สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ – ตอนที่ 13 โอกาสมาแล้ว

        “ใช่ พี่สาวรูปงามท่านนี้ ท่านต้องการซื้อฟืนหรือ?”

        “ถูกต้อง ว่าแต่ฟืนของเจ้าอยู่ที่ใด? ห้ามหลอกข้านะ” สะใภ้สาวท่าทางอายุราวสิบห้าปี คาดว่าเพิ่งจะแต่งเข้าบ้านไม่นาน หน้าจึงบางเล็กน้อย

        หลิวเต้าเซียงเบิกตาที่ทั้งดำและกลมโต ส่งยิ้มแล้วเอ่ย “พี่สาวรูปงาม ฟืนอยู่ที่ตรอกข้างบ้านของท่าน พ่อข้าขนมา เมื่อครู่เขาปวดท้อง ไม่รู้หายไปไหนแล้ว จึงให้ข้าตะโกนขายอยู่ที่นี่ก่อน”

        นางชี้นิ้วไปทางฟืนที่อยู่ในตรอก

        สะใภ้สาวหันไปทางตรอกฝั่งซ้ายของบ้าน “ข้าขอไปดูก่อนว่าฟืนของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง หากเป็นแบบที่เน่าแล้ว จะใช้ไม่ดี”

        “พี่สาววางใจได้ ฟืนเหล่านี้ไปตัดมาช่วงฤดูหนาว พ่อข้าบอกว่าฝนตกมานานกว่าครึ่งเดือน คิดว่าฟืนเหล่านี้คงขายได้ราคาดี”

        หลิวเต้าเซียงเห็นสะใภ้สาวไม่ได้ถามเรื่องราคา จึงรู้ว่านางคงคิดจะต่อรอง แต่นางหัวแล่นอย่างรวดเร็ว คำพูดก่อนหน้านี้คือกำลังบอกสะใภ้สาวคนนี้ว่า ตอนนี้ฤดูฝน ฟืนขายดีมาก อย่าคิดว่าตนเองเด็กแล้วคิดจะหลอกได้ง่ายๆ

        “ตัวแค่นี้ พูดเก่งจริงนะ พ่อของเจ้ามีบุตรสาวที่เก่งทีเดียว”

        หลิวเต้าเซียงหันไปยิ้มหวานกับนางแล้วเอ่ยในใจ พ่อข้านั้นเป็นพวกไม่หือไม่อือ วันๆ ถูกย่ารังแกต่างหาก

        สะใภ้สาวคนนั้นเองก็ดูฉลาดเฉลียว เมื่อเห็นฟืนของหลิวเต้าเซียงในตรอกก็ดูออกว่าฟืนเหล่านี้คุณภาพดีจริงๆ ทั้งยังเรียงกันไว้เป็นระเบียบ ฟืนเหล่านี้ติดไฟง่ายและไม่ทำให้มือบาดเจ็บ นางเพียงแค่เห็นก็ชอบ

        หลิวเต้าเซียงเห็นว่านางเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาเอาแต่จดจ้องฟืนเหล่านี้ จึงรู้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี นางยิ้มแล้วเอ่ย “พี่สาวรูปงาม พ่อข้าบอกว่าฟืนเหล่านี้ติดไฟง่ายนัก อีกทั้งไม่ทำให้เนื้อตัวสกปรก”

        “รู้แล้ว เจ้าตัวเล็กเพียงนี้ก็หัดทำการค้าเป็นแล้ว ต่อไปคงยิ่งกว่านี้ ฟืนเหล่านี้ขายอย่างไร บ้านข้าขอเหมาไว้หมด”

        หลิวเต้าเซียงคิด ฟืนเหล่านี้ไม่ได้มีต้นทุน มีเพียงการใช้เวลาเก็บ พอคำนวณดูจึงเอ่ย “ข้าไม่ขอปิดบังพี่สาว วันนี้ที่ตลาดนัดขายมัดละหกอีแปะ อีกทั้งข้ายังส่งของให้ท่านถึงที่อีกด้วย”

        “มัดละหกอีแปะ?” สะใภ้สาวสงสัยเล็กน้อย ตรงนี้มีฟืนทั้งหมดหกมัด คำนวณแล้วเท่ากับสามสิบหกอีแปะ

        สำหรับครอบครัวทั่วไปแล้ว นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ แต่มันมากพอที่จะแลกข้าวสารได้ถึงสามชั่ง

        “พี่สาวท่านนี้ ใครใช้ให้ท้องฟ้าไม่เป็นใจเล่า! ตอนนี้ฟืนก็ราคานี้ ท่านดูท้องฟ้ายามนี้สิ เกรงว่าฝนคงจะตกอีกหลายวัน”

        หลิวเต้าเซียงสอบถามมาหมดแล้ว ฝนฤดูใบไม้ผลิของตำบลเหลียนซานปกติมักจะตกติดต่อกันสองเดือน ตอนนี้เพิ่งจะเดือนเดียว หมายความว่านางยังมีโอกาสขายฟืนอีกหลายรอบ

        “ถูกลงหน่อยได้หรือไม่ สามสิบหกอีแปะมันสูงเกินไปเล็กน้อย”

        “ไม่ได้หรอกจ้ะ พี่สาว ฟืนเหลือไม่เยอะแล้ว หรือไม่ พี่สาวก็ซื้อน้อยหน่อย ข้าจะได้ขายให้บ้านข้างๆ คิดว่าพวกเขาคงกำลังขาดแคลนฟืนในการทำกับข้าวเช่นเดียวกัน”

        ขณะนั้นเอง หญิงชราในบ้านก็ออกมา “เหตุใดจึงซื้อไม่เสร็จอีก?”

        “ท่านแม่ มีฟืนอยู่หกมัด ทั้งหมดคือสามสิบหกอีแปะ” สะใภ้สาวเอ่ยเสียงเบา

        หญิงชราได้ฟังก็หรี่ตาลง แล้วมองสะใภ้ของตน “ซื้อไว้ก่อน ช่วงนี้ฟืนราคาแพง อีกอย่างบ้านของพ่อสามีเจ้าก็ต้องใช้ฟืนในร้าน”

        หลิวเต้าเซียงแอบมองหญิงชราอย่างประหลาดใจ นางยิ้มแย้มแล้วเอ่ย “หากเจ้ามีฟืนแห้งก็ส่งมาอีก ข้าจะให้ราคาเดิมกับเจ้า ข้าคำนวณดูแล้ว ข้ายังต้องการอีกยี่สิบมัด”

        “ยี่สิบมัด?” นั่นเท่ากับหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ สำหรับบ้านที่ยากจนมีเพียงเสื้อขาดๆ อย่างหลิวเต้าเซียงแล้ว นี่เป็นสัญญาณว่านางสามารถซื้อแป้งมันกลับไปหุงกินที่บ้านได้

        “เป็นเยี่ยงไร?” หญิงชราเห็นนางก้มศีรษะไม่พูดจา จึงเอ่ยอีก “บ้านเจ้านายของข้าต้องการฟืนจำนวนมากในทุกวัน ให้เจ้าส่งมาตามจำนวนนี้ แน่นอนว่าเพียงแค่ช่วงฝนฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นนะ”

        “ตกลง อีกสองวันข้าจะบอกพ่อให้ส่งมา”

        “ได้ ข้าอยู่บ้านตลอดเวลาอยู่แล้ว”

        หลิวเต้าเซียงเดาว่าหญิงชราผู้นี้น่าจะต้องการเก็งกำไร นางเองก็ไม่อยากเปิดโปงผู้อื่น ใต้หล้านี้มีเงินให้หามาได้ไม่ขาด นางเองก็ไม่ได้มีลู่ทาง คงต้องอาศัยการหาเงินจากหญิงชราผู้นี้ก่อน

        หญิงชรายื่นเงินสามสิบหกอีแปะให้นาง แล้วเรียกสะใภ้สาวแบกฟืนเข้าไปไว้ในบ้าน

        หลิวเต้าเซียงเป็นเด็กว่าง่าย เรียกคนอื่นเสียงหวานแล้วช่วยพวกนางย้ายฟืนเหล่านั้น จนกระทั่งฟืนทั้งหกมัดเข้าไปอยู่ในบ้านเรียบร้อย เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรจึงรีบกล่าวลาหญิงชราแล้วออกไป

        “สาวน้อย ข้าแซ่จาง คนต่างเรียกข้าว่ายายเฒ่าจางซึ่งก็คือข้า ข้าขอลองดูก่อน หากฟืนนั้นใช้ง่าย ครั้งหน้าที่เจ้ามา ไม่แน่ว่าอาจจะมีสิ่งที่น่าประหลาดใจรอเจ้า”

        คำพูดของหญิงชราทำให้หนทางข้างหน้าของนางส่องประกาย จึงรีบเอ่ยขอบคุณ

        หลิวเต้าเซียงเอ่ยลากับทั้งสองคน จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางแผงร้านค้าขายสัตว์เลี้ยง มีความคิดอยากรีบกลับบ้านแล้วตัดฟืนเก็บไว้ จะได้หาเงินได้มากกว่านี้

        จุดที่ขายสัตว์เลี้ยงในบ้านใกล้กับแผงขายฟืน ตอนที่นางไปถึงยังมีคนขายฟืนอยู่สองคน นางคิดว่าฟืนเหล่านั้นยังมีความเปียกชื้นสูง น่าจะต้องทิ้งไว้อีกหลายวัน แต่ตอนนี้ฝนตกทุกวัน คงต้องทิ้งไว้ไม่รู้นานเท่าไรถึงจะแห้ง คนที่มาซื้อฟืนตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ขาดแคลนฟืนในบ้าน

        นอกจากนี้นางได้สอบถามมาเรียบร้อย แม่ไก่ที่นี่ราคาห้าอีแปะต่อหนึ่งตัว หลิวเต้าเซียงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงแพง

        คนขายไก่ได้ยิน จึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “สาวน้อย เจ้าไม่เข้าใจ แม่ไก่ฟักไข่ ครึ่งหนึ่งมักจะเป็นไข่เสีย ลูกไก่ที่ฟักออกมาก็ไม่แน่ว่าจะอยู่รอดได้ พอคำนวณแบบนี้ พวกข้าเองก็ได้กำไรเพียงน้อยนิด”

        หลิวเต้าเซียงรู้ว่าไข่ที่ตำบลเหลียนซานขายหนึ่งอีแปะครึ่งต่อหนึ่งใบ อิงตามหลักเช่นนี้ แม่ไก่ก็ถือว่าไม่ได้ขายแพงมากนัก

        นางเห็นป้าคนหนึ่งนั่งย่อลงเลือกแม่ไก่ จึงเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “ป้า ข้าขอถามหน่อย ต้องเลือกอย่างไรถึงจะได้แม่ไก่ที่ดี แม่ข้าบอกให้ซื้อ แต่พอข้ารู้ว่าจะได้เข้ามาในตำบลก็ดีใจอย่างมากจนลืมถามนาง”

        ป้าผู้นั้นได้ยินก็ยิ้มแย้มแล้วจับลูกไก่จากในกรงไม้ไผ่ออกมาหนึ่งตัว “ลูกไก่ที่ดีต้องชอบเคลื่อนไหว อีกอย่าง เจ้าดูดวงตาที่เป็นประกายของมัน มองดูก็รู้แล้วว่าแข็งแรง ขนเหลืองเส้นเล็กก็ต้องสะอาด แล้วดูไก่ตัวนี้ ไม่ได้อึเป็นสีขาว พอลูบท้อง ต้องนิ่มมาก ไก่ตัวนี้แหละคือไก่ที่ดี”

        หลิวเต้าเซียงได้ยินก็จับลูกไก่มาหนึ่งตัวแล้วจ้องตาโตใส่มัน

        ป้าผู้นั้นเลือกลูกไก่ได้ก็จ่ายเงินเสร็จสรรพ ขณะที่หลิวเต้าเซียงยังคงอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ

        “สาวน้อย เลือกไม่เป็นหรือ?” ป้าท่านนี้ดูเหมือนผู้อาวุโสที่อบอุ่น มีความเป็นกันเอง

        “ท่านป้า ข้าจ้องมันอยู่ตั้งนาน มันก็จ้องข้าเช่นนี้ ไม่ขยับเขยื้อน เช่นนี้ข้าดูไม่ออกจริงๆ ว่ามันคือไก่ที่ดีหรือไม่”

        อย่าคิดว่าเพียงแค่ได้ฟังก็จะเข้าใจได้ง่ายๆ อันที่จริงพอลงมือทำกลับไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยหลิวเต้าเซียงก็รู้ว่าตนเองไม่มีความสามารถในการเลือกไก่

        ป้าท่านนั้นยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ข้าช่วยเจ้าเลือกเอง เจ้าต้องการกี่ตัว?”

        “ข้าต้องการห้าตัว” นางคำนวณดู ตัวละห้าอีแปะ ซื้อห้าตัวก็ต้องใช้ยี่สิบห้าอีแปะ

        ยังเหลือสิบเอ็ดอีแปะ น่าจะซื้อน้ำตาลแดงได้เล็กน้อย

        ป้าท่านนั้นเลือกไก่ห้าตัวให้นางอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นนางไม่มีที่ใส่ของมาด้วย จึงเอ่ยถามคนขายไก่ “นี่คนขายไก่ เราสองคนซื้อไก่จากเจ้าทีเดียวยี่สิบตัว เจ้าน่าจะหาที่ใส่ของให้เด็กสาวผู้นี้สักหน่อยนะ”

        คนขายไก่ตอบอย่างรวดเร็ว หันไปหยิบกรงไม้ไผ่อันเล็กแล้วเอ่ย “หนึ่งอีแปะ เอาไป”

        หลิวเต้าเซียงคิดในใจ ซื้อแค่ไก่นางก็เหลือเพียงสิบเอ็ดอีแปะแล้ว

        “ไม่ดีกว่า ท่านป้า ข้าหิ้วกลับไปเอง ไก่พวกนี้ยังเล็ก ข้าจะใส่พวกมันไว้ในอุ้งมืออย่างระมัดระวัง”

        ป้าท่านนั้นชักสายตาใส่คนขายไก่ ต่อว่าถึงความขี้เหนียวของเขา แล้วยื่นไก่ให้หลิวเต้าเซียง

        หลิวเต้าเซียงกล่าวขอบคุณนางแล้วอุ้มไก่เดินออกจากฝูงชน นางต้องหาที่ลับตาคนก่อน แล้วค่อยเก็บไก่เข้าไปในคลังเก็บของ

        ก่อนหน้าที่จะซื้อ นางได้ถามเจ้าสัตว์ปีศาจน้อยแล้วจึงรู้ว่าไก่สามารถหลับใหลอยู่ในคลังขายของ ถึงแม้จะไม่รับประกันว่าอยู่ได้ถึงหมื่นปี แต่อย่างน้อยสักหนึ่งร้อยปีก็น่าจะพอได้

        นางถอนหายใจ ทำไมตนเองจึงไม่ได้มีโอกาสไปอาศัยในโลกที่ก้าวไกล แต่กลับมาอยู่ในโลกยุคโบราณอันคร่ำครึแห่งนี้กันนะ ขณะที่นึกบ่นท่านเทพข้ามมิติที่ไม่มีความรับผิดชอบ กระทั่งไอดีวีแชทก็ไม่ทิ้งไว้ให้ ทำให้นางไม่มีทางถอยหลังกลับได้เลย

        ไม่นานนางก็หาจุดลับตาคน แล้วเก็บลูกไก่ทั้งหลายเข้าไปในห้วงมิติ จากนั้นจึงไปที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่งในตำบล น้ำตาลแดงราคาหนึ่งชั่งเท่ากับห้าสิบอีแปะ แพงเหลือเกิน หลิวเต้าเซียงลูบเงินในอ้อมกอด เงินมาเร็วก็ไปเร็ว

        นางชั่งน้ำตาลแดงหนึ่งร้อยกรัม จ่ายไปสิบอีแปะ ท้ายที่สุดเงินเก็บทั้งหมดของนางจึงเหลือเพียงหนึ่งอีแปะ

        กว่าจะหลุดพ้นจากความจน ช่างไม่ง่ายเอาเสียเลย!

        หลิวเต้าเซียงไม่กล้าจ่ายเงินหนึ่งเหรียญอีแปะเพื่อซื้อของกิน นางทนหิวแล้วกลับไปหารถเข็นวัวของเหล่าหวังที่อยู่ตรงทางเข้าตำบล

        “นี่ เต้าเซียง มานั่งข้างข้าเร็ว ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที”

        ไกลออกไป ได้ยินเสียงเรียกอันอบอุ่นของป้าหลี่กำลังเรียกนาง

        “เจ้าเด็กน้อย ยังไม่รีบวิ่งมาอีก รอเจ้ามานานครึ่งค่อนวัน ขืนยังไม่กลับมา พวกข้าจะไปแจ้งความแล้ว”

        เหล่าหวังก็ตะโกนตามมา “นึกว่าเจ้าจะโดนพวกต้มตุ๋นหลอกไปเสียนี่”

        หลิวเต้าเซียงรู้สึกไม่ดี พลันคิดว่าในสายตาของทุกคนนางดูโง่เขลาเช่นนั้นเลยหรือ?

        เมื่อรู้ตัวว่าทำให้ผู้อื่นกลับบ้านช้า จึงเอ่ยขานป้าๆ น้าๆ อย่างเอาอกเอาใจก่อนจะขึ้นรถ แล้วบอกว่าตนเองนั้นมาเที่ยวเล่นในตำบลเป็นหนแรก จึงเกิดหลงทางแล้วทำให้มาช้า

        “เอาเถอะๆ เด็กเพิ่งจะตัวเท่านี้ พวกเจ้าก็บ่นว่าน้อยๆ หน่อย รีบขึ้นมาเร็ว มานั่งข้างป้านี่”

        ป้าหลี่ซานเสิ่นยังคงชื่นชอบหลิวเต้าเซียงอย่างมาก พลันเรียกให้นางมาข้างๆ พร้อมกับหอบห่อผ้าของตนเองเอาไว้บนตัว

        มีป้าคนหนึ่งที่ดูแล้วไม่ชอบใจจึงเอ่ย “ข้าว่าป้าหลี่ เหตุใดเจ้าจึงดูแลนางดีกว่าลูกสาวของตนเองอีก?”

        “ข้าว่าเจ้าน่ะ พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ เด็กคนนี้ก็แค่มานั่งที่ของคนๆ เดียว เจ้าต้องพูดถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ต่างก็อยู่หมู่บ้านเดียวกัน เด็กยังเรี่ยวแรงน้อย รถนี่ก็เคลื่อนที่ไม่นิ่ง เกิดหล่นลงไปกระแทก ไม่เท่ากับทำลายชีวิตของเด็กคนนี้หรือ?”

        พอป้าหลี่พูดเช่นนี้ คนทั้งคันรถก็ใช้สายตามองไปทางหญิงชราคนนั้น คงรู้สึกว่าในยามปกติป้าหลี่ก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว

        จากนั้นก็มีคนอื่นเปลี่ยนหัวข้อการคุย สักพักคนบนรถก็เบนสายตาไปทางอื่น หลิวเต้าเซียงจึงได้นั่งข้างป้าหลี่อย่างสุขสงบ

        นางเอ่ยขอบคุณอย่างปากหวาน “ป้าหลี่ ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

        “เกรงใจอะไรกัน เจ้ากับชุ่ยฮัวของข้าอายุเท่ากัน”

        ป้าหลี่ซานเสิ่นปฏิบัติตัวกับนางเฉกเช่นเดียวกับบุตรสาวของตน

        หลิวเต้าเซียงจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ ป้าหลี่ซานเสิ่นเป็นผู้ที่พูดจาตรงไปตรงมา นิสัยของชุ่ยฮัวเองก็ร่าเริงกล้าแสดงออก ได้ยินมาว่ารุ่นปู่ของบ้านนางอพยพมาจากแถบเหนือ

        —–

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษใครว่าการข้ามมิติไม่ใช่งานที่ต้องใช้เทคนิค? จู่ๆ เด็กสาวแสนหวานก็กลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในครอบครัวยากจน นางอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ครอบครัวยากจน พ่อแม่ขี้ขลาด ญาติพี่น้องทุบตี โดนกดขี่สารพัด…. ยังไม่พอ… ระบบตัวดียังจะขอให้เธอเป็น ‘หลิวเต้าเซียง’ เด็กสาวแสนสวยในชนบท จิตใจดีและขยัน ประเด็นสำคัญคือคำสุดท้าย “ขยัน” แต่เพื่อพ้นความจนที่ข้นแค้นและครอบครัวที่โหดร้าย นางจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ร่ำรวยขึ้นมาให้ได้!! “เจ้าระบบ หวานใจของพี่ รีบบอกพี่สาวหน่อยว่าต้องทำอย่างไรถึงสามารถสร้างตัวได้เร็วที่สุด” ตอนนี้เลือดในกายนางกำลังเดือดพุ่งพล่าน เพื่อความสุขสบายของครอบครัว และหนุ่มเอ๊าะๆ หลิวเหม่ยจวิน (ในร่างหลิวเต้าเซียง) คนนี้ ขอสู้ตาย!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset