หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 799

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 799 สู้กับหลิ่วเหยียนอีกครั้ง

“หนึ่งก้านธูปเพียงพอแล้ว”

เมื่อมู่เฉินพูดประโยคดังกล่าวก็เคลื่อนตัวไปปรากฏบนลานประลอง แสงคมกริบรวมตัวกันในนัยน์ตาขณะที่จ้องมองไปยังหลิ่วเหยียน

“โอหัง!”

หลิ่วเหยียนกระตุกยิ้มด้วยความโกรธ เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะผยองจนถึงขนาดพูดว่าหนึ่งก้านธูปก็เพียงพอที่จะเอาชนะเขาแล้ว มันไม่รู้หรือไงว่าการต่อสู้ครั้งก่อนเป็นเพราะโชคช่วยล้วนๆ ถึงจบลงแบบได้รับบาดเจ็บหนักทั้งคู่?

“ครั้งนี้แกตายแน่!”

หลิ่วเหยียนคลี่ยิ้มน่าขนลุก เคลื่อนไปปรากฏตัวบนลานประลองมังกรหงส์ เขาใช้สายตาคมกริบราวกับใบมีดจ้องไปที่มู่เฉิน รังสีสังหารแรงกล้ากวนตัวอยู่ในดวงตา เขารู้ดีว่านี่คือเวลาเหมาะที่จะฆ่ามู่เฉิน ตอนนี้หญิงสาวลึกลับถูกฟังยี่กับองค์ชายโยวหมิงล้อมไว้ นางไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ กับมันได้อีกแล้ว

“ตู้ม!”

คลื่นหลิงมหาศาลระเบิดออกจากร่างหลิ่วเหยียน คลื่นหลิงสีแดงสดก็ม้วนตัวที่เบื้องหลังทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว

“ร่างมหาเพลิงนภา!”

ไม่ต้องมีการหยั่งเชิงใดๆ หลิ่วเหยียนวาดตราประทับสองมือ คลื่นหลิงมหาศาลก็พวยพุ่ง ร่างแสงสีแดงสดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในทันที

เขาเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาตั้งแต่แรกเลยทีเดียว!

ดูเหมือนว่าหลังการปะทะกับมู่เฉินก่อนหน้า ทำให้หลิ่วเหยียนไม่กล้าประมาทอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เนื่องจากเขารู้ดีว่าหากตนเองล้มเหลวอีกครั้งละก็ หน้าเขาแตกละเอียดแน่นอน

เมื่อเห็นภาพนี้ เหล่าจอมยุทธ์ในบริเวณนี้ก็แอบเดาะลิ้น แม้หลิ่วเหยียนจะดูถูกมู่เฉินจากคำพูด แต่เขาก็ไม่ประมาทแม้แต่น้อยเมื่อลงมือ

“ทิ้งชีวิตแกไว้ที่นี่ซะ!

หลิ่วเหยียนปรากฏตัวบนหัวของร่างมหาเพลิงนภา ขณะตะโกนกร้าวซัดฝ่ามือไปข้างหน้าทันที ฝ่ามือใหญ่ของร่างมหาเพลิงนภาก่อตัวเป็นฝ่ามือเพลิงขนาดยักษ์พุ่งตรงไปที่มู่เฉิน

คลื่นความร้อนม้วนตัวกวาดออกมา ทำให้อากาศในบริเวณนี้เหมือนถูกเผา ไม่ต้องสงสัยในพลังที่แข็งแกร่งของหลิ่วเหยียนเลย มิฉะนั้นเขาคงไม่ติดอันดับสี่ของบันทึกมังกรหงส์ ตอนนี้เขาเลือกซัดพลังออกมาเต็มที่ พลังในการโจมตีของเขาก็เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ธรรมดายังต้องหลีกเลี่ยงเมื่อเห็น

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเกรี้ยวกราดของหลิ่วเหยียน มู่เฉินกลับไม่ส่งสัญญาณว่าจะหลบหลีกแต่อย่างใด เขาเงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือที่เคลื่อนลงมา มือขวากำแน่นแสงสีทองเข้มพล่านบนชั้นผิว เกล็ดสีทองบางส่วนปกคลุมแขนทั้งสองข้าง

คลื่นพลังพวยพุ่งสามารถทำลายภูเขาได้โถมตัวขึ้นรุนแรงราวกับอสูรร้าย ซึ่งเป็นพลังที่มอบให้เขาจากกายามังกรหงส์

“ตู้ม!”

เมื่อแสงสีทองพวยพุ่ง มู่เฉินก็ซัดฝ่ามือออกไป ดวงตะวันสีทองลุกโชนบนมือปะทะกับฝ่ามือเพลิงที่บีบกดลงมาอย่างจัง

ปัง!

คลื่นกระแทกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากวาดออกมาขณะอาละวาด เท้าของมู่เฉินจมลงไปในพื้นดิน แต่ดวงตาของทุกคนก็ต้องหดเกร็ง เพราะพวกเขาเห็นว่าพลังจากฝ่ามือของมู่เฉินสามารถหยุดฝ่ามือเพลิงของหลิ่วเหยียนได้ ทำให้ฝ่ามือเพลิงไม่สามารถเคลื่อนที่ลงมาได้อีกแม้แต่น้อย

“ไปให้พ้น!”

มู่เฉินแค่นเสียง นับตั้งแต่ที่เขาสร้างกายามังกรหงส์ได้ พลังต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่หลิ่วเหยียนจะเอาชนะเขาได้ด้วยการโจมตีในระดับนี้

ตู้ม!

แสงสีทองระเบิดออกขณะที่ฝ่ามือเพลิงถูกซัดออกไป ฝ่ามือของมู่เฉินกลายเป็นสีแดง แผ่อุณหภูมิสูงน่ากลัวออกมา เห็นชัดว่าหากไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ทำให้ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ไม่กล้าปะทะกับร่างมหาเพลิงนภาของหลิ่วเหยียนในลักษณะนี้

โห!

ความโกลาหลเกิดขึ้น จอมยุทธ์จำนวนมากก็มีสีหน้าอัดแน่นด้วยความตกตะลึง แค่คิดถึงภาพที่มู่เฉินกระแทกร่างมหาเพลิงนภากลับไปได้ด้วยฝ่ามือเดียว ก็ทำเอาพวกเขาตะลึงพรึงเพริดไปหมดแล้ว

“เขามีวิธีบางอย่างจริงๆ ด้วย” ใบหน้าของซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเซวียนเคร่งเครียดลงหลายส่วน มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าพูดประโยคเหล่านั้นออกมาเมื่อก่อนหน้า

อีกมุมหนึ่ง คนสามคนยืนนิ่งไม่ขยับตัว รัศมีของพวกเขาเหมือนลั่นดาลเข้าด้วยกัน ไม่ว่าใครคนไหนลงมือก่อน ก็จะดึงดูดการโจมตีร้ายแรงเข้ามา

ทั้งสามคนก็คือไฉ่เซียว ฟังยี่และโยวหมิง

ทั้งสามยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ลมหายใจช้าลง แม้พวกเขาจะขัดขวางฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เคลื่อนไหว แต่ความสนใจก็จมอยู่ที่การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินกับหลิ่วเหยียน

ดังนั้นเมื่อฟังยี่และโยวหมิงเห็นมู่เฉินตบร่างมหาเพลิงนภากระเด็นกลับได้ด้วยฝ่ามือเดียว ริ้วกระเพื่อมก็ปรากฏในดวงตา เวลาเดียวกันริมฝีปากสีแดงชาดของไฉ่เซียวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกพอใจกับการแสดงศักยภาพของมู่เฉินนัก

ท่ามกลางการจ้องมองของสายตานับไม่ถ้วน หลิ่วเหยียนที่อยู่บนศีรษะร่างมหาเพลิงนภาก็มองมู่เฉินที่กำลังดึงเท้าออกจากพื้นดินด้วยสีหน้าเยือกเย็น มือทั้งสองค่อยๆ กำหมัดขึ้น

เขาก็สัมผัสได้ว่าเทียบกับวันก่อน มู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นมาก

“แต่แกคิดหรือวันที่ผ่านมาข้าจะไม่มีโอกาสเป็นของตัวเองเลยเรอะ?!”

สายตาของหลิ่วเหยียนเย็นชาขณะวาดตราประทับเร็วรี่ ในเวลาเดียวกันร่างมหาเพลิงนภาก็สร้างตราประทับขึ้นด้วยเช่นกัน พริบตาเพลิงสีแดงนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่ง ก่อตัวเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ตรงหน้า

เมื่อเห็นหม้อกลั่น มู่เฉินก็หรี่ตาลง เขาไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร เนื่องจากเขาเคยเจ็บตัวเพราะมันตอนที่สู้กับหลิ่วเหยียนครั้งก่อน

“เตามหาเพลิง ขนนกโหมสวรรค์!”

อย่างที่มู่เฉินคาดไว้ สิ่งที่ตามมาพร้อมกับเสียงตะโกนของหลิ่วเหยียนก็คือเพลิงหลากหลายสีที่พวยพุ่งอยู่ในหม้อใหญ่ ก่อตัวเป็นขนนกสีรุ้ง ระลอกคลื่นทำลายล้างแผ่ออกมาจากขนนกนั่น

“มุกเดิมอีกแล้วเหรอ?” มู่เฉินแค่นเสียงเมื่อเห็นภาพนี้

หลิ่วเหยียนกวาดสายตาเย็นชามองมู่เฉิน ทว่ารอยยิ้มเหี้ยมกลับผุดบนมุมปาก รอยยิ้มนั้นเหมือนจะยิ้มเยาะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับเปลี่ยนตราประทับอย่างรวดเร็ว

ฟิ้ว!

ขนนกสายรุ้งลุกโชนด้วยเปลวเพลิงพุ่งออกจากหม้อทันที ทว่าพลังป่าเถื่อนที่บรรจุอยู่ในขนนกไม่ได้โจมตีมู่เฉิน กลับพุ่งไปหาหลิ่วเหยียนท่ามกลางสายตาตกตะลึง

ขนนกสายรุ้งพุ่งตรงมา หลิ่วเหยียนก็อ้าปากกลืนเข้าไปท่ามกลางสายตาตะลึงค้างจำนวนมาก

แม้แต่มู่เฉินยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับภาพนี้

ตู้ม!

เมื่อกลืนขนนกเข้าไป ร่างของหลิ่วเหยียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นเดียวกับม่านตา ผิวของเขาเริ่มแห้งกร้าน ราวกับความชุ่มชื้นและเลือดในร่างถูกเผาจนแห้ง

เปรี๊ยะ!

รอยแตกละเอียดกระจายบนผิวหนังพร้อมกับพล่านออกไป ทำให้ดูราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่แตกร้าว ทำเอาคนมองหนังหัวชาหนึบไปหมด

“หลิ่วเหยียนบ้าไปแล้ว มันกล้ากลืนขนนกลงไปอย่างนี้เลย ไม่กลัวว่าร่างกายจะระเบิดออกเรอะ?” จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนพูดคุยกัน ชัดว่ารู้ถึงข้อเสียในการกระทำของหลิ่วเหยียนด้วย

ทว่าซูปี้เยี่ย หงหยูและคนอื่นกลับมองภาพนี้อย่างครุ่นคิด

“ฮ่าๆ ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะดูถูกจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์นะ” ฟังยี่หัวเราะเบาๆ ออกมาในเวลานี้

ไฉ่เซียวเหลือตามองไปอย่างเย็นชา แต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง นางรู้สึกได้ว่าทักษะนี้ของหลิ่วเหยียนทรงพลังมากแค่ไหน

“ฮึ่ม!”

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน หลิ่วเหยียนก็ประสานมือเข้าด้วยกันพลางเปลี่ยนตราประทับอีกครั้ง พริบตาเดียวแสงสีทองก็ระเบิดออกจากร่างพร้อมกับเสียงมังกรคลุมเครือคำรามตามมา

ขณะที่แสงสีทองพวยพุ่ง ก็ก่อตัวเป็นลวดลายมังกรบนผิวกาย เมื่อลวดลายมังกรเหล่านั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ร่างของหลิ่วเหยียนก็เริ่มเปลี่ยนจากสีทองกลายเป็นสีแดง

รอยแตกบนพื้นผิวร่างกายเขากำลังค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟู

“นั่นคือ…กายามังกรพราง!”

“ที่แท้เขาก็ใช้กายามังกรพรางปกป้องเพื่อต้านพลังงานรุนแรงของขนนกสายรุ้งจนเขาสามารถควบคุมได้ เมื่อใช้วิธีนี้ ร่างของเขาก็จะไม่ระเบิด!”

“นั่นลวดลายมังกรเจ็ดสิบลาย ดูเหมือนแก่นเลือดมังกรแท้จริงที่หลิ่วเหยียนครอบครองจะบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย!”

“คราวนี้มู่เฉินตายแน่!”

“…”

เมื่อร่างของหลิ่วเหยียนเปลี่ยนเป็นสีทองราวกับหลอมมาจากทองคำ อันตรายจากที่ร่างกายปะทุลั่นก็หายไป ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้หลิ่วเหยียนก็ใช้วิธีนี้ปกป้องตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำอะไรบ้าๆ ลงไป

มองร่างสีทองบนท้องฟ้าแล้ว ดวงตามู่เฉินก็อดหดลงไม่ได้ หลิ่วเหยียนเป็นคู่ต่อสู้ที่โค่นไม่ได้ง่ายจริงๆ เขามีทักษะลับซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ…

บนท้องฟ้า หลิ่วเหยียนมองมู่เฉินจากจุดสูงกว่า รังสีสังหารวูบขึ้นในดวงตาจนเหมือนจริง รอยยิ้มแขวนบนมุมปากดูป่าเถื่อนยิ่งนัก

“ข้าบอกแล้วว่าเพราะดวงล้วนๆ แกถึงรอดตายมาได้จากครั้งก่อน!” เสียงน่าขนลุกของหลิ่วเหยียนดังก้องฟ้า จากนั้นเขาก็ไม่ให้เวลามู่เฉินเตรียมตัวใดๆ

“แต่ไม่ว่าจะโชคดีเพียงใด เบื้องหน้าพลังของแท้ก็ไร้ประโยชน์ทั้งหมด!”

สายตาของหลิ่วเหยียนเหี้ยมเกรียมขณะที่งอนิ้วพร้อมกับเพลิงหลากปะทุจากปลายนิ้ว สุดท้ายเพลิงเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นสีทองพร้อมกับเสียงมังกรคำราม

แรงกระเพื่อมน่ากลัวผันผวนอย่างเดือดพล่านมิติรอบตัวหลิ่วเหยียน

เมื่อรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมนั่น สีหน้าของซูปี้เยี่ย หงหยู ติงเซวียนและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป

“คัมภีร์เทพมหาเพลิง ดัชนีมังกรเพลิงฟ้า!”

ขณะที่เสียงของหลิ่วเหยียนสะท้อนก้องเย็นชา แสงสีทองเจิดจ้าพุ่งออกจากสองนิ้ว ลำแสงบิดเกลียวกลายเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงสีทองกู่คำราม ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ภายใต้การโจมตีแบบหมดหน้าตักของหลิ่วเหยียน ท้องฟ้าก็เริ่มถล่มลงราวกับไม่สามารถทนรับพลังได้!

ผู้คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้างพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเวทนา การโจมตีระดับนี้…

มู่เฉินตายแน่!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset