สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 96 ฉันยังพูดอะไรอีกล่ะ

เย่เชียนจิ่วล้มลงไปข้างหน้าลงไปอยู่บนพื้น เธอเจ็บจนลุกขึ้นมาด้วยท่าทีที่แยกเขี้ยวยิงฟันออกมา “ไป๋ยู่หนาน ทำไมนายถึงไม่ไปตายเสีย!”

“ถ้าฉันไปตาย ใครจะเห็นหน้าสวยๆตอนที่ล้มลงไปของเธอกันล่ะ”

ไป๋ยู่หนานยกยิ้มออกมาจางๆ พิงเข้ากับราวบันไดไปอย่างเกียจคร้าน “คุณท่านต้องการจะกลับแล้ว ให้ฉันมาหาเธอเพื่อกลับไปเป็นเพื่อนท่าน”

“ไม่อย่างนั้น เธอนึกว่าฉันจะยอมมาหาเธอ?”

เย่เชียนจิ่วเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย เมื่อแน่ใจแล้วว่าไป๋ยู่หนานไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับพี่เหลียงเมื่อก่อนหน้านี้ จึงได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เดินอ้อมเขาออกไปด้วยอาการโกรธกระฟัดกระเฟียด

“คุณเย่”

มองเงาร่างเบื้องหลังของเธอได้เดินออกไป ไป๋ยู่หนานจึงเอ่ยปากพูดออกมานิ่งๆ “โม่หานชอบซูสือเยว่มาก”

ฝีเท้าของหญิงสาวได้ชะงักไป

ต่อจากนั้น เย่เชียนจิ่วก็ได้หันหน้าไป จ้องมองเขาไปอย่างเยือกเย็น “บอกเรื่องนี้กับฉันมาเพื่ออะไร?”

“ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจดี”

ไป๋ยู่หนานบิดขี้เกียจออกมา “ตอนนั้นพี่ชายคนรองของฉินโม่หานพาเธอกลับมาที่ตระกูลฉินเพื่อให้เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลฉิน”

“ไม่มีใครเห็นเธอเป็นคู่หมั้นหรือว่าเอามาเลี้ยงดูเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของฉินโม่หานหรอกนะ ดังนั้นแล้วอย่างมากเธอก็เป็นน้องสาวที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคนหนึ่งของฉินโม่หาน อย่าไปคิดอะไรให้มากมาย”

“เดิมทีแล้วเขาไม่ได้ชอบอะไรเธอนัก ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะช่วยตามหาซิงหยุนกับซิงเฉินจนเจอ เขาเองก็ไม่ได้มองเธอดีขึ้นเลย”

“แต่ถ้าเธอแตะต้องซูสือเยว่ ฉันว่า ระหว่างน้องสาวที่เดิมทีก็ไม่ชอบอยู่แล้วกับภรรยาสุดที่รัก เขาคงเลือกอย่างหลัง”

“ถึงตอนนั้นแล้ว เกรงว่าพี่รองของเขาอย่างฉินหลิงเยว่คงปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้”

สีหน้าของเย่เชียนจิ่วซีดเผือดไปเล็กน้อย

หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก เธอก็ได้ควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ แล้วยิ้มให้กับไป๋ยู่หนานไป “นายหมายความว่าอะไร?”

“ซูสือเยว่เป็นพี่สะใภ้เล็กของฉัน ฉันออกจะชอบเธอนะ จะไปแตะต้องเธอได้ยังไง?”

“อีกอย่าง”

เย่เชียนจิ่วมองเขาไปนิ่งๆแวบนึง “นายเองก็พูดนี่ว่าฉันก็แค่ลูกสาวบุญธรรมของตระกูลฉินเท่านั้น จะมีอะไรให้ไปแตะต้องภรรยาของพี่สามกันล่ะ?”

พูดจบ เธอก็ผันร่างเดินออกไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม

ไป๋ยู่หนานยืนอยู่ตรงที่เดิม มองไปยังทิศทางที่เธอเดินออกไปอย่างเยือกเย็น

  ……

ภายในห้องพักผู้ป่วย ท่านปู่ฉินกับซูสือเยว่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เห็นเย่เชียนจิ่วเข้ามา คุณท่านก็ได้แนะนำออกมาด้วยรอยยิ้มจางๆ “เอาล่ะ เย็นมากแล้ว เธอพักผ่อนให้เยอะๆ!”

“จริงสิ”

คุณท่านยิ้มออกมา “ฉันยังไม่ได้แนะนำกันดีๆเลยนะเนี่ย”

“คนนี้น่ะชื่อว่าเย่เชียนจิ่วเป็นน้องสาวที่พี่รองของโม่หานเขาพากลับบ้านมาเมื่อตอนนั้น อยู่ที่ตระกูลฉินมาสิบปีแล้ว นับได้ว่าเป็นกึ่งๆลูกสาวฉันเลย!”

พูดจบ เขาก็หันไปมองเย่เชียนจิ่ว “เชียนจิ่วยังไม่เรียกพี่สะใภ้อีก?”

ในดวงตาของเย่เชียนจิ่วได้มีความเกลียดชังแวบผ่านออกมา

แต่สายตาแบบนี้มันก็แค่แวบผ่านออกมาแค่แวบเดียวเท่านั้น

จากนั้นเธอก็ได้มองซูสือเยว่ไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “พี่สะใภ้เล็กสวัสดีค่ะ”

“ฉันได้ยินซิงหยุนกับซิงเฉินบอกมาก่อนแล้วว่าพี่สามแต่งพี่สะใภ้เล็กคนสวยคนหนึ่ง ฉันยังคิดเลยว่าถึงแม้ว่าจะสวยแต่จะสวยได้ถึงระดับไหนกัน?”

ดวงตาเฉี่ยวคมคู่นั้นแสร้งทำเป็นมองประเมินซูสือเยว่อย่างตั้งอกตั้งใจ “แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสวยจริงๆ คู่ควรกับพี่สามเลย”

ซูสือเยว่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกใครชมว่าสวยเป็นครั้งแรก แต่ไม่รู้ทำไม เธอถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของเย่เชียนจิ่วมันไม่รื่นหูเลย

ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ซูสือเยว่ก็ยังยิ้มทักทายเธอไปอย่างมีมารยาท “สวัสดี”

“โม่หานก็ได้พูดถึงคุณให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ”

คำพูดของหญิงสาว ทำให้นัยน์ตาของเย่เชียนจิ่วสว่างวาบออกมาทันที!

เธอเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย”พี่สามเคยพูดถึงฉันให้เธอฟัง?”

ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป “ใช่…ใช่แล้ว”

อันที่จริงไม่เพียงแต่ฉินโม่หาน แม้แต่ซิงหยุนกับซิงเฉินเด็กทั้งสองคนเองก็ไม่เคยพูดถึงลูกสาวบุญธรรมของตระกูลฉินคนนี้ให้เธอได้ยินมาก่อนเลย

ถ้าไม่เพราะท่านปู่ฉิน…เธอก็ไม่รู้เลยว่าตระกูลฉินจะมีคนคนนี้อยู่ด้วย

เธอจึงโกหกออกไปว่าฉินโม่หานเคยพูดถึงเย่เชียนจิ่วให้เธอได้ยิน ไปตามมารยาทเท่านั้นเอง

นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะคิดจริงจัง…

คงเป็นเพราะมองออกได้ถึงความกระอักกระอ่วนของซูสือเยว่ ท่านปู่ฉินจึงย่นคิ้วออกมาจางๆ “มีอะไรค่อยว่ากันเถอะ คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น หลังจากนี้ก็ยังมีเวลา”

“เย็นมากแล้ว พวกเราควรไปกันได้แล้ว”

เย่เชียนจิ่วเม้มริมฝีปาก ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์เอาไว้ แสร้งทำเป็นมองหน้าซูสือเยว่ไปอย่างสงบนิ่ง “ฉันก็รู้อยู่หรอกว่าฉันก็มีน้ำหนักในใจพี่สามด้วยเหมือนกัน”

“พี่สะใภ้เล็ก พวกเราค่อยคุยกันครั้งหน้า!”

พูดจบ เธอก็หันไปประคองท่านปู่ฉินเดินออกไป

ซูสือเยว่พิงเข้ากับเตียงนอนผู้ป่วย มองเงาร่างเบื้องหลังของทั้งสองคนที่ได้เดินออกไป เกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย

ฉินโม่หานหมายความว่าอะไรกันแน่…

เธออยู่กับเขามาหลายเดือน เขาไม่เคยจะพาเธอไปพบคนที่บ้านของเขาอย่างเป็นทางการเลย และก็พูดให้เธอได้ยินน้อยมาก

แต่วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา…นึกไม่ถึงว่าเขาจะให้ท่านปู่ฉินมาเยี่ยมเธอ?

หญิงสาวไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเลย

“เย่เชียนจิ่วคนนั้นเธอไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจหรอก”

ในตอนที่ซูสือเยว่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้นเอง ไป๋ยู่หนานก็ได้ยกอาหารมื้อเย็นชุดหนึ่งมาวางลงตรงหน้าของซูสือเยว่ “อย่าไปฟังคนอื่นพูดไร้สาระเลย โม่หานไม่เคยมองเธอเป็นคู่หมั้นเลย”

มือของซูสือเยว่ที่กำลังให้ความสนใจอยู่กับกล่องข้าวอยู่นั้นได้ชะงักไปเล็กน้อย

“ที่แท้เธอก็เป็นคู่หมั้นของฉินโม่หานนี่เอง”

ไม่น่าท่าทางของผู้หญิงคนเมื่อกี้มันถึงได้แปลกๆ แล้วก็ยังเน้นหนักเป็นพิเศษว่าเธอมีน้ำหนักในใจฉินโม่หาน

“เธอไม่ใช่!”

เขานั่งลงไปบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ “เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาพูดกัน พวกเขาไม่เคยมีการหมั้นหมายกันมาก่อน โม่หานเองก็ไม่เคยมองเธอเลย”

ซูสือเยว่ก้มลงไปเปิดกล่องข้าว น้ำเสียงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก “อย่างนั้นเหรอ?”

ความทรงจำก่อนที่จะสลบไปเธอจำได้ไม่เยอะ เธอจำได้แค่เพียงว่าฉินโม่หานบอกว่าจะไม่หย่า

แต่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมาอีกแล้ว

ถ้าเขาแคร์เรื่องที่ว่าเธอเคยมีลูกมาก่อน ทำไมถึงได้ปฏิเสธที่จะหย่ากับเธอ?

ถ้าเขาไม่แคร์แล้วล่ะก็ ทำไม…ตอนที่เธอฟื้นขึ้นมา ถึงได้ให้เธอมาเผชิญหน้ากับอดีตคู่หมั้นของเขากัน?

เขากำลังเตือนเธอ ว่าความจริงแล้วเขาเองไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วยงั้นเหรอ?

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ซูสือเยว่ก็ได้กำมือที่กำลังถือช้อนอยู่ของตัวเองแน่น

ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เธอก็วางกล่องข้าวลง “ฉันไม่อยากกิน”

ไป๋ยู่หนานตบหน้าผากไปอย่างจนใจ “เธออย่าไปคิดอะไรมากมายเลยดีมั้ย?”

“ในใจในหัวของฉินโม่หานมีแค่เธอคนเดียว”

“เธออย่าไปรับผลกระทบจากคนอื่นมาสิ”

ซูสือเยว่เลิกสายตาขึ้นไปมองเขา “ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทำไมถึงมาแต่งงานกับฉันอีก?”

ฉินโม่หาน “…”

เขา…เหมือนกับว่าจะพูดอะไรผิดไป

เมื่อกี้นี้อันที่จริงแล้วไป๋ยู่หนานก็อยากจะตามมาพร้อมกับเย่เชียนจิ่ว แต่เขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ถูกพยาบาลรั้งเอาไว้ ก็เลยล่าช้าไปเล็กน้อย

รอจนตอนที่เขารีบตามมาเย่เชียนจิ่วก็ได้ไปเสียแล้ว

อาการพึงพอใจบนใบหน้าของหญิงสาวทำให้ในใจของไป๋ยู่หนานสะดุดกึกไปเล็กน้อย

เขากังวลว่าเย่เชียนจิ่วไปพูดเรื่องมโนอะไรต่อหน้าซูสือเยว่ จึงได้เข้ามาปลอบเธอด้วยความร้อนใจ

แต่นึกไม่ถึงว่าทำให้เรื่องมันแย่ลงออกมาเอง…

ถ้าฉินโม่หานรู้ว่าซูสือเยว่เข้าใจผิดเพราะเขา แล้วยังเสียใจจนกินข้าวไม่ลงอีก…

คิดถึงตรงนี้แล้ว ไป๋ยู่หนานก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “ซูสือเยว่ เธออย่าไปใส่ใจเย่เชียนจิ่วนั่นเลย”

“ฉันขอบอกเธอเอาไว้เลยว่า”

“อันที่จริงฉินโม่หานเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเจอเลยล่ะ เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเธอได้เจอกัน เขาก็บอกกับฉันว่าชีวิตนี้เขาขาดเธอไม่ได้ เขารักเธอรักจนไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเธอได้อีกแล้ว ปรารถนาที่จะอยู่กับเธอไปจนแก่อยู่ด้วยกันไปชั่วฟ้าดินสลายไปในชั่วข้ามคืน”

“เขายัง…”

“ฉันยังพูดอะไรอีก?”

ทันใดนั้นเอง เสียงผู้ชายที่ทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ได้ดังเข้ามาจากทางหน้าประตู

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset