หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 768

 มุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาลึก

เทือกเขาหลงเฟิ่ง

ที่นี่เป็นดินแดนโบราณที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือ เหตุผลที่โด่งดังก็เพราะศึกมังกรหงส์ที่จัดขึ้นในเทือกเขาแห่งนี้

ตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณมีมังกรและหงส์ฟ้าแท้จริงระเบิดการต่อสู้สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นที่นี่ การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เทือกเขาหลายแสนลี้ยุบตัวลงกลายเป็นพื้นราบ แม้แต่ท้องฟ้าก็แตกสลายไป

ในเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าทรงพลัง มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ความทรงพลังนั้นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

การต่อสู้น่าตกตะลึงจบลงที่เทพอสูรทั้งสองหมดสิ้นลมหายใจ จุดที่ฝังร่างก็กลายเป็นเขตหลงเฟิ่ง ว่ากันว่าเขตหลงเฟิ่งนี้ถูกย้อมด้วยเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า ทำให้มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง สมบัติมากมายที่ไม่สามารถหาได้จากภายนอกกลับพบในทุกที่ของเขตหลงเฟิ่ง

มากจนถ้าได้รับแก่นเลือดแท้จริงมา ก็จะสามารถชำระร่างมังกรแท้จริงและร่างหงส์ฟ้าแท้จริงได้จากการกลั่นนี้ หากทำสำเร็จละก็ ความอยู่ยงคงกระพันของร่างกายก็จะใกล้เคียงกับเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าเลยทีเดียว

ประเด็นสำคัญก็คือเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงยังมีพลังชีวิตทรงพลัง ซึ่งเป็นที่รู้ทั่วไปว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเทพอสูรก็คือพวกมันมีพลังชีวิตที่มนุษย์ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ หากมนุษย์สามารถรับพลังชีวิตที่เหมือนกับพวกมันมา ก็จะเป็นประโยชน์ในการฝึกยุทธ์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกเหนือจากนี้ยังลือว่าในเขตหลงเฟิ่งมีมรดกที่มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงซ่อนเอาไว้ภายใน หากได้ครอบครอง ก็เท่ากับกระโดดข้ามประตูสวรรค์ในก้าวเดียว

แต่หลายปีผ่านมา เขตหลงเฟิ่งเปิดไปแล้วหลายครั้ง ก็ไม่มีใครได้ยินชื่อคนที่ได้รับมรดกที่มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงทิ้งเอาไว้เลย ดังนั้นจึงไม่อาจสรุปได้ว่าข่าวลือนั้นเป็นการกุขึ้นมาหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกครั้งที่เขตหลงเฟิ่งเปิดตัว ไม่เพียงแต่อัจฉริยชนในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือจะลุกฮือ แม้แต่ขั้วอำนาจชั้นยอดนอกเขตภูมิภาคทางเหนือยังตาโต ส่งตัวแทนมาลงชิงชัยเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ศึกมังกรหงส์จึงกลายเป็นมาตรฐานทองคำที่ใช้ทดสอบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ สิ่งที่เรียกว่าบันทึกมังกรหงส์จึงได้เกิดขึ้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเปิดศึกมังกรหงส์ทุกครั้ง ก็จะเป็นจุดสนใจของภูมิภาคทางเหนือ

มู่เฉินมุ่งหน้าสู่เทือกเขาหลงเฟิ่ง

เมื่อออกจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ เขาก็มุ่งหน้าตรง แต่เนื่องจากที่นั่นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูมิภาคทางเหนือ ด้วยระยะทางยาวไกล ไม่รู้ว่าต้องผ่านเขตแดนของขั้วอำนาจทรงพลังไปเท่าไร

แต่โดยทั่วไปการเดินทางครั้งนี้นับว่าราบรื่น บวกกับมู่เฉินใช้ความเร็วสูงสุด เขาจึงมาถึงพื้นที่ทางทิศเหนือในเวลาเพียงสองวัน

เมื่อใกล้เข้าไป มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เห็นชัดว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังเขตหลงเฟิ่ง

เจ้าของคลื่นหลิงพวกนั้นยังมีอายุค่อนข้างน้อยและแข็งแกร่งพอตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่ทำให้มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เพราะคนที่เขาเจอมาจนถึงตอนนี้อย่างมากก็แค่มีพลังสูสีกับสูชิงกับโจวเยี่ยเท่านั้น

มู่เฉินไม่คิดจะทำความรู้จักกับคนเหล่านั้น เขาเลือกหลบเลี่ยงแทน โดยเลือกเส้นทางภูเขาลึกสำหรับการเดินทางนี้ แม้ความเร็วจะถูกรบกวนโดยสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในภูเขา แต่ก็ดีกว่าการมีเรื่องกับคน ทั้งยังสงบและสันตินัก จุดประสงค์หลักก็คือเขาต้องการความสงบสุขเพื่อที่จะศึกษาวิชาแสงบุปผาทำลายฟ้า

ราตรีปกคลุมผืนดิน

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังครั้งคราวจากส่วนลึกของภูเขาสะท้อนออกมาในยามค่ำคืน

ประกายไฟลุกโชนในป่าทึบขณะที่ร่างสูงโปร่งนั่งหลับตาเงียบๆ บนฝ่ามือมีดอกไม้สีม่วงกำลังหมุนคว้างปล่อยแสงสีม่วงเข้มออกมา

ภายในดอกไม้สีม่วงเข้มราวกับมีข้อความโบราณผ่านทางฝ่ามือเข้าไปในร่างกาย มองเหมือนกับอักขระซับซ้อนเลือนราง

ร่างนี้ก็คือมู่เฉินที่เดินทางตัวคนเดียว ระหว่างสองวันนี้เขามุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาลึก การทำความเข้าใจด้วยตัวเองก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์บางอย่างมากขึ้นเช่นกัน

วงแสงสีม่วงคงอยู่เป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะค่อยๆ จางหาย จากนั้นมู่เฉินก็เปิดเปลือกตาขึ้น เขามองดอกไม้สีม่วงในมือพร้อมกับพลิกฝ่ามือเก็บลงไป

“ช่างซับซ้อนอะไรแบบนี้… ต่อให้ข้าทำความเข้าใจความลึกซึ้งในอักขระเทพของดอกแมนดาลาโบราณในหน้ารายการนิรันดร์ได้ แต่ข้าก็สัมผัสได้เพียงผิวเผินบางจุดเท่านั้นเอง” มู่เฉินทอดถอนหายใจ วิชาแสงบุปผาทำลายฟ้าสมกับเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มยิ่งนัก ความยากในการฝึกฝนทำให้แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกปวดกะโหลกไปหมด

มู่เฉินพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มความคิดในใจไว้และตัดสินใจเข้าสู่สภาวะฝึกยุทธ์

“หือ?”

ทว่าขณะที่กำลังจะเข้าสมาธิ สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาสะบัดมือดับกองไฟตรงหน้าพลางเคลื่อนตัวเข้าไปในความมืดราวกับแมวกระโจนผ่านป่าไปอย่างว่องไว

ผืนป่าปรากฏตรงหน้าจากนั้นครู่ใหญ่ มู่เฉินก็ร่อนกายลงบนต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม จากนั้นก็แหวกพุ่มไม้ออกมองไปข้างหน้า

เมื่อมองออกไป สีหน้าเขาก็อดชะงักค้างไม่ได้

ด้านนอกป่าเป็นทะเลสาบใสกระจ่างมีดวงจันทร์กลมโตแขวนอยู่บนฟ้า แสงจันทร์ส่องลงมาราวกับม่านสีเงินบนทะเลสาบ แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินตะลึงไปไม่ใช่ทัศนียภาพนี้

ในทะเลสาบ ร่างขาวหิมะเปลือยเปล่ากำลังอาบน้ำด้วยท่วงท่าชดช้อย เรือนผมของนางราวกับม่านน้ำตกแผ่สยายบนผิวน้ำ จากมุมดังกล่าวมู่เฉินสามารถเห็นเสี้ยวหน้าของนาง ซึ่งเป็นเสี้ยวหน้าที่ทำให้มู่เฉินซึ่งคุ้นเคยกับการเห็นสาวงามต้องกลั้นหายใจ

นางมีคิ้วโค้งเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากสีแดงชาด ดวงตาดูราวกับหินแกรนิตเนื้อแก้วภายใต้แพขนตายาว นอกจากนี้บนผิวกายยังเปล่งประกายแวววาวอีกด้วย

มู่เฉินอดมองต่ำลงไปไม่ได้ เขาเห็นลำคอขาวผ่องสง่างามราวคอหงส์ ลาดไหล่เพรียวบางชวนน่าหลงใหล ส่วนที่อยู่ต่ำลงไปถูกน้ำในทะเลสาบบดบังไว้ แต่ก็เห็นส่วนโค้งเว้าได้เลือนราง

ในแง่ความสะคราญโฉม สตรีผู้นี้ติดสามอันดับแรกของสตรีที่มู่เฉินเคยเห็น ตามความคิดของเขาแม้แต่หงหยูจากแดนปีศาจที่มีความงามไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคทางเหนือก็คงแซงหน้านางไม่ได้

ซ่า!

ขณะที่มู่เฉินกำลังจ้องมองนาง น้ำในทะเลสาบเบื้องหลังนางก็เกิดเสียงซัดสาด ริ้วสีเจ็ดสีเคลื่อนตัวผ่าน ชั่วขณะต่อมาน้ำก็ระเบิดออก งูยักษ์เจ็ดสีพุ่งเข้าใส่หญิงสาวผู้นั้นทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปขณะที่กำลังจะพุ่งตัวออกไปโดยปฏิกิริยาตอบสนอง วินาทีต่อมาร่างเขาก็หยุดนิ่งลง

เพราะเขาเห็นหญิงสาวในทะเลสาบหัวเราะคิกคักเบาๆ เสียงหัวเราะของนางฟังดูราวกับไข่มุกกระทบบนถาดเงิน ทั้งใสและกังวาน นางโบกมือ งูยักษ์เจ็ดสีก็หดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนมีขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นก็ขดตัวอยู่รอบไหล่บอบบาง

ที่แท้งูเจ็ดสีตัวนี้คือสัตว์เลี้ยงของนางนี่เอง

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจลึกๆ ขณะที่กำลังจะจากไปเงียบๆ ดวงตาราวกับหินแกรนิตเนื้อแก้วดำสนิทก็ช้อนขึ้นมาจากทะเลสาบ

“เวร ถูกจับได้แล้ว”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวรีบกระโจนตัวหนีทันที

แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีความงามล้ำเลิศ แต่มู่เฉินรู้ว่านางไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นเขาไม่อยากท้าทายนาง

วาบ!

ความเร็วของมู่เฉินรวดเร็วมาก เขาทะยานออกไปพันจั้งในเวลาเพียงพริบตา แต่ทันใดนั้นร่างเขาก็แข็งทื่อเมื่อร่อนลงบนต้นไม้ใหญ่ เมื่อมองไปเขาก็เห็นเงาร่างในชุดดำอยู่บนกิ่งไม้ มองมาที่เขาพลางยิ้มตาหยี

นี่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าบอบบางและงดงาม รอยยิ้มบนใบหน้าอบอุ่นไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายของมู่เฉินกลับเกร็งขึ้นทันทีที่เห็น เนื่องจากเขารู้สึกถึงอันตรายน่าอึดอัดแผ่มาจากชายหนุ่มชุดดำ

“สหาย…ถ้าเจ้าหนีไปแบบนี้ ข้าจะถูกอัดเอานะ” ชายหนุ่มชุดดำเกาศีรษะส่งยิ้มจนใจให้มู่เฉิน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า

ม่านตามู่เฉินหดเกร็งรีบถอยหนีฉับพลัน

วาบ!

ทว่าทันทีที่เขาถอยหนี ชายหนุ่มชุดดำก็มาปรากฏตัวตรงหน้าวางมือลงบนไหล่ของเขาเบาๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงในร่างของเขาก็หยุดเคลื่อนไหว

ดวงตาของมู่เฉินเผยความตกตะลึง พลังของชายหนุ่มชุดดำน่ากลัวอะไรเช่นนี้ คนคนนี่ไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่เขาเห็นภายนอกแน่นอน

ชายหนุ่มชุดดำคว้าไหล่มู่เฉินไว้และเคลื่อนกาย เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่ริมทะเลสาบก่อนจะปล่อยตัวมู่เฉินลง

มู่เฉินตกใจก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่กำลังจะพูด หญิงสาวชุดสีอ่อนก็เดินเท้าเปล่าบนผิวทะเลสาบมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน

มู่เฉินได้เห็นเด็กสาวเต็มตา ไม่ นางควรเป็นหญิงสาวมากกว่า นางอายุยังน้อยแต่กลับมีเสน่ห์ตามธรรมชาติแผ่ออกมาจากหว่างคิ้ว ความไร้เดียงสาบวกกับเสน่ห์ทำให้นางดูน่าหลงใหลอย่างยิ่ง

ขณะที่หญิงสาวเดินเข้ามา ชายหนุ่มชุดดำที่เผยพลังน่ากลัวก็ยิ้มประจบขณะที่วิ่งเข้าไปเสนอหน้า “พี่ใหญ่ ข้าช่วยเจ้าไล่สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ ออกไปตอนที่เจ้านี่เข้ามา เจ้าอย่าตำหนิข้าเรื่องที่ไม่คุ้มกันให้ดีล่ะ!”

มู่เฉินอึ้งไป หญิงสาวที่ดูเยาว์วัยเป็นพี่สาวของชายหนุ่มที่มีพลังน่ากลัวคนนั้นน่ะหรือ? แต่คลื่นหลิงรอบตัวหญิงสาวคนนี้ ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวเขาเท่าไรเลย

หญิงสาวถลึงตามองชายหนุ่มชุดดำด้วยแววเย็นชาในดวงตาเย้ายวน ก่อนจะมองมู่เฉิน งูเจ็ดสีเลื้อยอยู่บนไหลขณะที่แลบลิ้นใส่มู่เฉิน

“เอ่อ…”

มู่เฉินไอแห้ง ขณะที่กำลังจะพูด หญิงสาวก็ยื่นมือออกมาเสียงใสกังวานที่ดังก้องในยามค่ำคืน กลับทำให้มู่เฉินแข็งค้างเป็นหินเลยทีเดียว

“เจ้ามีกลิ่นเลือดมังกรไฟโบราณอยู่กับตัว เอามาชดเชยให้ข้าห้าหยด”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset