่องที่เขาป่วยหนัก แต่ยังคิดฝันลมๆแล้งๆกับคู่หมั้นของแกว่าจะยึดครองทั้งหมดของเขาด้วยกัน!”

“จิ่งเฉิน ฉันมองแกผิดไปจริงๆ!”

จี้ว่านเชิ่งต่อว่าออกไปโครมๆไม่หยุดไปยกนึง ทำให้ลู่จิ่งเฉินตะลึงงันไปหมด

เขากุมหน้าเอาไว้ มองจี้ว่านเชิ่งไปอย่างมึนงง ในสายตาได้เขียนเต็มไปด้วยความเจ็บที่ถูกทำร้ายและความรู้สึกยากที่จะเชื่อ

“คุณพ่อ…”

เขานึกไม่ถึงว่าตนมารับพ่อไปเจอน้องชายอย่างมีความสุข พอมาถึงแล้ว นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาจะเป็นฝ่ามือกับคำด่าว่าด้วยความโกรธเกรี้ยวของจี้ว่านเชิ่งแทน

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อธิบายแก้ต่างให้กับตัวเองไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“คุณพ่อเข้าใจอะไรผิดไปใช่มั้ยครับ?”

“แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย…”

แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยจะอิจฉาฉินโม่หานมาก่อนเลยนะ!

เมื่อตอนนั้นตอนที่จี้ว่านเชิ่งกับเจี่ยนหมิงจงออกจากเมืองหรงไปได้เคยพูดเอาไว้ว่าต้องการจะให้เขาแทนที่สถานะของฉินโม่หาน รักษาสถานการณ์ตอนนี้ของฉินซื่อกรุ๊ปและชวงซิงกรุ๊ปให้มั่นคงแทนฉินโม่หาน

แล้วยังต้องการให้เขารักษาอารมณ์ของซูสือเยว่ให้สงบลง

เขากำลังทำมันไปด้วยความพยายามมากแล้ว

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยอวดดีมาก่อนเหมือนกัน คิดว่าตัวเองเคยมีประสบการณ์การเปิดบริษัทเล็กๆมาก่อน สามารถช่วยฉินโม่หานจัดการดูแลบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาให้เรียบร้อยได้

แต่ว่าในตอนที่เขาได้กลายมาเป็นตัวแทนของฉินโม่หานจริงๆแล้ว เขาถึงได้รู้ว่าในทุกๆวันงานที่ฉินโม่หานต้องพบเจอมันหนักมากแค่ไหน

วุฒิการศึกษาของเขาเรียนถึงแค่เพียงม.ปลาย กับประสบการณ์ที่ได้เปิดบริษัทเล็กๆที่มีน้อยนิดมาก มันไม่พอที่จะค้ำจุนมันเหมือนกับที่ฉินโม่หานค้ำจุนบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติสองบริษัทเอาไว้เลย

แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งพวกนี้ฉินโม่หานได้มาไม่ได้ง่ายเลย เขาไม่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของฉินโม่หานในกำมือของเขาได้

ดังนั้นแล้วในช่วงเวลาตอนนี้ ทุกๆวันเขาล้วนแล้วแต่จะต้องจัดการงานที่เป็นงานทางการของบริษัทไปพลาง เรียนรู้งานกับไป๋ลั่วไปพลาง ในทุกๆวันเขานอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาทำการตัดสินใจอะไรสักอย่าง ล้วนแล้วแต่จะต้องไปหาไป๋ลั่วและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเพื่อทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอีกครั้งนึง ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดพลาดไป

เขายุ่งจนในทุกๆวันแม้แต่เวลาที่จะได้อยู่กับลู่จื่อเหยาก็ยังไม่มีเลย

ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เมื่อวานนี้ที่ลู่จื่อเหยาได้ถูกซูสือเยว่กับเพื่อนสนิทของเธอใช้มีดเข้ามาทำร้ายถึงสองครั้งได้หรอก

เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว คิดว่าตนทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้เพื่อฉินโม่หานไปมันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าทั้งนั้น

แต่ว่าตอนนี้…

นึกไม่ถึงว่าคุณพ่อจะไม่ฟังคำอธิบายอะไรเลย บอกว่าเขาโลภ บอกว่าเขาอิจฉาฉินโม่หาน ต้องการจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของฉินโม่หานไป!

ลู่จิ่งเฉินยิ่งคิดสีหน้าที่อยู่บนใบหน้ามันก็ยิ่งมืดครึ้มขึ้น

เป็นเพราะว่าเขาได้รับการศึกษามาน้อยใช่มั้ย เพราะว่าสิ่งแวดล้อมการใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กของเขามันไม่ดี คนอื่นก็เลยตัดสินกันไปสุ่มสี่สุ่มห้า คิดว่าตนเป็นคนโลภมากในเรื่องเงินทอง?

“แกยังจะพูดอีกนะว่าแกไม่ได้อิจฉาทุกสิ่งทุกอย่างของฉินโม่หาน!?”

จี้ว่านเชิ่งถลึงตาใส่เขา ยกมือขึ้นมาด้วยความโกรธ ฝ่ามือที่สองกำลังจะฟาดลงไปที่หน้าของลู่จิ่งเฉิน

“ใจเย็นๆ”

ในตอนที่มือของจี้ว่านเชิ่งฟาดอยู่กลางอากาศกำลังจะตบลงมาที่หน้าของลู่จิ่งเฉินนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาจับแขนข้อมือของเขาเอาไว้

ชายคนนั้นย่นคิ้วออกมา พอมองดูให้ชัดแล้วก็ได้พบว่าคนที่จับข้อมือของเขาเอาไว้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นหลิวหรูเยียนที่นั่งอยู่ในรถเข็นนั่นเอง

เธอกวาดสายตามองจี้ว่านเชิ่งไปนิ่งๆ มุมปากได้ประดับไปด้วยความเยือกเย็นอยู่หลายส่วน

“ฉันยังนึกอยู่เลยว่าแอบซุ่มอยู่ใกล้ตัวขงเนี่ยนโหรวมานานขนาดนี้แล้ว นิสัยเสียที่ชอบทำอะไรวู่วามนี้ของคุณมันจะเปลี่ยนไปแล้วเสียอีก”

“ทำร้ายตบตีคนอื่นเขาซี้ซั้ว?”

พูดจบ เธอก็ได้เลิกสายตาขึ้นไปมองลู่จิ่งเฉินอย่างเป็นมิตร “เด็กน้อย อย่าไปเอาเยี่ยงอย่างพ่อของเธอเลยนะ เขาเป็นตาเฒ่าวิปริตคนหนึ่ง เธอทำเป็นว่าเขาเป็นคนตายคนนึงเอาก็ได้”

จี้ว่านเชิ่งถูกเธอว่ามาอย่างนี้ จึงย่นคิ้วยุ่งออกมาทันที “คุณพูดบ้าอะไร?”

เจี่ยนหมิงจงที่อยู่ข้างหลังรถเข็นหลิวหรูเยียน ก็ได้เข็นเธอพลางยิ้มออกมา “เธอไม่ได้พูดบ้าอะไรสักหน่อย”

พูดจบ ชายคนนั้นก็ได้กำหมัดอยู่เงียบๆ

จี้ว่านเชิ่งขลาดกลัวไม่กล้าโต้แย้งออกไปอยู่ชั่วขณะ ขนาดลูกชายของตัวเองก็ไม่กล้าสั่งสอนเลย

เห็นเขาไม่พูดอะไรออกมาแล้ว หลิวหรูเยียนถึงได้มองลู่จิ่งเฉินไปด้วยรอยยิ้ม เคลื่อนรถเข็นไปที่ตรงหน้าเขา ยื่นมือออกไปจับมือของเขาเอาไว้

“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยนะ ฉันชื่อว่าหลิวหรูเยียน เป็นเพื่อนสนิทของลู่เนี่ยนโหรวแม่แท้ๆของเธอ”

“เมื่อตอนนั้นลู่เนี่ยนโหรวแม่แท้ๆของเธอเติบโตมาจากบ้านของเจี่ยนหมิงจงสามีองฉัน เป็นน้องสาวต่างสายเลือดของสามีของฉัน แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเช่นกัน”

“เมื่อกี้นี้ที่พ่อของเธอเขาอารมณ์ร้อนไปหน่อยก็มีเหตุผลพอที่จะเข้าใจได้อยู่ เธออย่าไปโกรธเขาเลยนะ”

ลู่จิ่งเฉินหลุบตาลง มองผู้หญิงที่กำลังจับมือของตนอยู่ ตัวเขาเขวไปชั่วขณะโดยอัตโนมัติ

ความอบอุ่นจำพวกนี้ เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย

ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากลู่จื่อเหยาแล้ว ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนให้ความอบอุ่นอย่างนี้กับเขามาก่อนเลย

เขาคอยเป็นทาสของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงมาโดยตลอด ต้องทำงานหนักตั้งแต่เด็ก ต้องคอยดูแลรับใช้คุณชายและคุณหนูของบ้านพวกเขา

ถึงขนาดที่เขาเรียนมาถึงม.ปลายแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ ก็ไม่สามารถไปเรียนได้

เพราะว่าพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงไม่อนุญาตให้เขาออกไปจากระยะสายตาของพวกเขา ไม่อนุญาตให้เขาไม่อยู่คอยรับใช้คนในครอบครัวของพวกเขาอยู่ใกล้ๆ

ความอบอุ่นเดียวของเขาคือลู่จื่อเหยา

แต่ว่าตอนนี้…

เหมือนกับว่ามันได้เพิ่มญาติผู้ใหญ่ผู้หญิงคนตรงหน้าคนนี้มาอีกคนนึงแล้ว

“เรียกฉันว่าน้าหลิวก็ได้”

หลิวหรูเยียนยิ้มออกมาจางๆ

“น้าหลิว…”

“อืม”

หลิวหรูเยียนมองชายคนตรงหน้าใบหน้านี้เหมือนกับใบหน้าของฉินโม่หานไม่มีผิดเพี้ยนเลย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เธอกับฉินโม่หานนี่เหมือนกันมากเลยจริงๆ”

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าน้าหลิวรู้ว่าเธอคือลู่จิ่งเฉินนะ แค่เห็นใบหน้านี้ของเธอ แล้วก็ความสามารถที่เธอคอยจัดการงานของฉินซื่อกรุ๊ปกับชวงซิงกรุ๊ปในช่วงนี้นะ ฉันจะนึกว่าเธอคือฉินโม่หานจริงๆแน่เลย”

นี่เป็นคำชมที่ดีที่สุดเลยตั้งแต่ที่ลู่จิ่งเฉินเข้ามาแทนที่ฉินโม่หานมา

ชายหนุ่มเงียบไปสักพักนึง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาออกมา

“ขอบคุณครับ…”

หลิวหรูเยียนเอ่ยออกมาต่อว่า

“ฉันคิดว่าช่วงนี้เธอจะต้องยุ่งมากแน่ๆเลย คงจะไม่มีโอกาสได้ดูข่าวแน่เลย”

ลู่จิ่งเฉินพยักหน้าตอบรับออกมา “ครับ”

แม้แต่เวลาจะนอนของเขาก็ยังน้อยมาก จะไปมีเวลาดูข่าวได้ยังไง

หลิวหรูเยียนทอดถอนหายใจออกมา หลังจากที่ถลึงตามองจี้ว่านเชิ่งไปอย่างเยือกเย็นแล้ว แล้วก็ได้หยิบแท็บเล็ตส่งไปให้ลู่จิ่งเฉินอย่างอ่อนโยน “งั้นเธอก็ลองดูข่าวนี้ก่อนนะ”

ในข่าว ลู่จื่อเหยากำลังได้รับการสัมภาษณ์อยู่

“คู่หมั้นของฉันคือฉินโม่หานค่ะ…”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset