สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ – ตอนที่ 20 ไร้ยางอายเหลือเกิน

        หลิวเต้าเซียงชอบดื่มน้ำแกงในโลกปัจจุบันจึงคุ้นเคยกับรสชาติอย่างยิ่ง เชื่อฝีมือได้

        หลิวฉีซื่อเห็นว่านางพูดเอาใจผิดปกติ จึงยกยิ้มมุมปาก “อย่านึกว่ามายิ้มให้ข้า แล้วข้าจะให้เจ้ากินไก่ ยังไม่รีบไปทำงาน มาพูดปากดีตรงนี้อยู่อีก”

        แน่นอนว่าการปฏิบัติตัวกับหลิวฉีซื่อก็ต้องเจ้าเล่ห์แบบนี้แหละ

        หลิวชิวเซียงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เอ่ยขณะที่ยังก้มหน้า “ได้ยินว่าคุณชายท่านนั้นฟื้นแล้ว อาเล็กบอกว่าสีหน้าของคุณชายนั้นซีดเผือดจนน่าตกใจ ย่าบอกว่าคงเพราะเสียเลือดมากเกินไป”

        หลิวฉีซื่อมาจากครอบครัวใหญ่โตจึงรู้ว่าคุณชายน้อยที่ได้รับการช่วยเหลือนี้มีค่ามาก นางใช้แม่ไก่อายุสามปี ไม่แน่ว่าอาจจะได้ความรุ่งเรืองมั่งมีเป็นการตอบแทนก็ได้

        “อ้อ ย่าเลยนึกอยากตุ๋นน้ำแกงไก่ให้คุณชายท่านนั้นดื่มบำรุงร่างกายหรือ?” หลิวเต้าเซียงกระจ่างในทันที

        แต่นางต้องตกใจเพราะหลิวชิวเซียงอีกรอบที่แอบกระซิบบอกว่า “ไม่รู้ว่าคุณชายนั่นมีที่มาเยี่ยงไร ย่าไม่กลัวว่าแทนที่จะได้ดิบได้ดี กลับกลายเป็นนำพาเรื่องร้ายมาแทนหรือ?”

        หลิวชิวเซียงเป็นพี่น้องกับหลิวเต้าเซียง สิ่งที่ทั้งสองมองเห็นไม่ใช่ความมั่งมี หากแต่เป็นอันตราย เพราะตั้งแต่ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้น เอ่อ ไม่ใช่สิ ก่อนที่เขาจะตกลงไปในบ่อมูล เขาถูกคนฟันที่หน้าอกมาหนึ่งแผล มองดูจากรูปการณ์เช่นนี้ก็น่าจะเดาได้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย

        “พี่ใหญ่ พี่คงไม่ได้กำลังคิดจะเตือนย่าหรอกใช่หรือไม่?”

        “เฮ้อ ข้าก็อยากบอกกับย่า แต่มาปรึกษาเจ้าก่อนนี่ไง?”

        หลิวเต้าเซียงปวดหัวและถามว่า “พี่คิดว่าย่าจะฟังเข้าหูหรือ?” เดาว่าย่าคงนึกต่อว่าพี่สาวของตนว่าอยากมั่งมีเสียเอง

        หลิวชิวเซียงนึกถึงนิสัยที่ดื้อรั้นหัวชนฝาของย่าแล้วเอ่ย “ช่างเถอะ ถึงเวลาค่อยว่ากัน”

        หลิวฉีซื่อใส่ไก่ทั้งตัวพร้อมกับพุทราจีนลงในหม้อ และนําไปที่เตาเล็กๆ พร้อมกับน้ำก่อนจะตุ๋น “ถ้าน้ำเดือดให้เปิดฝาออก อย่าให้น้ำแกงล้นออกจากหม้อ”

        หลิวเต้าเซียงกะพริบตาปริบๆ นี่มันช่างง่ายดายยิ่งนัก?!

        หลิวฉีซื่อไม่สนว่านางจะฟังเข้าใจหรือไม่ นางหันหลังเดินออกจากครัวไป ช่วงนี้บุตรสาวที่รัก หลิวเสี่ยวหลันมีความก้าวหน้าเรื่องเย็บปักถักร้อย นางต้องสอนให้มีฝีมือดียิ่งขึ้นไปอีก

        น้ำแกงไก่ควรเคี่ยวอย่างช้าๆ หลิวเต้าเซียงจึงขอให้หลิวชิวเซียงตักน้ำเข้ามาหนึ่งขัน

        หลิวฉีซื่อนั่งบนบันไดและตะโกนเสียงค่อยไปที่ห้องครัว “ชิวเซียง อาหารหมูสุกแล้วหรือ? เอาไปให้หมูด้วยล่ะ”

        “รับทราบ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลิวชิวเซียงขานรับเต็มคำ ไม่ได้มีน้ำเสียงอ่อนแอปวกเปียกเหมือนเช่นแต่ก่อน

        หลิวฉีซื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางคิดไม่ออก ขณะเดียวกันหลิวเสี่ยวหลันก็ตื๊อให้นางสอนวิชาเย็บปักใหม่ๆ

        หลิวชิวเซียงรับคำเสร็จก็ตักอาหารหมูครึ่งถังไปให้หมู ช่วยไม่ได้ นางตัวเล็ก จึงต้องเดินหลายรอบหน่อย

        ส่วนหลิวเต้าเซียงอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกต รีบเติมน้ำเข้าไปพอสมควรและเติมฟืนอยู่เรื่อยๆ

        นางไม่เคยก่อไฟจึงให้หลิวชิวเซียงช่วยติดไฟให้ รอจนน้ำซุปไก่เดือดก็คุมไฟให้เล็กแล้วค่อยๆ เคี่ยว

        หนึ่งชั่วโมงต่อมา ประมาณช่วงบ่ายสามของโลกปัจจุบัน ในครัวก็มีกลิ่นหอมหวนของน้ำซุปไก่โชยออกมา หลิวเต้าเซียงเห็นว่าหลิวฉีซื่อไม่ได้อยู่ตรงบันได ส่วนหลิวเสี่ยวหลันก็กำลังสัปหงกพร้อมกับกอดที่ขึงผ้าปัก จึงรีบหยิบทัพพีตักน้ำซุปออกมาไม่น้อย เสียดายเพียงไม่สามารถหยิบเนื้อไก่ออกมาได้ คนที่ฉลาดเฉลียวอย่างหลิวฉีซื่อต้องพบความผิดปกติแน่จึงถอดใจกับแผนการ แล้วนึกถึงไก่ที่ตนเองเลี้ยงไว้ในห้วงมิติ 

        ไม่รีบๆ อีกเดี๋ยวก็มีไก่ให้กิน

        หลิวฉีซื่อมาตรงเวลา พอดีกับช่วงที่น้ำแกงไก่เคี่ยวจนกลมกล่อมได้ที่

        “เอาล่ะ หมดธุระของเจ้าแล้ว ไปเล่นได้”

        หลิวเต้าเซียงประหลาดใจ เหตุใดหลิวฉีซื่อถึงพูดง่ายเช่นนี้? ขณะที่นางเดินออกไปก็แอบเหลียวซ้ายแลขวา แล้วตรงไปยังห้องฝั่งทิศตะวันตกฝั่งใต้ แอบดูจากรอยแยกหน้าต่าง เห็นหลิวฉีซื่อให้หลิวเสี่ยวหลันส่งน้ำแกงเข้าไป

        นางยังไม่เข้าใจว่าแผนของหลิวฉีซื่อคืออะไร?

        หลิวเสี่ยวหลันอายุเท่ากับนางและตอนนี้ยังคงเป็นเพียงลูกพลัมดิบ ไม่เห็นจะทำอะไรได้ แต่หลิวฉีซื่อยังจะรั้นใช้แผนการ หญิงงามเมืองหลอกล่อคุณชายที่บาดเจ็บคนนี้

        หลิวเสี่ยวหลันหยิบชามน้ำแกงไก่ตุ๋น ก้าวเท้าเล็กๆ ดุจดอกบัว เยื้องย่างเข้าไปยังทางเข้าห้องนอน ก่อนจะเคาะที่ประตูไม้เก่าเบาๆ

        “คุณชาย ตื่นหรือยังเจ้าคะ?”

        “เข้ามาได้!” ด้านหลังประตูมีเสียงแหบอย่างกับเป็ดที่ไม่น่าฟัง เสียงเด็กแตกหนุ่มก็เป็นเช่นนี้

        หลิวเสี่ยวหลันมองตัวเองก่อนพร้อมด้วยน้ำแกงไก่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นางก็เปิดประตูไม้เข้าไปเสียงดังเอี๊ยด

        “หมอบอกว่าคุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงขอให้แม่ฆ่าแม่ไก่แก่ในบ้านและต้มน้ำแกงไก่ให้เจ้า”

        นางวางน้ำแกงไก่บนตู้สี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงหน้าเตียงและพูดว่า “คุณชายน้อยลุกขึ้นและลิ้มรสมันดูนะเจ้าคะ พ่อของข้าชอบน้ำแกงไก่ที่ข้าตุ๋นที่สุดเลย”

        หลิวเสี่ยวหลันไม่ลังเลที่จะยกผลงานของหลิวเต้าเซียงให้กลายเป็นของตนเองทั้งหมด

        “หืม” ซูจื่อเยี่ยนอนอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่เย็นชาและหยิ่งยโสคู่นั้นเคลื่อนออกจากหลังคาเก่าแต่ยังคงสะอาด มาหยุดอยู่ที่เด็กสาวตัวน้อยที่ยังโตไม่เต็มวัย

        “ที่นี่คือที่ใด?” ดวงตาสีเข้มซ่อนความอันตรายไว้เหมือนเสือดําที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเหว รอโอกาสที่จะกัดส่วนที่เป็นจุดตายของฝ่ายตรงข้าม

        ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะรับมือได้ง่ายๆ จริงเสียด้วย

        “หืม?” หลิวเสี่ยวหลันรู้สึกว่าร่างกายของนางเย็นมากและยังคิดว่าหน้าต่างของบ้านมีฝนรั่วหรือ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

        ใบหน้าหล่อเหลาของซูจื่อเยี่ยทําให้คนลืมหายใจได้ กลิ่นอายที่เยือกเย็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลิวเสี่ยวหลันที่สติหลุดลอยรู้สึกว่าไม่สบายตัว ความรู้สึกนั้นราวกับว่าเหยียบงูพิษที่เลื้อยผ่านอย่างไรอย่างนั้น

        “หมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ?” หลิวเสี่ยวหลันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาถาม

        ดวงตาของซูจื่อเยี่ยมีความครุ่นคิดฉายออกมา ริมฝีปากไร้สีเม้มไว้แน่นก่อนจะเอ่ย “สถานที่นี้คือที่แห่งใด?”

        เขาจําได้เพียงว่าถูกไล่ล่าจึงต้องหลบหนีฝ่ายศัตรู จากนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ เหล่าทหารคุ้มกันของตนล้วนกระจัดกระจาย ไม่รู้ว่าหลงอยู่ในป่ามานานเพียงใด ในที่สุดก่อนที่จะหมดสติ ก็มองเห็นหมู่บ้านเล็กๆ เขาจึงลงมาจากหลังเขาและปีนเข้ามาที่บ้านหลังนี้ และภาพหลังจากนั้น…

        เขาไม่อยากจะนึกถึง กลิ่นเหม็นที่พุ่งเข้าจมูกทำให้สติที่เป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายต้องขาดผึง ก่อนหน้าที่จะหมดสติเหมือนจะเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังโตไม่เต็มวัย หรือจะเป็นคนตรงหน้านี้หรือ?

        “ออ ที่แห่งนี้คือหมู่บ้านสามสิบลี้ เจ้าสลบไสลเป็นเวลาสี่ห้าวัน โชคดียาที่หมอให้มาได้ผล”

        เขานึกไม่ถึงว่าตนเองจะขี่ม้าขณะที่บาดเจ็บได้ไกลนับสิบลี้ มิน่า ถึงไม่ถูกคนของศัตรูตามมาพบเข้า และโชคดีที่เขายังพอมีบุญ ไม่ถูกศัตรูหาเจอ

        “ขอบใจเจ้ามาก” ช่างเป็นคำพูดที่มีค่าดั่งทองคำ

        “ไม่ต้องขอบใจหรอก คุณชายน้อยรีบดื่มน้ำแกงไก่เถิด อีกเดี๋ยวเย็นแล้วรสชาติจะไม่อร่อย”

        แม้ว่าหนุ่มรูปงามผู้นี้จะเย็นชาไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อหลิวเสี่ยวหลันที่จะสวมรอยเป็นคนช่วยชีวิต

        ซูจื่อเยี่ยได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก เห็นได้ชัดว่าเขายังคงลุกขึ้นนั่งเองไม่ได้

        แต่หลิวเสี่ยวหลันทั้งตัวเล็กและอ่อนแอ ไม่มีทางพยุงเขาขึ้นมาได้ จึงต้องออกไปตามหลิวฉีซื่อให้เข้ามาช่วย

        ทันทีที่หลิวฉีซื่อเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดุจดั่งดอกเบญจมาศขนาดใหญ่ที่เบ่งบาน

        “คุณชายน้อย รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่? หากว่ามีอะไรก็เชิญกล่าวออกมาได้เลย บ้านข้าไม่ได้มั่งมี แต่คนที่พอทำงานได้ก็พอมีบ้าง”

        ซูจื่อเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามา เพียงครู่เดียวก็รู้ว่าไม่ใช่แม่บ้านชนบททั่วไป พลันเกิดความระแวง

        “เจ้าเป็นใคร?”

        “หญิงชราอย่างข้าเป็นนายของบ้านหลังนี้ นี่คือลูกสาวของข้า ตาแก่กับลูกชายสามคนของข้าไปทำงานแล้ว” หลิวฉีซื่อผลักบุตรสาวที่ยืนอยู่หน้าตนให้เดินไปข้างหน้าเล็กน้อย

        “ไม่เหมือน” สายตาของซูจื่อเยี่ยเย็นชา

        หัวใจของหลิวฉีซื่อมีความภาคภูมิใจ ชัดว่าเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ มองตนเองปราดเดียวก็รู้ว่าต่างจากคนชนบททั่วไป นางจัดแขนเสื้อเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เดิมทีข้าเป็นหญิงรับใช้ประจำกายของท่านย่าใหญ่ตระกูลหวงในเมืองหลวง เคยได้ยินตระกูลหวงหรือไม่ นั่นคือตระกูลผู้ดีมั่งมีที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง นายท่านใหญ่ตอนนี้ก็คือขุนนางในเมืองหลวง ได้ยินว่าเป็นผู้ช่วยนายอำเภอระดับห้าแน่ะ!”

        ตระกูลหวง? ผู้ช่วยนายอำเภอ?

        ดวงตาของซูจื่อเยี่ยเย็นชาขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่เขาไม่ชอบพูด ยิ่งไม่มีทางมานั่งอธิบายอะไรกับหลิวฉีซื่อที่ชื่นชอบคนรวยเช่นนี้

        “ไม่จำเป็น คนจากตระกูลข้าย่อมตามหาได้แน่”

        เขาไม่สนว่าหลิวฉีซื่อจะคิดอย่างไร เขาเพียงแต่ทำตามที่ตนต้องการ

        หลิวฉีซื่อตกตะลึงในตอนแรกแล้วหัวเราะ “หญิงชราอย่างข้าไม่เข้าใจ คุณชายบาดเจ็บ ย่อมเคลื่อนไหวไม่สะดวก”

        เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางจึงสอบถามอย่างระมัดระวัง “หากว่าคุณชายไม่ไว้วางใจ สามารถให้ลูกชายคนที่สามของข้าช่วยส่งสาสน์ไปให้คนของตระกูลท่านได้ หาใช่การขับไล่คุณชายไม่ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากว่าลูกชายคนที่สามของข้าพบเจอคนชั่วและหายตัวไป ข้าเองก็คงต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ ลูกก็คือชิ้นเนื้อที่เกิดจากแม่ คิดว่าพ่อแม่ของคุณชายน้อยก็คงเป็นห่วงไม่น้อย”

        หลิวฉีซื่อเคยรับใช้ท่านย่าหวงมาก่อน จึงรู้ความต้องการของบรรดาคนเป็นนายได้อย่างดี

        ใบหน้าของซูจื่อเยี่ยปรากฏสีหน้าเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็หลับตาแล้วเอ่ย “ทราบแล้ว”

        เขาไม่ได้ตอบตกลงว่าจะให้หลิวซานกุ้ยช่วยส่งจดหมาย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

        หลิวเสี่ยวหลันเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่พอใจและหลับตาลง จึงเอ่ยกับหลิวฉีซื่อ “แม่ น้ำแกงไก่จะเย็นแล้ว”

        หลิวฉีซื่อมองบุตรสาวด้วยความรักและเอ็นดู เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งรู้ความ มีไหวพริบเฉกเช่นเดียวกับนางในสมัยเด็ก

        “รู้แล้ว รู้แล้ว มีแต่เจ้านี่แหละที่เป็นห่วงคุณชายท่านนี้มาก”

        ขนตาของซูจื่อเยี่ยสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังขยับไม่ได้ จึงปล่อยให้สองแม่ลูกพูดไป

        รสชาติของน้ำแกงไก่นั้นดีมาก เมื่อเข้าปากก็ไม่ได้มีความมันเลี่ยน ทั้งยังมีความหอมหวานอ่อนๆ เห็นทีเด็กสาวคนนี้ไม่ได้โกหก เป็นแม่ไก่ที่โตได้ที่จริงๆ

        หลังจากทานน้ำแกงไก่หนึ่งชามเข้าไป ซูจื่อเยี่ยรู้สึกกลับมามีชีวิตอีกครั้งและมีพลัง

        เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นว่าแม่และลูกสาวกําลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เขาก้มมองไปที่ชามพร้อมกับหูที่ขึ้นสีแดงเล็กน้อย และเอ่ยอย่างมีมาด “รสชาติพอใช้ได้”

        “ถ้าคุณชายน้อยชอบมัน ข้าจะขอให้แม่ฆ่าอีกในวันพรุ่งนี้และต้มน้ำแกงให้เจ้า” หลิวเสี่ยวหลันมีแต่หนุ่มรูปงามอยู่ในสายตาขณะนี้

        คิ้วรูปดาบของซูจื่อเยี่ยกระตุกเล็กน้อย เขาเริ่มคุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของหลิวเสี่ยวหลันแล้ว

        “ข้าเหนื่อยแล้ว”

        ความหมายคือ พวกนางควรหยุดรบกวนเขาได้แล้ว หากพูดให้ตรงหน่อยก็คือ ประตูอยู่ทางนั้น อันเชิญตัวเองออกไปได้

        หลิวฉีซื่อไม่โกรธ แต่มั่นใจมากว่าเขาต้องมีต้นกำเนิดไม่ธรรมดา ท่าทางวางมาดสูงส่งน่าเกรงขามเช่นนี้มีเพียงคุณชายจากตระกูลใหญ่ จึงรีบคว้าตัวหลิวเสี่ยวหลันที่คิดจะก้าวเข้าไป ก่อนส่งยิ้มแล้วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณชายพักผ่อนนะเจ้าคะ หากว่าอยากกินอะไร ก็บอกกับหลันเอ๋อร์ของเราได้”

        ——

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษใครว่าการข้ามมิติไม่ใช่งานที่ต้องใช้เทคนิค? จู่ๆ เด็กสาวแสนหวานก็กลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในครอบครัวยากจน นางอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ครอบครัวยากจน พ่อแม่ขี้ขลาด ญาติพี่น้องทุบตี โดนกดขี่สารพัด…. ยังไม่พอ… ระบบตัวดียังจะขอให้เธอเป็น ‘หลิวเต้าเซียง’ เด็กสาวแสนสวยในชนบท จิตใจดีและขยัน ประเด็นสำคัญคือคำสุดท้าย “ขยัน” แต่เพื่อพ้นความจนที่ข้นแค้นและครอบครัวที่โหดร้าย นางจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ร่ำรวยขึ้นมาให้ได้!! “เจ้าระบบ หวานใจของพี่ รีบบอกพี่สาวหน่อยว่าต้องทำอย่างไรถึงสามารถสร้างตัวได้เร็วที่สุด” ตอนนี้เลือดในกายนางกำลังเดือดพุ่งพล่าน เพื่อความสุขสบายของครอบครัว และหนุ่มเอ๊าะๆ หลิวเหม่ยจวิน (ในร่างหลิวเต้าเซียง) คนนี้ ขอสู้ตาย!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset