หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 715

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 715 ยาจื้อเทียน

หลังจากการการประชุมสิ้นสุดลง

ทั่วทั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ต้องหวั่นไหวไปหมด เพราะทุกคนพวกเขารู้ว่าสำนักที่พักตัวมานานหลายปี ในที่สุดก็กำลังจะเผยเขี้ยวเล็บออกมาแล้ว

ขั้วอำนาจที่เคยท้าทายอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาตลอดหลายปีจะได้เข้าใจสักทีว่าการแก้แค้นที่ต้องเผชิญน่ากลัวขนาดไหนเมื่อราชสีห์หลับใหลได้ตื่นขึ้น

เมื่อคำสั่งกระจายไปทั่วเขตต้าหลัวเทียน กองทัพนับไม่ถ้วนในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนพลอย่างลึกลับ

นี่จะเป็นสงครามแท้จริง

หอวิหคโลกันตร์

ในวันนี้ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องยินดี สมาชิกทุกคนต่างมีสีหน้าชื่นมื่น ความขุ่นเคืองใจที่พวกเขามีมาตลอดหลายปีถูกปลดปล่อยออกแล้ว

นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครในอาณาเขตกงเวทสวรรค์กล้ามองหอวิหคโลกันตร์อย่างดูถูกอีกแล้ว

หอวิหคโลกันตร์เต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง ทุกคนหยิบไหสุราชนกัน บรรยากาศร่าเริงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงหัวเราะร่าดังก้อง

บนหลังคาหอ มู่เฉินเอนตัวนอนมองดวงจันทร์กระจ่างแขวนบนท้องฟ้า เมื่อได้ฟังเสียงหัวเราะ รอยยิ้มสายหนึ่งก็ผุดขึ้นที่มุมปาก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ทอแสง เหมือนจะมีร่างพร่าเลือนกำลังส่งยิ้มหวานให้เขาที่เบื้องหน้า

“ลั่วหลี…”

มู่เฉินรำพันกับตัวเอง นับจากเวลาก็ครึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เราสองคนต้องแยกจากกัน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลลั่วเสินเป็นอย่างไรบ้าง แต่คงจะไม่ราบรื่นสินะ? ภาระหนักอึ้งของตระกูลลั่วเสินล้วนต้องวางไว้บนบ่านุ่มของลั่วหลี แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้มู่เฉินปวดใจขึ้นมา

แต่เขารู้ว่าตัวเองตอนนี้ยังไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนางได้ มากจนเขายังเดินทางไปหานางที่นั่นไม่ได้ เพราะไม่งั้นเขาจะสร้างปัญหามาให้นางอย่างแน่นอน แม้นางจะไม่สนใจ แต่ด้วยศักดิ์ศีรลูกผู้ชาย เขาไม่มีทางปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแน่

“ลั่วหลี ข้าก็ตั้งใจฝึกหนักเพื่อให้แข็งแกร่งอยู่นะ แต่…จงเชื่อมั่นในข้าจะต้องมีสักวันที่ข้าเป็นยอดยุทธ์ ถึงตอนนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวดอะไรอีกเลย”

มู่เฉินกำหมัดช้าๆ ยอดยุทธ์คำนั้นคำเดียวก็มีน้ำหนักมหาศาล บางทีคนอื่นอาจหัวเราะเยาะใส่เขา แต่นางกลับเชื่อเขาหมดหัวใจตั้งแต่เริ่มต้นโดยไม่เคยมีความเคลือบแคลงใด

“เจ้าคิดถึงคนรักตัวน้อยอีกแล้วหรือ?” เสียงแผ่วดังจากด้านหลังมู่เฉิน เมื่อหันไปมองก็เห็นจิ่วโยวนั่งอยู่บนหลังคาสูงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เรือนผมยาวทิ้งตัวลงราวกับม่านน้ำตกพลิ้วไปกับสายลม

มู่เฉินยิ้มฝืด

จิ่วโยวเอามือเท้าคางส่งยิ้มให้มู่เฉิน ความเย็นชาบนใบหน้านางหายไปอย่างสิ้นเชิง ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก

“ครั้งนี้ขอบใจเจ้ามากนะ”

มู่เฉินส่ายหน้าพลางยิ้ม “ในเมื่อเจ้ากล้าวางเดิมพันด้วยหอวิหคโลกันตร์ แล้วข้าจะไม่สู้เต็มที่ได้อย่างไร?”

จิ่วโยวยืนขึ้นขณะเดินมาด้านข้างของมู่เฉิน กลิ่นหอมอ่อนลอยมาตามลม นางตบบ่าเขาเบาๆ “วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเป็นคนพาเจ้าออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางมาที่นี่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน ข้าเชื่อว่าเมื่อวันที่ชื่อของเจ้าเลื่องลือไปทั่วทั้งทวีปเทียนหลัว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะไปยังตระกูลลั่วเสินได้”

“และข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเจ้าไปถึงจุดนั้น นี่คือคำสัญญาที่ข้าให้กับเจ้า” จิ่วโยวยิ้ม

มู่เฉินมองหญิงสาวตรงหน้าก็รู้สึกตื้นตันในใจ คิดแล้วจิ่วโยวก็ช่วยเหลือเขายามขับคันมาไม่น้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังช่วยให้พ้นจากวิกฤตเป็นตายหลายครั้งอีกด้วย แม้ตอนแรกที่จิ่วโยวบุกรุกเข้ามาในร่างจะมีเจตนาที่ไม่ดี แต่เมื่อเกิดการสร้างพันธะโลหิตที่คาดไม่ถึง ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันจนตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่อาจตัดขาดได้แล้ว

“ขอบใจนะ” มู่เฉินเอ่ยเสียงด้วยความจริงใจ

จิ่วโยวยิ้มพลางโบกมือ “เอาล่ะ ไม่ต้องทำซึ้งกับทุกเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราคือพันธะโลหิต ถ้าเจ้าตาย ก็หมายความว่าข้าต้องตายด้วยไม่ใช่รึ? ข้ายังไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นนะ”

มู่เฉินอดกลอกตาใส่นางไม่ได้ บรรยากาศดีๆ สลายหายไปในพริบตา

“หอวิหคโลกันตร์ของเราจะเคลื่อนทัพในสงครามสำนักครั้งนี้ด้วย แดนร้อยสงครามวุ่นวายโกลาหล ไม่ได้รับมือง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะต้องเผยพรสวรรค์น่าทึ่งในสงครามครั้งนี้” ใบหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนเป็นจริงจัง

สายตาของมู่เฉินวูบไหว “เพราะเขตหลงเฟิ่งงั้นหรือ?”

จิ่วโยวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “อย่าดูถูกเขตหลงเฟิ่ง ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในเผ่าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการชะรำด้วยมังกรหรือหงส์ฟ้า ก็ย่อมเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อการฝึกยุทธ์ในภายภาคหน้าของเจ้า ผลประโยชน์นี้ไม่ใช่สิ่งที่บ่อทองข่ายฟ้าเทียบได้เลย”

“มีเพียงสมาชิกรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดถึงมีสิทธิ์เข้าไปในเขตหลงเฟิ่งได้ ตอนนี้คุณสมบัติของเจ้ายังตื้นเขินนัก ถ้าเจ้าไม่คว้าโอกาสในสงครามสำนักไว้ก็คงเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะได้รับสิทธิ์”

มู่เฉินพยักหน้ามองจิ่วโยว “เจ้าก็น่าจะอยู่ในสิทธิ์นี้เหมือนกันใช่ไหม?”

ร่างที่แท้จริงของจิ่วโยวก็คือวิหคโลกันตร์ หากตัดสินตามอายุในเผ่าแล้วนางก็เท่ากับคนที่เพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ดังนั้นนางก็ต้องนับว่าเป็นคนรุ่นเยาว์ได้เช่นเดียวกัน

“ร่างของข้าเป็นเทพอสูรแล้ว ดังนั้นเขตหลงเฟิ่งจึงช่วยอะไรได้ไม่มากนักหรอก” จิ่วโยวยิ้ม

มู่เฉินจ้องมองไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาหลุบตาพลางพยักหน้า บางสิ่งจดจำไว้ในใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา สิ่งที่จิ่วโยวทำเพื่อเขาไม่ได้มีเพียงเท่านี้

“ข้าจะพยายาม” มู่เฉินพยักหน้า

จิ่วโยวแบมืออกมาพร้อมกับขวดหยกปรากฏขึ้น ในขวดโปร่งแสงมีเม็ดยากลมสีเขียวเข้มลอยอยู่เงียบๆ กลิ่นหอมบริสุทธิ์ของยาสมุนไพรวิเศษที่ทำให้รู้สึกสุขใจในหัวใจลอยอวลออกมา

“นี่คือยาจื้อเทียน น่าจะเป็นตัวช่วยเจ้าได้ แน่นอนว่านี่ก็เป็นรางวัลของเจ้านะ” จิ่วโยวยิ้ม “อีกสี่เม็ดข้าจะจัดการเอง เพราะไม่ใช่เรื่องดีนักถ้าเจ้าใช้มากเกินไป”

มู่เฉินรับขวดหยกมาอย่างสนอกสนใจ เขาจ้องยาจื้อเทียนก็ยิ้มกริ่ม “เสี่ยยิงยอมให้จริงด้วยแฮะ”

“ที่จริงเรื่องนี้ต้องไม่ง่ายหรอก ด้วยนิสัยของเสี่ยยิง ต่อให้ยอมมอบ เขาก็จะลากเรื่องนี้ไปเรื่อย แต่โชคดีที่ท่านประมุขเอ่ยปากในวันนี้ เขาเลยไม่กล้าทำหน้าด้านต่อให้มีวิธีร้อยแปดก็ตาม”

จิ่วโยวยิ้ม จากนั้นนางก็เอ่ยอย่างสงสัย “แต่ท่านประมุขปกติจะไม่ใส่ใจกับเรื่องแบบนี้นะ เราโชคดีมากที่เขาดันมาสนใจเรื่องนี้”

ด้วยสถานะของประมุข การประลองของหน่วยรบวิหคโลกันตร์และหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตก็เหมือนกับเด็กตีกัน เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างเขาจะมาใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

มู่เฉินเกาหัว ตัวเขาไม่ได้รู้จักมักจี่กับประมุข ดังนั้นก็เลยทำได้แต่คุยโวได้อย่างหน้าไม่อาย “บางทีประมุขคนนี้คงเห็นศักยภาพของข้าล่ะมั้ง”

จิ่วโยวกลอกตาใส่มู่เฉินที่ยกยอตัวเอง แต่นางก็ขี้เกียจจะคุยต่อ จึงปัดมือ พลิ้วตัวลงจากหอ

มู่เฉินมองจิ่วโยวที่จากไปก็ยิ้มบาง จากนั้นก็กำขวดหยกแน่น ความรู้สึกปีติเกิดในหัวใจ ด้วยการมียาจื้อเทียนเป็นตัวช่วย เขาก็น่าจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสองได้แล้ว

“แค่ยาจื้อเทียนก็ทำให้มีความสุขขนาดนี้ ช่างเป็นคนมักน้อยอะไรอย่างนี้” เสียงอ่อนเยาว์เนิบนาบดังขึ้น มู่เฉินหันขวับไปก็เห็นมั่นถัวหลัวสวมชุดดำปล่อยผมยาวสยาย เท้าขาวราวหิมะแตะขอบแหลมของหลังคา มองเขาด้วยท่าทางเหยียดนิดๆ

“เจ้ามีอาหารพร้อมกินไม่รู้หรอกว่าคนที่หิวโหยทรมานแค่ไหน” มู่เฉินเบ้ปากเอ่ยเตือนในที “ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ออกมาจากการเก็บตัวแล้ว เจ้าระวังตัวด้วยเถอะ อย่าให้โดนจับได้ล่ะ”

ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในขุมพลังตี้จื้อจุนทรงพลังซึ่งมีการรับรู้ยอดเยี่ยม แม้ว่ามั่นถัวหลัวที่อยู่ตรงหน้าจะลึกลับอย่างยิ่งเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่เป็นที่ผิดสังเกต

พอได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวก็หรี่มองมู่เฉิน จากนั้นก็เอ่ยเบาๆ “ถ้าข้าไม่อยากให้ใครเจอ ก็ไม่มีใครเจอข้าได้หรอก”

“ก็ได้ เจ้าเก่งสุด” มู่เฉินรู้สึกขบขันกับท่าทางจองหองของนาง แต่ก็ทำได้เพียงกลอกตาหันหลังเตรียมออกไป

“เดี๋ยว” ทันใดนั้นมั่นถัวหลัวก็พูดออกมา

“หือ?” มู่เฉินมองเด็กสาวที่ชุดกระพือไปกับสายลมค่ำคืนราวกับว่านางจะปลิว

มั่นถัวหลัวขบฟันอ้ำอึ้งครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “คำสาปในร่างกายข้าจะกำเริบในอีกสามวัน ถึงตอนนั้นข้าต้องการพลังของหน้ารายการนิรันดร์ที่อยู่ในร่างกายเจ้า”

“เร็วขนาดนี้เชียว?”มู่เฉินผงะไป

“ในเวลาต่อไป ข้าจะต้องปรับสภาพตนเองให้พร้อมที่สุด ดังนั้นจึงต้องกำจัดเสี้ยนหนามที่ฝังลึกนี่ซะก่อน” มั่นถัวหลัวเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียด

มู่เฉินครุ่นคิดไปพักหนึ่งก็พยักหน้า แม้เขาอยากรู้ว่าทำไมมั่นถัวหลัวที่มีพลังน่ากลัวจะต้องปรับสภาพให้พร้อม เป็นเพราะนางจะต้องเจอกับอันตรายใหญ่หลวงหรือ?

“รอให้ข้าสะกดคำสาปได้เสร็จ ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับวิธีฝึกร่างเทพสุริยะ ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้เลย” มั่นถัวหลัวเอ่ยเสียงเบา

มู่เฉินอึ้งไป จากนั้นก็มองมั่นถัวหลัวด้วยความตื่นเต้น นี่คือความต้องการตอนนี้ของเขา แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะทรงพลัง แต่ก็ซับซ้อนเกินไป และเขารู้เพียงวิธีชำระเท่านั้น ไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาเลย

“ทำไมเจ้าถึงรู้วิธีฝึกฝนร่างเทพสุริยะล่ะ?” ถึงจะรู้สึกดีใจ แต่มู่เฉินก็อดถามสิ่งที่สงสัยขึ้นมาไม่ได้

ทว่าครั้งนี้มั่นถัวหลัวไม่สนใจเขาอีก นางแตะเท้ากับหลังคาพลิ้วตัวลงจากหอ จากนั้นก็หายไปกับราตรีกาลพร้อมประโยคแผ่วเบาทิ้งท้าย

“ข้าจะมาหาเจ้าอีกสามวันหลังจากนี้”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset