หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 788

หนึ่งดัชนีกลืนสวรรค์

แสงสีทองพร่างพราวพุ่งลงมาจากขอบฟ้า

ช่างเป็นพลังที่ทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่งจนเกือบจะแตกสลายมิติลง ทำให้พื้นดินยุบตัวเป็นโพรง

ผู้พิทักษ์เกราะทองยืนอยู่ใจกลางพื้นดินที่ถล่มลง ตอนนี้มันหยุดเคลื่อนที่ สายตาเหลือบมองอย่างไร้อารมณ์ไปที่ร่างสีทองที่พุ่งลงมาเป็นครั้งแรก

ระดับพลังนั้นเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของมัน

เปรียะ!

ผู้พิทักษ์เกราะทองที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรพลางกำหมัดช้าๆ เมื่อเกล็ดมังกรเสียดสีกันก็เกิดเสียงแตกร้าวกระจายออกมาพร้อมกับพลังทรงศักยภาพทำให้เกิดระลอกคลื่นที่มองเห็นได้รอบหมัด

ม่านตาสีทองจับจ้องที่ร่างสีทองที่กำลังพุ่งมาหาโดยไร้แววอารมณ์ในดวงตา

ตู้ม!

ขณะที่ลำแสงสีทองพุ่งลงมา แววตาเฉยเมยของผู้พิทักษ์เกราะทองก็สะท้อนในดวงตามู่เฉิน สีหน้าไร้อารมณ์นั่นพอที่จะทำลายความตั้งใจของคนอื่นๆ ลง

แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่ใช่คนประเภทนั้น เขาจ้องร่างผู้พิทักษ์เกราะทองเขม็ง ม่านตาสีดำไม่มีแววหวาดกลัวใดๆ กลับมีประกายคมกริบราวใบมีดพลุ่งพล่านอยู่

“โฮก!”

จุดจื้อจุนไห่ปรากฏเบื้องหลังมู่เฉินพร้อมกับเสียงมังกรและคชสารคำรามก้อง สองมังกรสองคชสารทะยานออกมาก่อตัวเป็นจานแสงอย่างรวดเร็ว

“เฉือนมันซะ!” มู่เฉินคำรามลั่นราวกับฟ้าผ่าขณะที่เขารวบรวมพลังทั้งหมดบนฝ่ามือ ทำให้จานแสงหมุนคว้างในมือเร็วจี๋ แม้แต่มิติยังเกิดรอยแตกสีดำ

วาบ!

ขณะที่จานแสงมังกรคชสารหมุนควง ก็ดูราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์เฉือนลงมาบนศีรษะของผู้พิทักษ์เกราะทองโดยไม่ลังเล ความรู้สึกคมกริบกระจายออกจากรังสีแสง ทำให้เกิดรอยตัดเรียบหลายรอยบนพื้นดิน…

โฮกกก!

ดวงตาของผู้พิทักษ์เกราะทองสะท้อนจานแสงมังกรคชสารขณะที่เปล่งเสียงคำรามราวกับสัตว์อสูรในลำคอ จากนั้นก็กำหมัดพร้อมกับเกล็ดมังกรบนแขนเบ่งบานด้วยแสง ผู้พิทักษ์เกราะทองเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับพลังงานราวกับภูเขาไฟปะทุ ปะทะกับจานแสงมังกรคชสารอย่างหนักหน่วง

ตึง!

ทันทีที่เกิดการปะทะ แสงสว่างไสวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มากจนแม้แต่แสงเวลากลางวันยังหรุบหรู่ลงในตอนนี้ แสงสีทองระยิบระยับปกคลุมไปทั่วรัศมีหลายหมื่นจั้งเลยทีเดียว

ปัง! ปัง!

พื้นดินใต้ร่างผู้พิทักษ์เกราะทองถล่มลงอย่างต่อเนื่อง ในม่านตามู่เฉินวาบไหวด้วยแสงเย็นเยือก แสงในดวงตาของพวกเขาดูดุดันยิ่งนัก

ตู้ม!

ดวงตะวันสีทองโชติช่วงลุกโชนตรงจุดปะทะก่อนระเบิดออก พริบตาเดียวคลื่นระเบิดน่ากลัวก็กวาดออก ร่างของมู่เฉินกับผู้พิทักษ์เกราะทองสั่นเทิ้ม ก่อนจะกระเด็นออกไปจากคลื่นระเบิด

ปัง!

ทั้งสองกระเด็นออกมาในสภาพน่าสมเพช ทะลุภูเขาไปหลายลูก ทำให้ภูเขาพังทลายลง เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ

แสงสีทองรุนแรงค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับกลุ่มควันลอยขึ้นในบริเวณนี้

เมื่อควันลอยขึ้น ร่างร่างหนึ่งก็คลานออกมาจากกองหินในสภาพน่าอนาถภายใต้ภูเขาพังทลายที่ไกลออกไป ในตอนนี้มู่เฉินถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย เลือดไหลออกมาตามซอกนิ้วมือขวา ย้อมหินแตกกลายเป็นสีแดง

เห็นชัดว่าการปะทะกระบวนท่าเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา

มู่เฉินค่อยๆ เช็ดเลือดออกจากมุมปาก แววตกตะลึงอัดแน่นในดวงตา หลังจากแลกกระบวนท่ากับผู้พิทักษ์เกราะทองแล้ว เขาก็รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน

หากไม่ใช่เพราะเขามีกายามังกรพราง แขนของเขาคงจะแหลกละเอียดไปจากการปะทะแล้ว

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการจริงๆ” มู่เฉินยิ้มขื่น ทว่าเมื่อสิ้นเสียงก็เห็นหินยักษ์บนภูเขาวินาศสันตะโรไกลออกไปได้ระเบิดเป็นผุยผง

ฝุ่นผงร่วงกราว ร่างชุดเกราะทองก็เผยตัว มันกำหอกสงครามในมือแน่น แสงสีทองรอบตัวยังคงสว่างขณะที่จ้องมองมู่เฉินด้วยดวงตาไร้อารมณ์

จากฝ่ามือที่มันยกมือขึ้น เห็นได้ว่าเกล็ดมังกรบางส่วนแตกหัก แสดงให้เห็นว่าการโจมตีของมู่เฉินไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว

มู่เฉินมองร่างนั้นกลับรู้สึกหนาวเยือกถึงไขสันหลัง กระบวนท่าโจมตีก่อนหน้านี้แข็งแกร่งที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้เกล็ดมังกรบนฝ่ามือผู้พิทักษ์เกราะทองแตกหักเท่านั้น ไม่ได้ผลอย่างที่มู่เฉินต้องการเลย

“บ้าเอ๊ย!”

มู่เฉินขบฟันแน่นสบถด่า เทียบกับหลิ่วเหยียน ผู้พิทักษ์เกราะทองเคี้ยวยากกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว

ตู้ม!

ผู้พิทักษ์เกราะทองจ้องมองมู่เฉินด้วยม่านตาสีทอง วินาทีถัดไปก็พุ่งตัวออกมา ระหว่างทางก้อนหินต่างระเบิดเป็นผุยผง หอกสงครามในมือก็ชี้มาที่มู่เฉิน

ตอนนี้มันก็เบนการโจมตีมาที่มู่เฉินแล้ว ก่อนหน้านี้มันไม่รู้สึกว่าชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอจะมีคุณสมบัติเพียงพอ แต่ในการปะทะเมื่อครู่ ดูท่ามันจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อมู่เฉินแล้ว

มันถือว่ามู่เฉินเป็นศัตรูที่อันตรายพอ

แต่ตอนนี้มู่เฉินไม่ต้องการให้มันเพิ่มระดับความอันตรายของเขาจนถึงระดับนี้ ดังนั้นเขาจึงกระทืบเท้าถอยหนีราวกับสายฟ้าแลบ

ในเวลานี้ ถ้ายังปะทะกับผู้พิทักษ์เกราะทอง ชัดว่าจะเป็นเรื่องบุ่มบ่ามมาก

ตู้ม!

แต่ผู้พิทักษ์เกราะทองเหมือนไม่คิดจะปล่อยเขาไป มันพุ่งตัวเข้ามา ทุกอย่างที่ขวางหน้ามันจะสลายกลายเป็นฝุ่นจนหมดสิ้น

แสงสีทองพวยพุ่งบนร่างมันพร้อมกับความเร็วเพิ่มขึ้นฉับพลัน ทิ้งภาพเงาไว้ที่เบื้องหลัง

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรงเมื่อเห็นภาพนี้ ทว่าก่อนที่เขาจะเพิ่มความเร็ว มิติก็ฉีกออกตรงหน้า เงาสีทองเลือนรางปรากฏขึ้น หอกในมือเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองเสือกแทงมาที่ลำคอของเขาอย่างไร้ปรานีและไม่ลังเล

หอกช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือวิถีทาง ก็อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงทำให้มู่เฉินได้เพียงมองหอกคมกริบขยายขนาดในดวงตา ส่วนเขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยง

แววหวาดผวาอัดแน่นในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็กัดฟันแน่นยื่นมือไปคว้าปลายหอก นี่คือสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ แม้จะต้องจ่ายด้วยราคาแพงระยับเช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าให้ลำคอทะลุเป็นรูโบ๋

ทว่าขณะที่มือของมู่เฉินและปลายหอกกำลังจะสัมผัสกัน ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยวเลือนรางตรงหน้าเขา ปลายกระบี่เจ็ดสีพุ่งออกมาจากช่องว่างปะทะกับปลายหอกอย่างแม่นยำ

เสียงโลหะกระทบกันดังลั่น แสงสายรุ้งพวยพุ่ง หอกสงครามสั่นสะเทือน ร่างผู้พิทักษ์เกราะทองสั่นไหวก่อนจะกระเด็นกลับไป

ผู้พิทักษ์ถอยหลังไปร้อยกว่าก้าวก่อนจะทรงตัวได้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน ม่านตาสีทองจับจ้องที่มิติตรงหน้ามู่เฉิน ตรงจุดนั้นมิติบิดเบือนพร้อมกับร่างงดงามย่างกรายช้าๆ

มู่เฉินเงยหน้ามองเช่นกัน ไฉ่เซียวยังคงเป็นไฉ่เซียว แต่ผมสีดำของนางได้เปลี่ยนเป็นเจ็ดสีตระการตาแล้ว

ผมเจ็ดสีสยายไปกับสายลม ความลึกลับที่ไม่อาจเข้าใจภายใต้ความงามทำให้คนมองรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งหัวใจ

ไฉ่เซียวเอี้ยวหน้าเล็กน้อย ม่านตาก็เปลี่ยนเป็นสีเจ็ดสี นางมองมู่เฉินด้วยใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์พร้อมกับรอยยิ้มปรากฏขึ้น

“ทำได้ดี” นางยิ้ม ในน้ำเสียงมีแววชื่นชม เห็นชัดว่าเป็นเรื่องไม่คาดคิดสำหรับนางที่มู่เฉินจะทำได้ขนาดนี้

มู่เฉินยิ้มขมขื่น นั่งลงบนก้อนหิน ร่างที่ตึงเกร็งก็ผ่อนคลายลง ความเจ็บปวดพล่านในร่างกายอยู่เรื่อย เขาเปิดปากพูดว่า “ต่อไปต้องพึ่งเจ้าแล้ว”

การปะทะกับผู้พิทักษ์เกราะทองทำให้ลมปราณและกระแสเลือดแล่นพล่านไปหมด หากไม่ใช่เพราะไฉ่เซียวปรากฏตัวทันเวลาพอดี ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บหนักไปแล้วแน่นอน

เทียบกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่อย่างหลิ่วเหยียน จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้านับว่าทรงพลังมาก

“ปล่อยที่เหลือเป็นหน้าที่ข้าเอง”

ไฉ่เซียวพยักหน้าค่อยๆ หันกลับไปมองผู้พิทักษ์เกราะทองที่อยู่ไกลออกไป แสงจางรวมตัวกันในม่านตาเจ็ดสี จากนั้นจุดแสงเจ็ดสีก็กำจายออกจากร่าง

โฮก!

ผู้พิทักษ์เกราะทองคำรามราวกับสัตว์อสูร สายตาจับจ้องไฉ่เซียว ด้วยสัญชาตญาณบอกว่าตอนนี้ไฉ่เซียวอันตรายมากกว่าเมื่อสักครู่หลายเท่านัก

ม่านตาสีทองของผู้พิทักษ์เกราะทองเปล่งแสงวูบไหว วินาทีต่อมาก็พุ่งตัวออกไป หอกสงครามในมือเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองราวกับเจาะทะลวงผ่านสวรรค์พร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ปกคลุมทั่วบริเวณนี้

ดูราวกับมีร่างเงาของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงทะยานอยู่ภายในแสงสีทองขณะที่ปกคลุมตัวหอกไว้ พลังอำนาจทำให้แม้แต่ฟ้าดินยังโยกคลอน

ตอนนี้ผู้พิทักษ์เกราะทองใส่พลังโจมตีเต็มพิกัดแล้ว

เมื่อมองจากไกล มู่เฉินก็อดกำหมัดไม่ได้ ไฉ่เซียวตอนนี้จะสามารถสกัดพลังโจมตีนี้ได้จริงหรือ?

ภายใต้สายตาเป็นกังวลของมู่เฉิน เรือนผมเจ็ดสีพลิ้วไปในสายลม จากนั้นนางก็วาดนิ้วเรียวขึ้นช้าๆ ปลายนิ้วเป็นประกายแสงสีขาวราวกับงาช้าง งดงามจนผู้อื่นไม่อาจละสายตาไปได้

ทว่านิ้วงดงามนี้กลับเปล่งความผันผวนที่เป็นอันตรายร้ายแรง

ไฉ่เซียวสาวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับวาดนิ้วออกไป ปะทะกับพลังโจมตีน่าตื่นตะลึงของผู้พิทักษ์เกราะทองอย่างเบามือ

ทันทีที่ปะทะกัน เสียงแผ่วเบาก็เปล่งจากริมฝีปากสีกุหลาบ ทำให้เกิดเสียงสายฟ้าคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“หนึ่งดัชนีกลืนสวรรค์!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset