หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 759

ความเด็ดขาด

ฟิ้ว!

ทันทีที่หั่วเม่ยเอ๋อลงมือ มู่เฉินก็ทะยานตัวไปหาแมงป่องมังกรเพลิงที่กำลังหลบหนีพร้อมกับคลื่นหลิงมหาศาลพล่านออกมาจากร่าง เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหั่วเม่ยเอ๋อ แม้แมงป่องมังกรเพลิงจะได้รับบาดเจ็บและอ่อนกำลังอย่างมาก มันก็ยังเป็นสิ่งที่จัดการได้ยากอยู่

ความเร็วของมู่เฉินรวดเร็วมาก บวกกับแมงป่องมังกรเพลิงได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเพียงไม่กี่อึดใจเขาก็ไล่ตามจนทัน

โฮก!

รับรู้ว่ามู่เฉินไล่ตามมา แมงป่องมังกรเพลิงก็เปล่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว แววดุร้ายพวยพุ่งในดวงตาอีกครั้ง มันจำได้ว่ามู่เฉินเป็นวายร้ายที่ล่อมันมาที่นี่

ทว่าความโกรธก็คือความโกรธ แต่แมงป่องมังกรเพลิงก็ตระหนักถึงสภาพของตนตอนนี้ มันจึงทำเพียงส่งเสียงเตือนไม่ได้ปล่อยพลังโจมตีใดๆ ใส่มู่เฉินพร้อมกับรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินติดตามกระชั้นชิดที่ด้านหลังราวกับแมลง ดวงตาเปล่งประกาย สุดท้ายก็ทำท่ากอด เสาปีศาจ ปรากฏขึ้นพร้อมกับเงาขนาดใหญ่ พุ่งเป้าไปที่แมงป่องมังกรเพลิงอย่างไร้ปรานี

ตู้ม!

เสาแสงลาวาขนาดยักษ์พุ่งออกมาจากปากน่ากลัวของแมงป่องมังกรเพลิงปะทะกับเสาปีศาจ ความผันผวนน่าสะพรึงกวาดอาละวาดออกมา

เสาปีศาจกระเด็นออกไป แม้แต่มู่เฉินยังถูกซัดออกเป็นพันจั้ง แววหวาดผวาอย่างควบคุมไม่อยู่ฉายบนใบหน้า ได้ประสบกับด้วยตัวเองแบบนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าแมงป่องมังกรเพลิงน่ากลัวขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่มันบาดเจ็บหนักอยู่เลย ถ้ามันอยู่ในสภาพเต็มร้อย มู่เฉินคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะครั้งแรกไปแล้ว

โฮก!

แสงดุร้ายวาบขึ้นในดวงตาของแมงป่องมังกรเพลิงเมื่อจับจ้องไปที่มู่เฉิน ก่อนที่จะหลบหนีต่อ เห็นชัดว่ามันไม่อยากอยู่ในสถานที่อันตราย เพราะสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนมดอย่างมู่เฉิน

มู่เฉินมองแมงป่องมังกรเพลิงที่หนีไปก็ขบฟันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แสงเหี้ยมหาญจะลุกโชนในดวงตา

วาบ!

เขากระทืบเท้าทะยานตัวออกไป ครั้งนี้เขาพุ่งตรงไปที่หัวของแมงป่องมังกรเพลิง

โฮกกก!

เผชิญกับการตอแยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากมู่เฉิน ในที่สุดแมงป่องมังกรเพลิงก็ไม่สามารถยับยั้งความดุร้ายโดยธรรมชาติไว้ได้ มันส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราด ลาวาไหลภายในปาก จากนั้นก็กัดไปทางมู่เฉิน

เมื่อมองปากขนาดใหญ่ที่มี่แต่ลาวาปกคลุม ดวงตาของมู่เฉินก็เป็นประกาย จากนั้นกระทืบเท้า ไม่เพียงแต่เขาไม่ถอยหนี เขายังพุ่งตรงไปที่ปากของแมงป่องมังกรเพลิงอีกด้วย

เวลาเดียวกันอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวก็ปล่อยเสียงกรีดร้องโหยหวนจากอีกจุดหนึ่ง ลำแสงสีแดงวาบผ่านราวกับใบมีดเพลิงที่สามารถเฉือนทุกสิ่ง จากนั้นก็วาบผ่านลำคอที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัว

เลือดลาวาสดพวยพุ่งไปบนท้องฟ้า เสียงกรีดร้องโหยหวนเงียบหายไป

หั่วเม่ยเอ๋อปรากฏตัวบนท้องฟ้าพลางพลิกนิ้ว นางทำลายหัวอสรพิษที่ลอยขึ้นมา ลำแสงสีแดงที่มีขนาดราวหนึ่งจั้งเคลื่อนลงมาลอยอยู่ตรงหน้านาง

นี่คือแก่นเพลิงวิญญาณของอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัว ภายในแสงดูราวกับลาวาสีแดงสดไหลเวียน คลื่นหลิงเพลิงบริสุทธิ์บรรจุอยู่

หั่วเม่ยเอ๋อสะบัดมือเรียกเก็บแก่นเพลิงวิญญาณ จากนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางรีบหันหน้าไปก็เห็นฉากที่มู่เฉินถูกกิน

เห็นภาพนี้ แม้แต่คนอย่างหั่วเม่ยเอ๋อยังอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความร้อนใจ แม้นางจะมีความสัมพันธ์อิหลักอิเหลื่อกับจิ่วโยว แต่ระหว่างพวกนางก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน มีเพียงความคิดแข่งขันกันและความรู้สึกประทับต่อกัน ถ้ามู่เฉินตายที่นี่เพราะนาง ด้วยนิสัยของจิ่วโยวคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่

เหตุผลที่นางทำท่าทางเย็นชาใส่ เพราะนางอยากรู้ว่าคนที่จิ่วโยวพากลับมาด้วยจะมีความสามารถเพียงใด แต่นางจะไปคิดได้อย่างไรว่ามู่เฉินโง่ที่จะถูกกินเข้าไป!

“เจ้าโง่นั่น!”

หั่วเม่ยเอ๋อขบฟัน จากนั้นก็กระโจนใส่แมงป่องมังกรเพลิงอย่างรวดเร็ว ในมือคลื่นหลิงเชี่ยวกรากรวมตัวกัน

แต่ขณะที่หั่วเม่ยเอ๋อกำลังจะลงมือ ร่างใหญ่โตของแมงป่องมังกรเพลิงก็สั่นเทิ้มรุนแรง ก่อนที่เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจะดังมาจากลำคอของมัน

หั่วเม่ยเอ๋อชะงักไป ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่ปากของแมงป่องมังกรเพลิง ตรงนั้นแสงสีทองโชติช่วงปะทุขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงรุนแรงระเบิดออก

ก้อนลาวาคล้ายกับเลือดพ่นออกจากปากของแมงป่องมังกรเพลิง มากจนกระทั่งเกล็ดแข็งแรงแตกออก

เห็นได้ชัดว่ามีพลังงานรุนแรงระเบิดจากภายในร่างกายมัน

หากแมงป่องมังกรเพลิงอยู่ในสภาพเต็มร้อย ก็สามารถยับยั้งพลังโจมตีจากภายในได้ แต่ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บหนัก จึงทำได้เพียงส่งเสียงร้องโหยหวน ลาวาคล้ายกับเลือดสดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าของหั่วเม่ยเอ๋อตะลึงไปเมื่อมองภาพนี้ จากนั้นนางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับคิ้วเลิกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน

“เจ้านี่โหดเหี้ยมจริงๆ”

หั่วเม่ยเอ๋อดำรงตำแหน่งแม่ทัพกงเวทสวรรค์ นางจึงบอกได้ถึงเจตนาของมู่เฉินเพียงเหลือบมองครั้งเดียว เขารู้ว่าตัวเองเสี่ยงฆ่าแมงป่องมังกรเพลิงไม่ได้ ยิ่งถ้าเขาบีบแมงป่องมังกรเพลิงจนใกล้ตาย มันก็อาจทำลายแก่นเพลิงวิญญาณไปด้วย ทำให้เขาคว้าน้ำเหลวไป ดังนั้นเขาจึงใช้ความจริงที่แมงป่องมังกรเพลิงประมาทพุ่งเข้าไปในร่างมันเพื่อปล่อยพลังโจมตีถึงชีวิต

ในบางมุมมอง วิธีนี้ได้ผลดีที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่อันตรายที่สุดเช่นกัน ภายในร่างของแมงป่องมังกรเพลิงไม่ต่างจากเตาเผา ถ้าพุ่งตัวเข้าไปไม่ระวังก็อาจจะถูกหลอมละลายด้วยอุณหภูมิสูงได้ ยิ่งหากมันอยู่ในสภาพเต็มร้อย แม้แต่หั่วเม่ยเอ๋อยังไม่กล้าเข้าในตัวมันเลย

แต่ตอนนี้จุดสำคัญก็คือแมงป่องมังกรเพลิงได้รับบาดเจ็บหนัก มีพลังเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งส่วน ภายในร่างกายของมันจึงไม่ใช่เขตต้องห้ามอีกต่อไป และมู่เฉินก็ใช้โอกาสจุดนี้เข้าไปในร่างมันและทำลายจากภายใน

แม้วิธีนี้อาจจะดูง่ายดาย แต่ก็ต้องใช้ความเด็ดขาดและเหี้ยมหาญที่คนธรรมดาทั่วไปไม่ตัดสินได้ในเวลาอันสั้น

ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่แววตาของหั่วเม่ยเอ๋อเคร่งเครียดลง

นางไม่ได้ตกใจกับพลังของมู่เฉิน แต่ความเด็ดเดี่ยวของเขาน่าทึ่งนัก ตอนนี้นางรู้แล้วว่าทำไมจิ่วโยวถึงปล่อยให้ชายหนุ่มคนนี้สั่งการหน่วยรบวิหคโลกันตร์ได้

ตู้ม!

ขณะที่สายตาของหั่วเม่ยเอ๋อเปลี่ยนไป แสงสีทองโชติช่วงก็ทะลุออกจากลำคอของแมงป่องมังกรเพลิง ลาวาพ่นออกมา แมงป่องมังกรเพลิงก็ส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนที่ร่างจะฟุบลง

ปัง!

หัวแมงป่องมังกรเพลิงระเบิดกระจุยพร้อมกับแสงสีทองพุ่งออกมา ก่อเป็นเงาร่างแสงขนาดใหญ่ นี่ก็คือร่างเทพสุริยะนั่นเอง

แต่ตอนนี้ร่างเทพสุริยะมีสีแดงเจือปน ราวกับว่าเพิ่งเดินออกมาจากเตาเผา แสดงสัญญาณละลายอีกด้วย

ร่างเทพสุริยะหม่นแสงลงอย่างรวดเร็วก่อนจะสลายไป ร่างสูงโปร่งก็เผยออกมาให้เห็น

อ็อก!

เมื่อออกมาได้ มู่เฉินก็กระอักเลือดเต็มปาก เสื้อผ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน ผิวหนังแดงก่ำไปหมดส่งสัญญาณเผาไหม้ กล้ามเนื้อเหลวจนเห็นกระดูกขาวน่าขนลุก

เห็นได้ชัดว่าแม้จะมีร่างเทพสุริยะป้องกันอยู่ มู่เฉินก็ยังต้องจ่ายราคาแพงระยับจากการเข้าไปในร่างของแมงป่องมังกรเพลิง โชคดีที่เขาสังหารมันได้ทันท่วงที ก่อนที่ร่างจะละลายอย่างสมบูรณ์

มู่เฉินปาดคราบเลือดตรงมุมปาก สะบัดมือเรียกที่ศพแมงป่องมังกรเพลิง แสงสีแดงที่ไม่ด้อยไปกว่าของหั่วเม่ยเอ๋อที่ได้รับก่อนหน้าลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา

ภายในแสงสีแดงมีผลึกลาวาไหลอยู่ช้าๆ ปล่อยคลื่นหลิงบริสุทธ์ที่ทำให้มู่เฉินถึงกับต้องเลียริมฝีปากอย่างกระหาย

ความบริสุทธิ์ของแก่นเพลิงวิญญาณนี้ทรงพลังมากกว่าที่เขาเคยได้รับหลายเท่า

มู่เฉินค่อยๆ กำหมัด เขาน่าจะสามารถบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสามได้ด้วยแก่นเพลิงวิญญาณนี้

“จุ๊ๆ รุนแรงใช่ย่อย” เสียงปรบมือดังถัดไป หั่วเม่ยเอ๋อทะยานเข้ามาพร้อมกับหัวเราะเสียงพลิ้ว นางเอียงศีรษะเล็กน้อย มองมู่เฉินด้วยท่าทางก๋ากั่น

“ยังดีที่ไม่ตาย” มู่เฉินบ่น แต่ในน้ำเสียงไม่ปรากฏการกล่าวโทษใดๆ เนื่องจากเขารู้ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับหั่วเม่ยเอ๋อ ดังนั้นนางจึงไม่มีหน้าที่มาช่วยเขา

“ฮ่าๆ โกรธหรือ?”

หั่วเม่ยเอ๋อยิ้มตาหยีวางมือนุ่มบนแผ่นอกเปลือยของมู่เฉินพร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้ “ดูเหมือนข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป ครั้งนี้จิ่วโยวพาคนที่เหมาะสมกลับมาด้วยแล้ว”

หั่วเม่ยเอ๋อทั้งงดงามและเย้ายวน ไม่ต้องพูดถึงที่นางมีนิสัยเป็นกันเอง กลิ่นหอมที่โชยออกมายิ่งทำให้มู่เฉินหน้าแดง ขณะที่กำลังจะเบี่ยงตัวหลบ เขาก็เห็นแววหยอกเย้าในดวงตานาง เขาเบ้ปากแกล้งเหยียดแขนพยายามจับเอวนุ่มนิ่มของนาง

ชี่! ชี่!

แต่ก่อนที่มู่เฉินจะโอบแขนรอบกายนาง หั่วเม่ยเอ๋อก็หันขวับพร้อมกับผมสีแดงเพลิงพันรอบแขนของมู่เฉินราวกับอสรพิษ นางแตะบนอกมู่เฉินเบาๆ ก่อนจะพลิ้วตัวกลับอย่างงดงามพลางหัวเราะร่วน

“เจ้าหนู เจ้ายังอ่อนหัดที่คิดจะฉวยโอกาสกับพี่สาวคนนี้ จะคิดแกล้งข้าก็รอให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกให้ได้ก่อนเถอะ!” หั่วเม่ยเอ๋อถอยกลับพร้อมกับหัวเราะ ทิ้งไว้เพียงเสียงสะท้อนก้องขณะที่นางหายไปอย่างรวดเร็วในลาวา

“จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกใช่ไหม เจ้ารอไว้เลย!”

มู่เฉินอดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้เมื่อมองไปทางหั่วเม่ยเอ๋อที่ออกไป ถ้าวันนั้นมาถึง เขาจะตีสาวงดงามคนนั้นให้หนำใจแน่นอน!

แต่นี่ก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบหนึ่งเท่านั้น เขากำแก่นเพลิงวิญญาณ ตอนนี้เขาต้องบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสามให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!

ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องหน้าแตกแน่ หากสิทธิ์การเข้าร่วมศึกมังกรหงส์ถูกมั่นถัวหลัวระงับ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset