สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ – ตอนที่ 30 แม่ผู้แสนดี

        “รับทราบ ท่านแม่ ข้าจดจำไว้แล้ว”

        ที่จางกุ้ยฮัวสามารถออกเดือนได้อย่างราบรื่น ส่วนหลิวชุนเซียงก็ได้รับน้ำนมจนตัวอ้วนพีล้วนเป็นผลงานของหลิวเต้าเซียง เมื่อนางได้ยินว่าหลิวฉีซื่อเต็มใจที่จะให้หลิวเต้าเซียงเข้าเมืองก็ถึงกับประหลาดใจ แต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน

        “อืม งั้นก่อนออกเดินทางวันรุ่งขึ้น ข้าจะเอาเงินให้เจ้า”

        วันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสาง จางกุ้ยฮัวเดินเข้ามา สะกิดปลุกหลิวเต้าเซียง แล้วอุ้มหลิวชุนเซียงขึ้นมา หยิบผ้าห่มที่สะอาด แต่แข็งหยาบและเก่าขาดขึ้นมาหนึ่งผืนเพื่อห่อหลิวชุนเซียงไว้อย่างดี เผยเพียงแค่ใบหน้า

        หลิวเต้าเซียงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าเองเรียบร้อย ขณะนั้นหลิวชิวเซียงก็ตื่นขึ้นด้วย “ท่านแม่ พวกท่านจะเข้าตำบลแต่เช้าเยี่ยงนี้เชียวหรือ?”

        “เจ้านอนต่อเถิด นั่งรถวัวต้องจ่ายคนละหนึ่งอีแปะ ย่าเจ้าให้มาครบจำนวน เพียงพอแค่ซื้อของ”

        หลิวเต้าเซียงเกาศีรษะ นางไม่อยากเดินเท้า ตนเองไม่เท่าไร แต่จางกุ้ยฮัวเพิ่งออกเดือนแล้วอุ้มทารกแรกเกิดเดินเท้าเป็นระยะทางสิบลี้ นี่นับว่าลำบากเกินไป

        นางรีบวิ่งไปด้านหลังบ้านอย่างร้อนรน แล้วล้วงไข่จากโอ่งเก่าออกมาหนึ่งใบ ตั้งใจจะเอาไข่ไก่นี้ไปแลกกับการนั่งรถวัวของเหล่าหวัง

        “เต้าเซียง ทําอะไรน่ะ ไปกันเถิด”

        จางกุ้ยฮัวกลัวว่าจะปลุกหลิวซานกุ้ยที่เหนื่อยล้า นางจึงเดินไปที่ประตูหลังเบาๆ และเรียกบุตรสาวคนรอง

        “ท่านแม่ ข้าอยู่นี่”

        หลิวเต้าเซียงเอาไข่ไว้ในอ้อมอก จากนั้นวิ่งเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

        “แม่ เราทำโจ๊กกินกันก่อนดีกว่า” หลิวเต้าเซียงกลัวว่าจางกุ้ยฮัวจะไม่มีนมให้น้องเล็กกิน

        จางกุ้ยฮัวเอ่ยทันใด “จะมีของที่ไหนให้ต้มกัน เจ้ายังไม่ตื่นดีหรือไร” น่าเสียดายที่นางไม่มีเงินและพรสวรรค์ อุตส่าห์พาเด็กผู้หญิงสองคนเข้าเมือง แต่กลับทำอะไรเพื่อพวกนางไม่ได้ “หรือไม่ เราเอาไข่ดิบไปด้วยสองฟอง ถึงตอนนั้นจะได้เอาไปแลกผ้าแดงให้เจ้ากับพี่สาวเจ้าคนละเส้น”

        หัวใจของหลิวเต้าเซียงอบอุ่น รู้สึกว่าแม่ผู้แสนดีของตนเองนั้นมีความคิดที่ดีใช้ได้ จึงตอบ “แม่ ท่านไม่ต้องสนใจหรอก ต่อไปข้ากับพี่ใหญ่จะมีผ้ามัดผมเส้นใหญ่แน่นอน อยากได้สีไหนก็มีสีนั้น” พูดจบ นางก็หันไปต้มโจ๊กข้าวบด

        จางกุ้ยฮัวสงสัยว่าหลิวเต้าเซียงไปได้ของจากที่ไหนมาทําอาหาร ในขณะที่นางกําลังต้มโจ๊กข้าวขาว ก็อดไม่ได้ที่จะลดเสียงลงอย่างประหม่าและถามว่า “เจ้าไปได้มาจากที่ใด?”

        “ท่านแม่ วางใจได้ ข้า หลิวเต้าเซียงน่ะ เป็นคนรักความถูกต้อง ประพฤติปฏิบัติดี ไม่ขโมยไม่แย่งชิง ถึงเวลาท่านกินอย่างเดียวก็พอ แล้วเราเอาไข่ไปแลกกับที่นั่งของลุงหวัง แม่อุ้มชุนเซียงเดินไกลเพียงนั้น คงต้องเหนื่อยล้าเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นขากลับยังต้องหิ้วเนื้อหมูอีกห้ากิโลกรัม”

        นางคิดอยู่ว่าในบ้านยังเหลือไข่อีกเก้าฟอง รอขากลับตนเองนำไก่ไปขายก็คงได้เงินค่ารถเข็นวัวกลับมาบ้าง ถึงตอนนั้นค่อยหาทางพูดกับจางกุ้ยฮัวอีกที

        จางกุ้ยฮัวกล่าวอย่างประหม่าว่า “ย่าของเจ้าดูแลข้าวสารอย่างดิบดี ไหนเลยจะปล่อยให้ถูกขโมยอย่างง่ายดาย เพียงแต่ แม้ว่าบ้านเราจะยากจน แต่ก็เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงโปร่งใส ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตเจ้าต้องออกเรือน ห้ามมีข่าวเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเด็ดขาด”

        หลิวเซียงรู้แต่เนิ่นๆ ว่าจางกุ้ยฮัวเป็นหญิงสาวที่ซื่อตรง ไม่ชอบการลักเล็กขโมยน้อย

        “ข้ารู้ ท่านแม่ มั่นใจได้เลยว่าข้าไม่ได้ขโมยแต่อย่างใด เมื่อสองวันก่อนข้าเอาเห็ดป่าไปแลกกับชาวบ้านได้มาหน่อยหนึ่ง เพียงพอให้บ้านเราได้กินหนึ่งมื้อ”

        จางกุ้ยฮัวได้ยินดังนั้นถึงวางใจ จึงวางหลิวชุนเซียงที่ยังหลับใหลลงบนคั่งอุ่นๆ ส่วนตนเองกลับเข้าไปในบ้าน รับข้าวร่วนที่หลิวเต้าเซียงเพิ่งซาวเสร็จมาแล้วเอ่ย “ยังเช้าอยู่ ย่าเจ้าให้เงินข้ามา แล้วก็มีงานปักของอาเล็กของเจ้า ตอนนี้พวกนางกลับไปนอนแล้ว อากาศหนาว นางคงไม่ตื่นเช้า เจ้าไปนอนต่ออีกสักหน่อย เดี๋ยวต้มเสร็จ ข้าจะไปปลุกเจ้าเอง”

        หลิวเต้าเซียงกำลังง่วงได้ที่ ได้ยินดังนั้นจึงส่งไม้ต่อ แล้วปีนขึ้นคั่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วเบียดชิดกับหลิวชิวเซียงหลับไป

        “น้องรอง ยังไม่ไปอีกหรือ?”

        “มันหนาวเกินไป รอเดี๋ยวค่อยลุก แม่กำลังต้มโจ๊ก วันก่อนข้าเอาเห็ดไปแลกกับข้าวร่วนมาได้ เอามาต้มโจ๊กกินได้พอดี”

        “เหตุใดข้าจึงไม่รู้ว่าเจ้าแลกข้าวร่วนกลับมาได้?”

        “ฮะๆ พี่น่ะหรือ ข้ากล้าพนันได้เลยว่า ขอเพียงย่าดุเข้าหน่อย พี่ก็เขียนทุกอย่างไว้บนใบหน้าว่า บ้านข้ามีข้าวร่วนจริงๆ นะ”

        “จริงหรือ? หน้าข้าเขียนเช่นนั้นจริงหรือ? ใครเขียน?” หลิวชิวเซียงลุกขึ้นนั่ง เอามือถูใบหน้า จะให้ย่ารู้ไม่ได้ว่าบ้านเรามีของกิน

        “นอนเถิด อากาศหนาว ข้าก็พูดไปเช่นนั้นแหละ ย่าแค่หลอกพี่ทุกครั้งก็อ่านสีหน้าพี่ออกแล้ว” เฮ้อ พี่สาวตนช่างใสซื่อเหลือเกิน

        หึ หลิวฉีซื่อไม่ชอบหลิวซานกุ้ย และมีความคิดอยากกดขี่ครอบครัวฝั่งนี้ตลอด หลิวเต้าเซียงจึงใช้หลิวฉีซื่อเป็นที่ลับมีด จัดการลับคมพี่สาวตนเองให้ลุกขึ้นสู้บ้าง ฮี่ๆ ถึงตอนนั้น ครอบครัวนางต้องยืดอก เดินอย่างองอาจ มีความทะนงตนแผ่รัศมีออกมาให้โลกรู้

        หลิวเต้าเซียงคิดแล้วเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป

        “ลูกรัก ตื่นเร็วเข้า” จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือออกไปและเขย่าตัวนาง เสียงนั้นฟังดูเหมือนทั้งสองเป็นโจรอย่างไรอย่างนั้น

        โจ๊กขาวเคี่ยวสุกง่าย ข้าวร่วนยิ่งไม่ต้องพูดถึง สุกง่ายกว่า โชคดีที่เป็นแค่โจ๊ก มิฉะนั้นกลิ่นหอมคงลอยออกไปจนปลุกหลิวฉีซื่อตื่นแน่

        เมื่อมีของดี อย่าว่าแต่หลิวเต้าเซียงเลย กระทั่งหลิวชิวเซียงเองก็กะพริบตาแล้วลุกขึ้นจากคั่ง

        เสียงกรนของหลิวซานกุ้ยได้หยุดลง และเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าดังขึ้น คงกำลังลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังม่านไม้ไผ่

        ในห้วงมิติของหลิวเต้าเซียงมีข้าวร่วมหนึ่งกิโลครึ่ง ตอนที่ต้มโจ้กใส่ปริมาณเยอะ โจ๊กจึงข้นได้ที่ ไม่ใช่น้ำใสเหมือนที่ปกติเคยเห็น

        นับตั้งแต่คราวที่แล้วที่หลิวเต้าเซียงสำลักน้ำที่มีแต่กลิ่นควัน หลิวซานกุ้ยก็จัดการขัดถูหม้ออย่างดีอีกรอบ แล้วยังทำฝาปิดไว้ ตอนนี้น้ำดื่มในบ้านที่ต้มเสร็จ กลิ่นควันจึงจางลงไปเยอะ

        “หืม เมียจ๋า เหตุใดวันนี้จึงมีโจ๊กกินหรือ?”

        ตรงหน้าเขาคือแผ่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่วางอยู่บนดินที่ก่อตัวขึ้นมาทำเป็นโต๊ะ ด้านบนวางถ้วยโจ๊กไว้สี่ชาม

        ถึงกระนั้น ก็ทําให้หลิวซานกุ้ยมีความสุขในใจ

        “มีให้กินก็พอแล้ว ท่านพี่จะสนใจอะไรมากมายเล่า?” จางกุ้ยฮัวไม่ต้องการบอกที่มาของข้าวที่ใช้ทำโจ๊ก

        ในห้องเล็กๆ และสลัว มีเพียงแสงไฟจากคั่ง โจ๊กสีขาวข้นๆ สี่ชามวางนิ่งอยู่ตรงนั้น ช่างน่าดึงดูดใจ

        หลิวซานกุ้ยแอบเอื้อมมือออกไปและหยิกต้นขาของตัวเอง ปรากฏว่าเจ็บจนต้องแยกเขี้ยว ทำให้แม่ลูกสามคนต่างหัวเราะกันคิกคัก

        ผิวด้านนอกของเขาเจ็บ ในห้องเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่แท้นี่ไม่ใช่ฝัน

        ฟืนในคั่งมีเสียงดังเปรี๊ยะๆ ภายในห้องนั้นมีเพียงรอยยิ้มที่มีความสุขตลบอบอวล

        หลิวซานกุ้ยรู้สึกว่าในทรวงอกของเขาไม่เคยมีความสบายใจและปลอบโยนเช่นนี้มาก่อน เป็นเวลาเนิ่นนานที่ยังมีภาระหนักหน่วงที่แบกอยู่บนบ่าของเขา ราวกับว่าตั้งแต่ศีรษะของบุตรสาวถูกกระแทกเป็นต้นมา เรื่องต่างๆ ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก จนทำให้เขาเริ่มมีความหวังกับอนาคตขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

        โจ๊กร้อนๆ ในชามลงไปอยู่ที่ท้องที่เดิมทีเย็นเฉียบ แต่ตอนนี้ได้รับความอบอุ่น แม้กระทั่งความหนาวเหน็บบนร่างกายก็ลดทอนลงไป

        หลิวเต้าเซียงเห็นว่ายังมีเหลืออยู่เล็กน้อยในหม้อ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับคนสี่คนที่จะกิน จึงพูดว่า “ข้าอิ่มแล้ว”

        หลิวชิวเซียงเองก็วางตะเกียบลงอย่างว่าง่าย “แม่ เดี๋ยวข้าจะล้างจานเอง”

        ก่อนที่หลิวฉีซื่อจะตื่นขึ้น หลักฐานทั้งหมดจะต้องถูกทำลายให้เกลี้ยง หากใช้คำพูดของน้องรองก็คงเป็น ต้องกำจัดคราบความเป็นเศรษฐีให้หมดจด อย่าให้หลิวฉีซื่อได้มีโอกาสบ้าคลั่ง

        จางกุ้ยฮัวเป็นผู้หญิงที่มีคุณธรรมมาก “ข้าก็อิ่มแล้ว ซานกุ้ย วันนี้เจ้ายังต้องทำงานหนักทั้งวัน กินเยอะหน่อยเถิด”

        หลิวซานกุ้ยเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาต้องกินอิ่มจึงจะมีแรงทำงาน และไม่ล้มป่วย

        “ให้ลูกๆ กินเถิด พวกนางกำลังเจริญเติบโต วันๆ ก็กินไม่เคยอิ่ม ได้กินแต่มันเทศไม่เพียงพอหรอก”

        เขารู้สึกผิดต่อบุตรสาวที่ไม่สามารถให้ชีวิตที่ดีแก่พวกนางได้ ทำได้เพียงต้องทนดูแต่น้องสาวตนเองที่กินดีอยู่ดี

        เขาหยิบหม้อเหล็กขนาดเล็กที่แหว่งเล็กน้อย ใช้ช้อนตั้งใจกวาดโจ๊กบนขอบหม้อโดยไม่ให้สิ้นเปลือง

        “พ่อ พ่อกับพี่กินเถิด ข้ากับแม่ต้องไปแล้ว ประเดี๋ยวรถเข็นวัวของลุงหวังไม่รอกันพอดี”

        ระยะทางหมู่บ้านสามสิบลี้ไปยังตำบลเหลียนซานใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับสองชั่วโมงในยุคปัจจุบัน

        ดังนั้นหลิวเต้าเซียงจึงเอ่ยปากเร่งจางกุ้ยฮัว นางไม่เหมือนหลิวชิวเซียง ชาติก่อนไม่เคยกินโจ๊กข้าวร่วนเช่นนี้ ได้กินแต่ข้าวหอมของต่างประเทศหรือไม่ก็ข้าวใหม่

        จางกุ้ยฮัวเห็นว่าบุตรสาวคนรองลุกขึ้นและเดินไปอีกด้านของที่กั้นไม้ไผ่ จึงรีบลุกขึ้นอุ้มชุนเซียงที่นอนหลับอุตุบนคั่งขึ้นมา

        เมื่อมองไปที่บุตรสาวคนที่สามที่อ้วนขึ้นมาไม่น้อย หางตาของจางกุ้ยฮัวก็เริ่มเปียกซึม นางรู้สึกว่าบุตรสาวคนรองช่างเหมือนคนที่สวรรค์ส่งลงมาให้ ไม่อย่างนั้น เหตุใดจึงฉลาดได้เพียงนี้

        นับตั้งแต่ปล่อยให้นางเป็นประมุขของบ้าน จากที่เห็น ครอบครัวก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

        ส่วนร่างกายของนาง ต้องขอบคุณที่ในช่วงอยู่เดือนได้น้ำตาลแดง พุทราจีนและไข่ไก่มาช่วงบำรุง ทำให้อาการหายดีเกือบหมด เหลือเพียงบางส่วนที่ยังต้องค่อยๆ ฟื้นฟู

        บุตรสาวคนรองของนางบอกว่า เราต้องมีเงิน ต้องมีไข่ไก่ และมีข้าวสารแน่นอน

        เมื่อหลิวเต้าเซียงมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน บนรถเข็นวัวก็มีคนนั่งอยู่หลายคน ป้าหลี่ซานเสิ่นกับชุ่ยฮัวเองก็อยู่บนนั้น เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียง ชุ่ยฮัวก็รีบส่งเสียงเรียก “เต้าเซียง มานั่งทางนี้เร็วเข้า แม่ข้ากลัวข้าหนาว จึงเตรียมเตาไฟเล็กๆ มาด้วย”

        นางกลัวว่าหลิวเต้าเซียงจะไม่เชื่อ จึงเปิดผ้าห่มที่ห่มอยู่บนขาขึ้นมา

        หลิวเต้าเซียงเหลือบมองเห็นประกายไฟนั้น อยากเอาก้นไปหย่อนข้างนางเหลือเกิน

        หลังจากคิดดู ก็หันไปหาจางกุ้ยฮัวที่เดินตามหลังมาแล้วเอ่ย “แม่ เราไปนั่งข้างชุ่ยฮัวกันเถิด”

        “นี่ เจ้าเด็กนี่หมายความเช่นไร?” มีหญิงชราคนหนึ่งทำหน้าตึงไม่พอใจ

        “หมายความเช่นไรน่ะหรือ ก็หมายความตามที่พูดน่ะสิ” หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน ทำเป็นไม่เห็นหญิงชราคนนั้น แล้วขยับไปนั่งใกล้หลี่ชุ่ยฮัวเพื่อขอความอบอุ่น

        “เจ้า… เด็กอะไรไม่มีมารยาท ไม่รู้จักการมาก่อนมาหลัง!” หญิงชราผู้นั้นเข้ามาใกล้หลี่ชุ่ยฮัวพร้อมกับด่า แล้วพลิกผ้าห่มขึ้น จากนั้นเอ่ยกับป้าหลี่ซานเสิ่น “นี่ เมียซานหลู เจ้าน่ะจะพาชุ่ยฮัวไปหาพ่อนางที่ตำบลหรือ?”

        เพราะว่าต่างก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ป้าหลี่ซานเสิ่นจึงไม่อยากมีปัญหากับอีกฝ่าย จึงทำเพียงพยักหน้าตอบ “ใช่แล้วล่ะ เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิแม้จะหนาว แต่พ่อของนางกับพี่ชายนางก็ทำงานตีเหล็กในตำบล อากาศร้อนเร็วกว่าที่อื่น ข้าก็เลยทำเสื้อผ้าฤดูร้อนไว้สองตัว อาศัยวันจ่ายตลาดจึงส่งไปให้พวกเขาด้วยน่ะ”

        คิ้วของหลี่ชุ่ยฮัวขมวดกันแน่น จ้องเขม็งไปที่หญิงชราที่นั่งข้างๆ

        ทั้งที่นางบอกว่าจะให้เพื่อนตนเองนั่งข้างๆ แต่หญิงชราผู้นี้ช่างไม่มียางอายเอาเสียเลย

        —–

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษใครว่าการข้ามมิติไม่ใช่งานที่ต้องใช้เทคนิค? จู่ๆ เด็กสาวแสนหวานก็กลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในครอบครัวยากจน นางอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ครอบครัวยากจน พ่อแม่ขี้ขลาด ญาติพี่น้องทุบตี โดนกดขี่สารพัด…. ยังไม่พอ… ระบบตัวดียังจะขอให้เธอเป็น ‘หลิวเต้าเซียง’ เด็กสาวแสนสวยในชนบท จิตใจดีและขยัน ประเด็นสำคัญคือคำสุดท้าย “ขยัน” แต่เพื่อพ้นความจนที่ข้นแค้นและครอบครัวที่โหดร้าย นางจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ร่ำรวยขึ้นมาให้ได้!! “เจ้าระบบ หวานใจของพี่ รีบบอกพี่สาวหน่อยว่าต้องทำอย่างไรถึงสามารถสร้างตัวได้เร็วที่สุด” ตอนนี้เลือดในกายนางกำลังเดือดพุ่งพล่าน เพื่อความสุขสบายของครอบครัว และหนุ่มเอ๊าะๆ หลิวเหม่ยจวิน (ในร่างหลิวเต้าเซียง) คนนี้ ขอสู้ตาย!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset