สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 42 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่ร่ำลือกัน

บทที่ 42 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่ร่ำลือกัน

รถมาจอดอยู่ที่วิลล่าตระกูลฉิน

ซูสือเยว่ลงจากรถ พอเข้าบ้านไป ซิงเฉินก็เข้ามาต้อนรับ

ในอ้อมแขนของเด็กน้อยมีดอกกุหลาบช่อใหญ่ “หม่ามี้ ยินดีด้วยครับ!”

ซูสือเยว่รับดอกกุหลาบมา “ยินดีกับแม่?”

“ในที่สุดหม่ามี้ก็ไม่ต้องเป็นนักแสดงแทนแล้ว ผมกับพี่ชายดีใจกับหม่ามี้ด้วยครับ!”

ซิงเฉินเห็นหล่อนยิ้มตาหยี “พี่ชายยังเตรียมนมให้หม่ามี้เป็นพิเศษด้วยนะครับ!”

ซูสือเยว่รู้สึกประทับใจเล็กน้อย หล่อนคุกเข่าลง กุมใบหน้าของซิงเฉินเอาไว้ จูบลงบนใบหน้าของเขาเบาๆ “ขอบคุณลูกนะ”

ใบหน้าของเด็กน้อยเป็นสีแดงเสียจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เขาเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย “ผม…ผม…”

“ผมจะขึ้นไปตามพี่ชายลงมา!”

พอพูดจบแล้ว เขาก็ผละออกจากซูสือเยว่แล้ววิ่งตึงๆ ออกไป

ซูสือเยว่ถูกท่าทางของซิงเฉินทำให้ขบขันเสียแล้ว “เด็กน้อยขนาดนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังขี้อายอยู่”

เบื้องหลังของเธอมีชายรูปร่างสูงยืนตระหง่านก่อนจะถอดสูทออกแล้วส่งให้กับคนรับใช้ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม “นี่เป็นกรรมพันธุ์”

หญิงสาวชะงักไปสักพัก แล้วหันกลับไปมองเขา “กรรมพันธุ์?”

“อืม”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “คุณแม่ของซิงเฉินกับซิงหยุนขี้อายมากเลยเหรอ?”

ฉินโม่หานกวาดสายตามองเธออย่างราบเรียบแวบหนึ่ง “เปล่า”

“ก็คุณบอกว่านี่เป็นกรรมพันธุ์? ถ้าไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์จากแม่ของพวกเขา… ”

ในขณะที่เธอพูดนั้น ก็หันไปมองที่ร่างของเขา “หรือว่าจะเป็นกรรมพันธุ์จากคุณ?”

ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าของหล่อนด้วยแววตาที่ลึกล้ำ จากนั้นพ่นออกมาหนึ่งคำอย่างราบเรียบว่า “ใช่”

ซูสือเยว่: “……”

สายตาของเขาดูร้อนแรงและอันตรายมากเกินไป หล่อนรีบจัดหน้าจัดผมใหม่ไม่กล้าสบตาเขา “อย่าล้อฉันเล่นเลย คุณจะเป็นคนขี้อายขนาดนั้นได้ยังไง”

“ผมขี้อาย”

ชายหนุ่มมองดูเธอ ริมฝีปากดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ถ้าไม่เชื่อลองจูบปากผมหน่อยเป็นไง?”

คำพูดของเขา เป็นเหมือนไฟที่แผดเผาใบหน้าไปจนถึงลำตัวของซูสือเยว่

“หม่ามี้ หม่ามี้ก็ลองจูบดูหน่อยสิครับ”

หัวน้อยๆ ที่ดูซุกซนของซิงหยุนโผล่ออกมาจากราวบันได แล้วยิ้มตาหยีจ้องมาเธอ “ผมก็อยากเห็นท่าทางเขินอายของคุณพ่อเหมือนกัน!”

ซูสือเยว่: “……”

หญิงสาวกัดริมฝีปากด้วยอาการหน้าแดงและหัวใจเต้นรัว หมุนตัวราวกับจะหนีเอาชีวิตรอดไปทางห้องครัวก็มิปาน

หลังจากที่เข้าไปในห้องครัวแล้ว เธอก็ยังไม่ลืมที่จะปิดประตู

กระจกที่ขวางกั้นไว้อยู่ ทำให้ฉินโม่หานมองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังพิงประตูห้องครัวอยู่ ริมฝีปากจึงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างแผ่วเบา

เขาเงยหน้าขึ้น มองดูซิงเฉินที่อยู่ชั้นบนแวบหนึ่ง

ซิงเฉินเองก็มองเขาเช่นกัน

ดวงตาทั้งสี่ดวงสอดประสานกัน สุดท้ายแล้วเจ้าหนูที่ทำลายเรื่องดีๆ ของแด๊ดดี้ก็ยอมแพ้ แล้วเดินหน้าเศร้ากลับไปร้องทุกข์ที่ห้องของพี่ชาย

“แด๊ดดี้คิดจะเอาเปรียบหม่ามี้”

ซิงเฉินใช้สองมือกอดอกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก

ซิงหยุนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ในมือถือหนังสือการเขียนโปรแกรมของผู้ใหญ่ที่ดูจะเข้าใจยากเล่มหนึ่ง ในขณะที่อ่านไปด้วยก็หัวเราะอย่างแผ่วเบาไปด้วย “พวกเขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”

“แต่ว่าแด๊ดดี้ยังไม่เคยบอกว่าชอบหม่ามี้”

ซิงเฉินทำปากยื่นออกมา ใบหน้ายังคงไม่ยินยอมอยู่ดี “ผมดูในการ์ตูน เจ้าชายทั้งหลายต่างก็สารภาพรักกับเจ้าหญิงไปแล้ว ถึงจะสามารถเอาเปรียบเจ้าหญิงได้!”

คำพูดของเด็กน้อย ทำให้มือของซิงหยุนหยุดชะงักไปเล็กน้อย

จากนั้นไม่นาน เขาก็พลิกเปิดหนังสือการเขียนโปรแกรมหนึ่งหน้าแล้วอ่านต่อ “นายควรดูอะไรที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ได้แล้ว”

ซิงเฉินเบะปาก “แล้วอะไรที่เป็นผู้ใหญ่ล่ะ?”

ซิงหยุนยกหนังสือเล่มหนึ่งขึ้น ‘ทฤษฎีวิศวกรรมเครื่องกล’ จากนั้นก็โยนให้ “เล่มนี้”

“ผมไม่อยากเปลี่ยนไปเป็นหนอนหนังสือเหมือนพี่นะ”

ซิงเฉินวางหนังสือเล่มนั้นกลับไปบนโต๊ะ แล้วหยิบแท็บเล็ตออกมา “ผมอยากเป็นแค่เด็กธรรมดา”

ซิงหยุนมองดูเขาอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง แล้วส่ายหัว

น้องชายของเขาคนนี้ มีไอคิวสูงเช่นเดียวกันกับเขา แต่กลับมีท่าทางดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

ไม่รู้ว่าเขาไร้เดียงสาจริง ๆ หรือว่ากำลังแกล้งทำเป็นไร้เดียงสากันแน่

……

วันรุ่งขึ้น ในตอนที่ซูสือเยว่มาถึงที่สตูดิโอภาพยนตร์ หัวหน้าผู้กำกับกับเฉิงเซวียนก็ได้มารอเธออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

“สือเยว่ เธอนี่เป็นดาวนำโชคของฉันจริง ๆ เลย!”

พอเห็นเธอแวบเดียว หัวหน้าผู้กำกับก็รีบเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “เมื่อวานข่าวของเธอกับเฉิงเซวียนทั้งสองคน ตอนนี้ดังระเบิดในอินเทอร์เน็ตแล้ว!”

“ระดับการพูดนั้นใหญ่โตจนทำให้บอสใหญ่ของสตูดิโอภาพยนตร์ตกใจ!”

“วันนี้ เถ้าแก่หวงโทรศัพท์หาฉันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ บอกว่าวันนี้ บอสใหญ่ของสตูดิโอภาพยนตร์จะมากำกับการแสดงคู่ของเธอและเฉิงเซวียนด้วยตัวเอง!”

ใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ “ดูแล้วบอสใหญ่ก็คงจะเหมือนกับฉัน ต่างก็รู้สึกว่าเธอสือเยว่กับเฉิงเซวียนนั้นเหมาะสมกันมาก!”

เฉิงเซวียนที่อยู่ด้านข้างเองก็ยิ้มแต่ก็ดูเหมือนไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “จริงด้วย สือเยว่”

“เมื่อวานมีผู้คนมากมายที่ชมว่าพวกเราเหมาะสมกัน”

ซูสือเยว่เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “คนตาบอดนี่เยอะจริงๆ”

สีหน้าของเฉิงเซวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของหัวหน้าผู้กำกับแล้ว เขาก็ไม่สามารถเอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานได้ ทำได้เพียงยิ้มต่อไป “สือเยว่ คำพูดนี้พูดเหลวไหลไม่ได้นะ”

“หัวหน้าผู้กำกับก็บอกแล้วว่าแม้แต่นายใหญ่ที่สุดของสตูดิโอภาพยนตร์ก็ยังอยากมาดูเธอกับฉันแสดงร่วมกัน”

“เพื่อดูเธอกับฉันแสดงด้วยกันเขาถึงขั้นมาด้วยตัวเอง วันนี้เธอจะต้องแสดงให้ดีนะ”

“ใช่ ๆ พวกเธอจะต้องแสดงให้ดีนะ!”

หัวหน้าผู้กำกับยิ้มเสียจนมีรอยเหี่ยวย่นขึ้นมาบนใบหน้า “ถ้าหากว่าทำให้นายใหญ่ท่านนี้มีความสุข ก็อาจจะเพิ่มเงินลงทุนกับละครโทรทัศน์ของพวกเราก็ได้!”

ซูสือเยว่ถูกหัวหน้าผู้กำกับลากเข้าไปในห้องประชุมด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

พูดคุยปรึกษากันเพื่อที่จะทำให้ผู้มีอิทธิพลคนนั้นพอใจ หัวหน้าผู้กำกับถึงขั้นจัดให้ซูสือเยว่และเฉิงเซวียนนั่งอยู่ติดกัน

หลังจากที่หลาย ๆ คนนั่งลงแล้ว ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าเคร่งขรึมดังขึ้น

“มาแล้ว!”

หัวหน้าผู้กำกับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ได้ยินมาว่าบอสใหญ่ท่านนี้เป็นบุคคลที่ลึกลับและก็ร่ำรวยมาก”

เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็ก้มหน้าลงซุบซิบกับซูสือเยว่ “เธอยังจำได้ไหมว่ามีครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีการปล่อยข่าวปลอมที่ สตูดิโอภาพยนตร์น่ะ?”

ซูสือเยว่พยักหน้า เธอยังจำได้

นั่นเป็นช่วงที่เธอเพิ่งจะแต่งงานกับฉินโม่หาน ฟู๋เชียนเชียนยังโทรศัพท์มาหาเธอตั้งแต่เช้าบอกว่าผู้หญิงของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งต้องการพักผ่อน ดังนั้นจึงให้สตูดิโอภาพยนตร์หยุดงาน

ตอนนั้นเธอยังเคยทอดถอนใจด้วยความหดหู่ คนรวยนั้นแตกต่างกันจริงๆ

“จากที่ลือมา ผู้มีอิทธิพลที่บอกให้สตูดิโอภาพยนตร์หยุดงานนั้นก็คือบอสใหญ่ท่านนี้!”

เมื่อพูดจบแล้วหัวหน้าผู้กำกับก็ยังอดทอดถอนใจไม่ได้ “ไม่รู้จริงๆ ว่านักแสดงหญิงคนไหนที่มีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลอย่างนี้”

ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นและเริ่มรู้สึกตั้งหน้าตั้งตารอดูโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ทรงอิทธิพลท่านนี้

จนในที่สุด เสียงฝีเท้าก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

ตามด้วยประตูของห้องประชุมได้ถูกเปิดออก

ชายหนุ่มที่แผ่กลิ่นอายดุดันและเผด็จการยืนอยู่ตรงหน้าประตู

ซูสือเยว่ตกตะลึงและพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน

ที่แท้ เธอคิดว่าบอสใหญ่ที่หัวหน้าผู้กำกับพูดถึงนี้จะเป็นชายวัยกลางคนอ้วนลงพุงเสียอีก

คิดไม่ถึงเลยว่า…ที่แท้ก็คือฉินโม่หาน!?

สิ่งที่หัวหน้าผู้กำกับเคยพูดกับเธอเมื่อก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นในหู

ตอนแรกที่สตูดิโอภาพยนตร์หยุดงาน เป็นเพราะผู้หญิงของผู้มีอิทธิพลท่านนี้ต้องการพักผ่อน…

ดังนั้น…เธอก็คือคนที่อยู่ในข่าวลือนั่น เป็นผู้หญิงของผู้มีอิทธิพลท่านนั้น!?

“สวัสดีครับ!”

หัวหน้าผู้กำกับลากซูสือเยว่ให้ลุกขึ้นยืน คนอื่น ๆ ในห้องประชุมต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพเพื่อต้อนรับเขาด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเรียบ ๆ จากนั้นก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความเย็นชาและสง่างาม

ฉินโม่หานในวันนี้ สวมชุดสูทสีดำตลอดทั้งตัว แผ่กลิ่นอายที่ดูเคร่งขรึมและเย็นชาไปทั่วทั้งร่าง

หัวหน้าผู้กำกับก้าวเข้าไปดึงเก้าอี้ตำแหน่งประธานในห้องประชุมให้ด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก “เชิญนั่งครับ”

ทว่าชายหนุ่มกลับเดินผ่านหัวหน้าผู้กำกับไป แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ซูสือเยว่ด้วยตัวเอง

ซูสือเยว่มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมากของเขา แล้วลอบกลืนน้ำลายเงียบๆ “คุณ…”

“ผมอยากนั่งตรงนี้”

ชายผู้นั้นเอ่ยออกมาเบาๆ “ย้ายที่ได้ไหม?”

ซูสือเยว่ลุกขึ้นยืนอย่างมึนงง ก่อนจะยกที่นั่งให้

เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งก่อนหน้านี้ แล้วสื่อความหมายว่าให้เธอนั่งลง

รอให้นั่งลงใหม่เสร็จเรียบร้อย ในที่สุดซูสือเยว่ก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขา

ในนามที่แสดงคู่กันหัวหน้าผู้กำกับเลยให้เธอกับเฉิงเซวียนนั่งติดอยู่ด้วยกัน แต่ยามนี้ฉินโม่หานได้แยกพวกเขาออกจากกันแล้ว!

เฉิงเซวียนรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “คุณผู้ชาย”

เขามองฉินโม่หานอย่างมีมารยาท “ผมกับสือเยว่ต้องแสดงคู่กัน มีคุณมากั้นกลางอย่างนี้ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”

ฉินโม่หานมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง แล้วเอนตัวพิงด้านหลัง แล้วไขว้ขาทั้งสองข้างด้วยท่าทางที่สง่างาม “แล้วถ้าผมอยากจะนั่งตรงนี้แยกพวกคุณออกจากกันล่ะ?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset