สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 75 เธอคิดว่าเธอโดนสบประมาทเข้าแล้ว

เมื่อแต่งหน้าเสร็จแล้ว ซูสือเยว่ก็เข้าฉากตามปกติเพื่อเตรียมที่จะแสดงละครกับเฉิงเซวียน

“ซูสือเยว่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”

เฉิงเซวียนมายืนอยู่ตรงหน้าของซูสือเยว่ด้วยท่าทางที่กระฉับกระเฉง ทั้งยังมีรอยยิ้มที่ลำพองใจอยู่บนใบหน้า “รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?”

หญิงสาวมองเขาอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง “รู้สิ วันพิธีมอบรางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม”

แล้วก็เป็นวันที่นายสวมเขาให้ฉันด้วย!

“รู้ก็ดี”

เฉิงเซวียนยิ้มอย่างอวดดีแล้วยัดการ์ดเชิญไว้ในมือของซูสือเยว่ “ตามกฎแล้ว คนที่เพิ่งเขาวงการมาใหม่อย่างเธอ ถ้าไม่มีคำเชิญจากกองถ่าย ก็จะไม่มีโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ใหญ่โตขนาดนี้”

“การ์ดเชิญใบนี้หวั่นฉิงตั้งใจหาพนักงานมาอนุมัติให้เธอผ่านเป็นพิเศษเลยนะ”

“จริงสิ เธอคงยังไม่รู้สินะว่าคืนนี้หวั่นฉิงก็ไปเข้าร่วมด้วย”

“รางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมทุกสุดในปีนี้ หล่อนจะต้องคว้ามาได้แน่นอน”

เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็ถอนหายใจ แล้วขยับเข้าไปใกล้ซูสือเยว่ แล้วกระซิบเสียงต่ำว่า “เธอทุ่มเทกำลังไปมากขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะแย่งบทบาทนักแสดงนำหญิงจากหวั่นฉิง แล้วเป็นอย่างไรล่ะ?”

“หลังจากที่หล่อนได้รับรางวัลแล้ว จากนั้นหล่อนก็จะมีภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาไม่หยุด จะต้องมีบทนางเอกที่ยิ่งดีแล้วก็ยิ่งเยอะกว่าแย่งกันเพราะต้องการตัวหล่อน”

ซูสือเยว่ถอยหลังไปหนึ่งกว่าอย่างเงียบ ๆ แล้วมองดูเฉิงเซวียนทำเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “พูดเรื่องพวกนี้ในตอนนี้คงจะเร็วเกินไปหน่อยมั้ง”

“ยังไม่ถึงตอนจบ ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นแหละว่าสุดท้ายแล้วรางวัลในคืนนี้จะเป็นของใครกันแน่ ไม่ใช่เหรอ?”

เธอนำการ์ดบัตรเชิญนั้นยัดใส่เข้าไปในมือของเฉิงเซวียนใหม่อีกครั้ง “นายวางใจเถอะ ฉันจะต้องไปเข้ารู้งานพิธีมอบรางวัลในคืนนี้แน่นอน”

“ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การ์ดเชิญจากพวกนาย”

พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป

เฉิงเซวียนมองดูแผ่นหลังของเธอแล้วแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมาคำหนึ่ง

เขารู้อยู่แล้วว่าซูสือเยว่จะต้องอิจฉาแน่นอน!

แน่นอนเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องแสดงความยินดีให้กับเขาและหวั่นฉิง แต่ขอเพียงซูสือเยว่ยังอยู่ในวงการนี้แค่หนึ่งวัน เขาจะต้องหาโอกาสทำให้ซูสือเยว่อึดอัดให้ได้!

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็หันไปมองพนักงานที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง “เริ่มถ่ายทำเมื่อไหร่?”

“ฉันต้องรีบถ่ายละครในตอนเช้าให้เสร็จ ตอนบ่ายยังต้องนอนหลับเพิ่มเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานพิธีในตอนเย็นอยู่นะ!”

พนักงานรีบยิ้ม “เร็วเข้า!”

ทีมงานเตรียมการยุ่งมากตลอดทั้งเช้า

ต่อให้จะไม่มีNGเลย แต่ซูสือเยว่กับเฉิงเซวียนก็ยังคงถ่ายทำกันจนถึงตอนเที่ยงกว่า

ภายหลังจากที่เลิกงานแล้ว ซูสือเยว่ก็มายืนรอรถอยู่ที่หน้าประตู

รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงคันหนึ่งมาจอดอยู่ที่ด้านข้างเธอ

ซูสือเยว่จำได้ รถคันนี้…

เป็นรถของซูโม่

เธอขมวดคิ้วแน่น ซูโม่มาทำอะไรที่กองถ่าย?

ในขณะที่เธอกำลังมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม กระจกรถก็ได้เคลื่อนลง

เซี่ยงหวั่นฉิงที่สวมผ้าปิดปากและแว่นตากันแดดโบกมือไปทางเฉิงเซวียน

เฉิงเซวียนรีบก้มหน้าแล้วสั่งการกับผู้ช่วยสองสามประโยค แล้วก้าวเท้าเข้าไป ก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปในรถ

ซูสือเยว่สงสัยว่าตัวเองคงจะตาฝาดเสียแล้ว

หลังจากที่รถไป เธอก็กลับมาคิดพิจารณาอีกครั้ง

รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงคันนั้นเป็นของซูโม่แน่นอน

แต่ซูโม่ไปสนิทกับเซี่ยงหวั่นฉิงขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?

แม้แต่รถก็ยังเอาให้หล่อนยืม?

ในขณะที่ซูสือเยว่กำลังสงสัยอยู่นั่นเอง ก็มีรถมาเซราติคันสีดำมาจอดอยู่ข้าง ๆ เธอ

กระจกที่นั่งด้านหลังเคลื่อนลงมา เผยให้เห็นใบหน้าดวงเล็กของซิงเฉินที่กำลังยิ้มตาหยี “หม่ามี๊ ขึ้นรถเร็ว!”

ซูสือเยว่เปิดประตูแล้วเข้าไปข้างในรถ

แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอก็คือ ภายในรถไม่ได้มีแต่ซิงเฉิน แต่ยังมีซิงหยุนที่ไม่ค่อยชอบออกจากบ้านอีกด้วย

ในเวลานี้เอง ซิงหยุนกำลังนั่งอยู่ฝั่งด้านข้างของคนขับราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย แล้วนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ

ส่วนซิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เอาหัวนอนหนุนตักของซูสือเยว่อย่างออดอ้อน ดวงตากลมโตกระจ่างใสแวววาวคู่หนึ่งจ้องมองเธอ “หม่ามี๊ ผมกับพี่ชายจะพาหม่ามี๊ไปทานข้าว พอทานข้าวเสร็จก็ไปซื้อชุดราตรี!”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว “ชุดราตรี?”

“ใช่แล้ว”

เด็กน้อยพยักหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ “คืนนี้หม่ามี๊จะต้องไปร่วมงานพิธีมอบรางวัลวัวทองไม่ใช่เหรอครับ?”

“ผมดูในตู้เสื้อผ้าของหม่ามี๊แล้ว ไม่มีชุดราตรีที่เป็นทางการเลย”

“ดังนั้นพี่ชายก็เลยรื้อเอาบัตรหนึ่งล้านสองแสนนั้นออกมา เพื่อไปซื้อชุดราตรีให้หม่ามี๊ครับ”

ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก “บัตรหนึ่งล้านสองแสน?”

ก็แค่ไปซื้อชุดราตรีเท่านั้นเอง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องพกเงินไปมากขนาดนี้หรอกมั้ง?

“เงินนี้ไม่สะอาด”

ซิงหยุนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แถวหน้าเงยหน้าขึ้นมา “ใช้ได้ตามใจชอบ ไม่เสียดาย”

เงินหนึ่งล้านสองแสนนี้ ก็คือเงินที่ยุบบริษัทโฆษณาปั่นกระแสที่เซี่ยงหวั่นฉิงนำมาสร้างกระแสเมื่อครั้งก่อนนั่นเอง

แทบจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมดภายในบ้านของเฉิงเซวียนแล้ว

ซูสือเยว่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอยู่บ้าง

“ไอ้หยา หม่ามี๊”

ซิงเฉินกลอกตามองบน “นี่เป็นเงินของผู้ชายเฮงซวย”

ซูสือเยว่ยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นไปอีก “ผู้ชายเฮงซวย?”

“เงินของเฉิงเซวียน!”

ซิงเฉินถอนหายใจออกมา แล้วอธิบายที่มาที่ไปของเงินก้อนนี้ให้ซูสือเยว่ฟังอย่างชัดเจน

ซูสือเยว่ : “……”

“หมายความว่า บริษัทโฆษณาปั่นกระแสนั่น…พวกลูกเป็นคนควบคุมเอาไว้?”

“เจ้าของบริษัทโฆษณาปั่นกระแสนั้นรู้จักกับพี่หนานเซิงครับ”

“จากนั้นพี่ชายก็เขียนโปรแกรมที่เป็นประโยชน์ให้กับบริษัทโฆษณาปั่นกระแสแห่งนั้น พวกเขาติดข้างหนี้น้ำใจของพี่ชาย ดังนั้นก็เลยช่วยพวกเรา”

ซูสือเยว่กลืนน้ำลายด้วยความตกตะลึง

นี่มันลูกเทพอะไรกันเนี่ย!

วันนั้นซิงหยุนให้เธอไปซื้อมะเฟืองมาให้เขาอยู่นั่นแหละ เธอเองก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าเบื้องหลังของคนที่ลงมือในวันนั้นนอกจากโม่ฉินหานแล้ว ยังมีเด็กน้อยสองคนนี้ด้วย!

อีกอย่างนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสองคนนี้จะมีบทบาทสำคัญด้วยอีกต่างหาก

เธอมองดูพวกเขา “พวกลูกเป็น…อัจฉริยะอย่างที่เขาลือกันใช่ไหม?”

ซิงหยุนใช้สายตาที่ดูราวกับกำลังมองคนโง่มองดูเธอแวบหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร

ทว่าซิงเฉินกลับหันมาหัวเราะฮิ ๆ สองคำ “หม่ามี๊ลองเดาสิ”

ซูสือเยว่ : “……”

เธอคิดว่าเธอโดนสบประมาทเข้าแล้ว

โชคดีที่เด็กสองนี้ไม่ใช่ลูกที่เธอคลอดออกมา ถ้าเธอคลอดลูกสองคนที่แหกกฎธรรมชาติขนาดนี้ออกมา เธอคงจะต้องตื่นเต้นจนแทบจะบินไปแล้ว!

แต่ตื่นเต้นก็ส่วนตื่นเต้น เงินของผู้ชายเฮงซวยอย่างเฉิงเซวียนต้องเอามาใช้ให้เต็มที่

หลังจากที่แม่ลูกทั้งสามคนได้ทานอาหารมื้อง่าย ๆ ที่ร้านอาหารเสร็จแล้ว ก็เริ่มเดินเที่ยวเตร่ที่ร้านค้าชุดราตรีสุดหรูในห้างสรรพสินค้า

เพื่อให้คืนนี้ซูสือเยว่เป็นที่น่าตกใจของทุกคน ซิงหยุนกับซิงเฉินเลยเลือกชุดราตรีราคาสองแสนให้กับเธอ รวมถึงกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ จนใช้เงินหนึ่งล้านสองแสนนั้นไปเกินครึ่ง

เมื่อซื้อของพวกนี้เสร็จแล้ว ซิงเฉินก็มองดูยอดเงินที่เหลือ แล้วบ่น “หม่ามี๊ยังเก็บไว้เยอะเกินไปแล้ว”

ตามความคิดของเขา ต้องให้ซูสือเยว่สวมเสื้อผ้าราคาหนึ่งล้านสองแสนยืนต่อหน้าเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง อย่างนี้ถึงจะสบายใจ

ซูสือเยว่ยิ้มอย่างจนปัญญา “ไม่เห็นจำเป็นต้องฟุ่มเฟือยขนาดนั้นเลย”

“ให้หม่ามี๊”

ซิงหยุนนำบัตรธนาคารใบนั้นยัดใส่ในมือของซูสือเยว่ “ตอนแรกก็กะให้มอบเงินก้อนนี้ให้หม่ามี๊อยู่แล้ว”

“หม่ามี๊สามารถใช้ได้ตามใจชอบเลย”

ซูสือเยว่ลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงรับมา

เมื่อออกมาจากห้างสรรพสินค้า ซูสือเยว่ก็ถูกเด็กน้อยทั้งสองจับยัดเข้าไปที่ร้านทำผม เพื่อไปแต่งหน้าและทำผม

ในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ซูสือเยว่ก็ถูกช่างแต่งหน้าแต่งไปด้วย ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาเจี่ยนเฉิงไปด้วย

“พ่อคะ ลงจากเครื่องบินรึยัง? ถึงรึยังคะ?”

“อยู่ที่นั่นก็ระวังตัวด้วยนะคะ”

“หนูโอนเงินเข้าบัญชีพ่อห้าหมื่น ต้องทานข้าวให้ตรงเวลา แล้วก็ห้ามทำให้ตัวเองลำบากนะคะ”

สนามบินอีกฟากหนึ่งของโลก เจี่ยนเฉิงมองดูข้อความในโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะหลับตาลงเงียบๆ

“ไปได้แล้ว”

ผู้ชายคนที่อยู่ด้านข้างสั่งการด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “มัวชักช้าอยู่ทำไม? อย่าคิดว่านายมาที่นี่เพื่อจะเสวยสุขนะ!”

  

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset