หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 770

 ไปด้วยกัน

ภายใต้แสงจันทร์

มู่เฉินมองหญิงสาวที่ใช้ม่านตาสีดำเนื้อแก้วสะท้อนประกายแสงจนราวกับสามารถพูดออกมาได้ ใบหน้าของเขาอดไม่ได้ที่จะแข็งค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดเลยว่าจะหาปัญหาใส่หัวตัวเองแบบนี้

แม้หญิงสาวตรงหน้าจะดูงดงามและคนอื่นคงอาจฝันอยากร่วมทางกับนาง แต่มู่เฉินกลับสัมผัสได้ถึงความลึกลับของทั้งสองคนตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสนใจที่จะสานสัมพันธ์ต่อมากนัก

ทว่าก่อนที่มู่เฉินจะพูดเพื่อตัวเอง กู่หลินที่อยู่ข้างไฉ่เซียวก็คัดค้านขึ้นทันที “ไม่ได้!”

หากบิดามารดารู้ว่าเขาปล่อยไฉ่เซียวเข้าไปเขตหลงเฟิ่งตามลำพังกับชายหนุ่มแปลกหน้า เขาคงถูกถลกหนังแน่

พอได้ยินคำค้านของกู่หลิน มู่เฉินก็โล่งใจ เขาพยักหน้าเอ่ยตามตรง “ขอโทษด้วย แต่เราไม่คุ้นเคยกัน ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะไม่วางใจ ตัวข้าเองก็ไม่วางใจเหมือนกัน”

พอได้ยินคำพูดนั่น กู่หลินก็มองมู่เฉินบอกว่าอย่างน้อยเจ้าก็มีไหวพริบนี่ ซึ่งมู่เฉินทำเป็นไม่เห็น

ไฉ่เซียวงอขาเอาคางเกยเข่าขณะกวาดมองกู่หลินกับมู่เฉิน “คำคัดค้านไร้ผล ข้าตัดสินใจแล้ว ต่อให้เจ้าไม่พาข้าไป ข้าก็จะมองหาคนอื่นแทน ในเมื่อมีหลายคนจะไปที่เขตหลงเฟิ่งตอนนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เจอคนนำไปหรอก”

ทว่ามู่เฉินยักไหล่อย่างไม่แยแส ตราบใดที่นางไม่ไปกับเขา นางจะหาใครก็ได้ที่ต้องการ แต่กู่หลินที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำพลางทำหน้ายื่น “พี่ เจ้าจะทำให้บางคนต้องตายนะ!”

น้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารอย่างยิ่ง ทำให้มู่เฉินอมยิ้ม แม้พลังของกู่หลินจะน่ากลัว แต่เขาเหมือนยอมโดยสมบูรณ์กับหญิงสาวผู้นี้

ไฉ่เซียวยิ้มเอ่ย “ตอนนี้มีทางเลือกสองทาง ให้เขาพาข้าไปหรือไม่ข้าก็มองหาคนอื่นที่จะพาข้าไป”

ใบหน้าเรียวบางของกู่หลินกระตุก เนื่องจากรู้จักนิสัยของพี่สาวคนนี้ดี ตราบใดที่นางตัดสินใจทำอะไร ไม่ว่าเขาพยายามอ้อนวอนจนปากฉีกเท่าไรก็ไร้ผล

“ข้าไปก่อนล่ะ”

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงปัญหาเลือนราง ก็ยิ้มแห้งรีบคิดหลบฉากทันที แต่ก่อนที่จะทันขยับตัว มือหนึ่งก็ตะครุบบ่าของเขาไว้

มู่เฉินหันหน้ามามองกู่หลินที่ดวงตาคลอด้วยหยาดน้ำใสพลางขบฟัน “พี่ชาย เห็นแก่ข้าที่ต้องสละเลือดมังกรไฟโบราณตั้งห้าหยดให้กับพวกเจ้าหน่อยเถอะ อย่าให้ข้าต้องเจอปัญหาเลย”

คำพูดของเขาไม่ได้เป็นการเสแสร้งแม้แต่น้อย ไฉ่เซียวมีความงามระดับเดียวกับลั่วหลี เพียงแต่ละคนมีรูปลักษณ์ในแบบของตัวเอง คนหนึ่งเยือกเย็นคนหนึ่งน่าหลงใหล พูดง่ายๆ ก็คือหญิงสาวประเภทนี้เป็นตัวอันตราย การหนีบพวกนางไปกวักแต่ปัญหามาเข้าตัว

“ซ้ายก็ซวย ขวาก็ซวย” กู่หลินตบบ่ามู่เฉินด้วยสีหน้าเจ็บปวด

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะกลอกตา “เจ้าวางใจจริงเหรอ?”

ปล่อยพี่สาวคนสวยไว้กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน มู่เฉินไม่รู้เลยว่าเจ้านี่คิดอะไรอยู่ในหัว นอกจากนี้ดูจากคลื่นหลิงของไฉ่เซียวแล้ว นางไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับกู่หลินเลย

“วางใจเถอะ คนที่จะฉวยโอกาสกับพี่สาวข้ายังไม่เกิดหรอก” กู่หลินยิ้มเผล่เอ่ยซ่อนนัย “ถ้าดูถูกนาง ระวังที่จะเจ็บตัวซะเอง”

มู่เฉินอึ้งไปและอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไฉ่เซียวอีกครั้ง

“สหาย ถือว่าช่วยข้าสักครั้งเถอะ แม้เราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเชื่อถือได้มากกว่าคนอื่นน่ะ” กู่หลินยิ้มเอ่ยต่อ “คนที่ถูกพวกข้าชิงเลือดมังกรไฟโบราณห้าหยดแล้วยังมีอารมณ์สนทนาและกินอาหารร่วมกัน คนที่สามารถทนต่ออะไรเช่นนี้ได้นับว่าไม่ธรรมดา”

“แต่ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือ…” กู่หลินชี้ไปที่ไฉ่เซียวเอ่ยต่อ “พี่สาวข้ามีประสาทสัมผัสดีนัก ในเมื่อนางไม่ปฏิเสธเจ้า ดังนั้นก็ไม่น่ามีปัญหา”

มู่เฉินเบ้ปาก เห็นชัดว่าเขาไม่ยอมรับกับเหตุผลสุดท้าย

“ข้าปฏิเสธได้ไหม?” มู่เฉินนวดหว่างคิ้วเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้

ไฉ่เซียวกลั้วหัวเราะ “ถ้าเป็นกรณีนั้น พวกข้าคงต้องขังเจ้าไว้ที่นี่จนกว่างานประลองเขตหลงเฟิ่งจะจบลงน่ะ”

“ข้าตกลง” มู่เฉินพยักหน้า น้ำเสียงตรงไปตรงมา บุรุษจะไม่เสียผลประโยชน์ตรงหน้า เขาไม่สงสัยในคำพูดของไฉ่เซียวเลย ยิ่งกว่านั้นด้วยพลังของทั้งสองคน ชัดว่าทำได้แน่นอน

“ฉลาด” ไฉ่เซียวยิ้มบาง ทุกอารมณ์ของนางล้วนมีเสน่ห์ดึงดูดจนทำให้ดวงตาผู้คนพร่ามัว โชคดีที่มู่เฉินควบคุมตัวเองได้มาก เขาจึงไม่สูญเสียตัวตนต่อหน้านาง

“วางใจเถอะ การเดินทางไปกับข้าไม่ได้ให้เจ้าเสียประโยชน์อะไรหรอก แม้ว่าด้วยเหตุผลทางร่างกายและพลังที่ถูกจำกัด แต่ข้าไม่เป็นตัวถ่วงของเจ้าแน่นอน ยิ่งกว่านั้นเจ้าบอกว่าจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมศึกมังกรหงส์ต่างเป็นอัจฉริยะแห่งภูมิภาคทางเหนือที่มีพลังไม่ธรรมดา ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้นะ”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ นางก็ปัดมือเบาๆ พร้อมกับแววเจ้าเล่ห์วาบขึ้นในนัยน์ตา “สรุปเหตุผลที่บอกไปเมื่อก่อนหน้านี้ เจ้าจะได้รับประโยชน์มากหากพาข้าไปด้วย ดังนั้นเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหรอก”

มู่เฉินใบ้กินขณะที่กู่หลินตบบ่าปุๆ จากด้านข้างด้วยความเห็นใจ “เห็นมะ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเอาชนะพี่สาวข้าไม่ได้หรอก ยอมรับชะตากรรมซะเถอะ”

มู่เฉินกลอกตาใส่อีกฝ่าย ในเมื่อเขารู้ว่าสถานการณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก เขาก็ขี้เกียจคิดมากอีกพลางเอ่ยถามขึ้น “เราจะไปกันเมื่อไร?”

“พักก่อนหนึ่งคืนเถอะ แล้วค่อยไปพรุ่งนี้เช้า” กู่หลินรีบเอ่ยขึ้น เห็นชัดว่าเขากลัวว่าไฉ่เซียวจะไปพร้อมกับมู่เฉินเดี๋ยวนี้เลย

ครั้งนี้ไฉ่เซียวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนที่นางจะโจนตัวขึ้นไปบนต้นไม้เบียดเข้าไปในพุ่มไม้หนา

พอเห็นท่าทางของนาง กู่หลินก็เบนสายตาไปที่มู่เฉินประสานมือให้ “สหายมู่เฉิน ครั้งนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ หากวันหลังมีอะไรให้ช่วย เจ้าบอกข้าได้เลยะ”

มู่เฉินยักไหล่ “คนเราต้องยืดได้หดได้ ถ้าข้าปฏิเสธนางไปเรื่อยๆ ข้าคงจะเป็นตัวร้ายแน่”

โดยทั่วไปหากเป็นจอมยุทธ์อย่างกู่หลิน พวกเขาไม่สนใจตัวเลือกแบบมู่เฉินหรอก เนื่องจากพลังของพวกเขาเหนือกว่าและมู่เฉินก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นอกจากนี้กู่หลินและไฉ่เซียวก็ไม่ได้ฉวยโอกาสใช้ความเหนือกว่ากลั่นแกล้งเขา ดังนั้นนี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยในใจ

“ฮ่าๆ เราไม่ทำอะไรเจ้าหรอกต่อให้ไม่ตกลง ไม่งั้นถ้าท่านแม่ข้ารู้เรื่องนี้ คงไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่” กู่หลินยิ้ม

มู่เฉินหัวเราะขณะที่ความรู้สึกฉันมิตรเพิ่มขึ้นในใจ ทั้งคู่นั่งหน้ากองไฟพูดคุยกัน ขณะที่ไฉ่เซียวเอนตัวพิงต้นไม้เบาๆ พอได้ยินเสียงหัวเราะจากข้างล่างแล้วนางก็ค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับริมฝีปากเผยอ

“หืม… มู่เฉิน…”

เช้าตรู่วันต่อมา

เหนือทะเลป่าในเทือกเขา มู่เฉินมองไฉ่เซียวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะมองกู่หลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน

เห็นชัดว่าชายหนุ่มสองคนทำอะไรนางไม่ได้เลย

“สหายมู่เฉิน ข้าฝากพี่สาวไว้ด้วยนะ ถ้าเห็นพวกเลวคนไหน ก็ลงมือได้เลยแล้วข้าจะตามไปเก็บผลที่เกิดขึ้นเอง” กู่หลินประสานมือคำนับต่อมู่เฉินด้วยรอยยิ้ม

กู่หลินที่สวมชุดดำมีใบหน้าหล่อเหลานัก ตัดสินจากสถานะขณะที่พูด พื้นเพของพี่น้องคู่นี้เหนือกว่าคำว่าธรรมดาไปไกลแน่

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ใกล้ได้เวลาแล้ว เดินทางกันเถอะ ถ้าพี่กู่เสร็จสิ้นภารกิจก็มารอรับนางได้ที่นอกเขตหลงเฟิ่งนะ”

“ลาก่อน”

มู่เฉินประสานมือแล้วมองไฉ่เซียวก่อนหันหลังออกไป

กู่หลินมองเงามู่เฉินก่อนจะมองไฉ่เซียวด้วยสีหน้าขมขื่น “พี่ อย่าทำตัวให้วุ่นวายนะ ถ้าท่านพ่อท่านแม่รู้เรื่องนี้เข้า ข้าถูกด่าอีกรอบแน่”

“โอ้เอาน่า ในเมื่อเจ้าเชื่อฟังที่จะช่วยปิดเรื่องนี้ให้ เรื่องนี้เจ้าไม่ขาดผลประโยชน์ที่จะได้รับแน่” ไฉ่เซียวหัวเราะโบกมือให้ “ข้าไปก่อนนะ”

นางช่างรักอิสระ เมื่อนางโบกมือก็เปลี่ยนร่างเป็นลำแสงพุ่งไปที่ขอบฟ้าก่อนที่กู่หลินจะพูดอะไรออกมา ไล่ตามหลังมู่เฉินที่นำไปไกลแล้ว

กู่หลินมองเงาร่างทั้งสองจากไปก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา

“นายน้อย เราจะปล่อยให้คุณหนูไปกับคนผู้นั้นหรือขอรับ?” มิติบิดเบี้ยวเบื้องหลังกู่หลินขณะที่เงาสลัวรางร่างหนึ่งจะปรากฏตัวพร้อมกับเสียงสั่นพร่าดังก้อง

กู่หลินพยักหน้าพลางเกาหัวด้วยสีหน้าจนปัญญา แม้เลือดมังกรแท้จริงจะหายาก แต่พี่สาวของเขาไม่ใช่ไม่เคยเห็นสมบัติมาก่อน นางไม่น่าสนอกสนใจกับเลือดมังกรแท้จริงมากนัก แต่ทำไมนางจู่ๆ ถึงตัดสินใจที่จะไปยังเขตหลงเฟิ่งล่ะ?

“วางใจเถอะ แม้พลังของพี่สาวจะถูกผนึกไว้ตอนนี้ แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือคนไหนทำอันตรายนางได้หรอก ส่วนจอมยุทธ์ทรงพลังคนอื่นๆ หากพวกเขาตาบอดก็คงบอกไว้ว่าโทษตัวเองว่าโชคร้ายเพียงใด ท่านพ่อทิ้งตราประทับไว้บนตัวของพี่สาวไว้แล้ว”

“ไปกันเถอะ เราต้องรีบไปเช่นกัน”

กู่หลินโบกมือ ก่อนจะหันหลังก้าวไปข้างหน้า มิติบิดเบี้ยวตรงหน้าร่างเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เงาร่างสีดำก็ติดตามหายไป

ความสงบสุขกลับคืนสู่ป่าผืนอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง มู่เฉินเหาะผ่านขอบฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด ไม่กี่นาทีก็พุ่งออกจากเทือกเขา เขาเหลือบมองทางหางตาเห็นหญิงสาวตามมาด้วยท่าทางผ่อนคลายด้วยสองมือไพล่หลัง

เขาสลัดนางไม่หลุดจริงๆ

มู่เฉินเบ้ปากชะลอความเร็วลงเล็กน้อย

“เจ้าคงไม่ซื่อจนคิดว่าจะสามารถสลัดข้าได้ใช่ไหม?” ไฉ่เซียวตีคู่ขึ้นมาขณะหันมามองหน้ามู่เฉินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเยาะ

มู่เฉินถูจมูกแก้เก้อ “ข้าขออะไรบางอย่างได้ไหม?”

“พูดมา”

“เจ้าสวมผ้าคลุมหน้าได้ไหม? เจ้ายิ้มไปทั่วแบบนี้ เป็นปัญหาได้ง่ายนะ” มู่เฉินแนะนำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ม่านตากระจ่างตรงหน้าปรายมามอง ไม่ใส่ใจกับข้อแนะนำของมู่เฉิน เท้าขาวราวหิมะก้าวเบาๆ พุ่งตรงไปพร้อมกับเสียงกระจ่างดังก้อง

“ไม่ได้!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset