หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 833 ซากอารยธรรมโบราณระดับสาม

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 833 ซากอารยธรรมโบราณระดับสาม

ในดินแดนรกร้างอันมืดมิด

หุบเหวลึกขนาดใหญ่ซึ่งมีร่องรอยป่าเถื่อนทำให้ทั่วบริเวณดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

แรงกดดันหนาวเหน็บแผ่ออกไปทุกซอกทุกมุม

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นเองเสียงแหวกอากาศก็ดังก้องทำลายความอ้างว้างเย็นเยือกลง ไกลออกไปท้องฟ้ามืดครึ้มฉีกออกขณะที่กองทัพที่มีนักรบหลายพันคนพาดผ่านเส้นขอบฟ้า

นักรบเหล่านี้สวมชุดเกราะสีดำ คลื่นหลิงรอบกายราวกับเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับการเคลื่อนไหว กำจายรัศมีจั้นยี่ร้อนแรงออกมากวาดไอเย็นเยือกให้หมดสิ้น

ที่เบื้องหน้าร่างคนสองคนเหาะอย่างไม่เร็วไม่ช้า พวกเขาก็คือมู่เฉินกับจิ่วโยวนั่นเอง

“ตามแผนที่ที่ประมุขมอบให้ ซากอารยธรรมโบราณน่าจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เราจะไปถึงที่นั่นในอีกครึ่งวัน” จิ่วโยวกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนมองมู่เฉินและยิ้มให้

“แม้จะยังไม่เห็น แต่ข้าคาดว่ามันน่าจะเป็นซากอารยธรรมโบราณระดับสาม”

“ซากอารยธรรมโบราณระดับสาม?” มู่เฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง

“ในอดีตสงครามล่าจะแบ่งซากอารยธรรมโบราณเป็นระดับ นอกจากแหล่งที่เล็กจนไม่อาจจำแนกระดับได้แล้ว ซากอารยธรรมโบราณที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ ระดับสามต่ำที่สุดและระดับหนึ่งสูงสุด”

จิ่วโยวอธิบาย “สูงกว่าระดับหนึ่งก็จะเป็นขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน แต่ระดับนั้นมักซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของสมรภูมิหยุ่นลั้ว มิหนำซ้ำยังถูกปกป้องด้วยค่ายกลของสมรภูมิหยุ่นลั้ว ไม่เพียงแต่จะซ่อนจนมิดเม้น แต่ยังเป็นปัญหามากในการเปิดอีกด้วย”

“ซากอารยธรรมโบราณที่เรากำลังมุ่งหน้าตรงไปน่าจะเป็นระดับสาม โฮะๆ นับว่าอยู่ในชั้นกลาง ค่อยสมกับที่เราจะลงมือหน่อย”

มู่เฉินพยักหน้า “แบบนี้ซากอารยธรรมโบราณระดับสามนี้จะถูกคนอื่นหมายตาด้วยไหม?”

จิ่วโยวขมวดคิ้วเอ่ยตอบ “น่าจะมีแหละ ทุกครั้งในการเปิดตัวของสมรภูมิหยุ่นลั้ว สภาพภูมิประเทศล้วนได้รับผลกระทบใหญ่จากพายุคลื่นหลิง ดังนั้นแผนที่ในอดีตจึงเป็นของไร้ประโยชน์ แผนที่ที่เรามีตอนนี้ก็ไม่ได้เที่ยงตรงนัก นอกจากนี้ขอบเขตยังแคบมาก ดังนั้นเราก็บอกไม่ได้แน่ชัดว่าคนอื่นจะเจอเหมือนกันไหม”

“ประโยชน์อย่างเดียวที่เรามีก็คือเรื่องเวลา ลองดูว่าจะสามารถชิงซากอารยธรรมโบราณระดับสามได้ก่อนคนอื่นไหม จากนั้นก็ชำระยาหยุ่นลั้วแล้วออกไปให้เร็วที่สุด”

ได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็ยักไหล่ ดูเหมือนไม่มีอะไรจะต้องพูดแล้ว เตรียมตัวรบให้พร้อมก่อนละกัน ตอนนี้มีผู้คนมากมายเข้ามาในสมรภูมิหยุ่นลั้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีคนโชคดีมาเจอซากอารยธรรมนั้นก่อน

มู่เฉินแตะเท้ากับอากาศเพิ่มความเร็วทันที ที่ด้านหลังหน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็เร่งความเร็วตาม ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงนับไม่ถ้วน พุ่งผ่านขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่กลุ่มของมู่เฉินเคลื่อนตัวไปยังซากอารยธรรมโบราณที่ระบุไว้บนแผนที่ ในที่สุดพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าม่านสงครามล่าเปิดฉากขึ้นแล้ว ในช่วงครึ่งวันนี้พวกเขาได้เจอกับกลุ่มคนหลายสิบกลุ่ม บางกลุ่มยังไม่ทันเจอซากอารยธรรมโบราณก็เริ่มสู้กันเนื่องจากความบาดหมางในอดีตแล้ว คลื่นหลิงรุนแรงจากการต่อสู้ของพวกเขาทำให้ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนไปหมด

กลุ่มของมู่เฉินไม่ใช่กลุ่มขนาดเล็ก ดังนั้นจึงทำให้เกิดสายตาหวาดกลัวจำนวนมากมองมา แต่พูดโดยรวมตลอดการเดินทางพวกเขาก็ไม่ได้เจอกับอุปสรรคอะไรมาก

เพราะรัศมีจั้นยี่ที่กำจายจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์ทำให้คนอื่นๆ รู้ว่ากองทัพนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจธรรมดาจะเลี้ยงดูได้

ในภูมิภาคทางเหนือ หากต้องการเพาะบ่มกองทัพที่ทรงพลังเช่นนี้จะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล เมื่อดูจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์ ก็บอกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่หน่วยรบที่ขั้วอำนาจระดับล่างจะดูแลได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าท้าทายพวกเขา มากจนไม่มีใครกล้าติดตามพวกเขาจากระยะไกลด้วยซ้ำ ทุกคนที่เข้ามาในสมรภูมิหยุ่นลั้วต่างไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องรู้ว่าการติดตามคนอื่นอย่างมุทะลุถือว่าเป็นข้อห้าม

อีกครึ่งวันต่อมา ภายใต้การเดินทางอย่างไร้อุปสรรค กลุ่มของมู่เฉินก็เริ่มชะลอความเร็วลง

ภูมิประเทศส่วนนี้อ้างว้างมาก พื้นดินเป็นสีดำอ่อน ทำให้บรรยากาศบีบคั้นหนาแน่นขึ้น นอกจากนี้หลังจากเข้ามาในบริเวณนี้ มู่เฉินก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าบรรยากาศเย็นเยือกที่นี่หนักกว่าเดิม

“น่าจะใกล้ถึงแล้ว” จิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากับมู่เฉินและให้สัญญาณมือ หน่วยรบวิหคโลกันตร์ชะลอความเร็วลงพร้อมกับสอดส่ายสายตาอย่างระวังไปยังพื้นที่นี้

มู่เฉินกับจิ่วโยวเคลื่อนกายขณะทะยานขึ้นไปบนยอดเขาโดดเดี่ยวลูกหนึ่ง มุมมองก็เปิดกว้างขึ้นมาทันที สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือบึงน้ำสีดำที่มีไอสีดำเมื่อมพวยพุ่งออกมาจากหอสีดำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนจะรวมตัวกันเป็นวังวนขนาดใหญ่สีดำเหนือหอ

“ไอสีดำเมื่อมก็คือไอหยุ่นลั้ว ซึ่งสามารถชำระเป็นยาหยุ่นลั้วได้!”

จิ่วโยวมองวังวนเหล่านั้น สายตาก็เบิกขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ “จากความหนาแน่นของไอหยุ่นลั้วที่นี่ เราน่าจะสามารถกลั่นยาหยุ่นลั้วได้ร้อยเม็ดเลยทีเดียว แค่พอถือเป็นซากอารยธรรมโบราณระดับสาม”

มู่เฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อยขณะมองวังวนสีดำเหล่านั้น ที่นั่นเหมือนจะเต็มไปด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขต ทว่าคลื่นหลิงเหล่านั้นดูเยือกเย็นนัก เพราะพวกมันเป็นพลังงานที่เกิดจากเจตจำนงก่อนตายของจอมยุทธ์จำนวนมากที่สิ้นชีพลงที่นี่ ซ้ำยังมีความสำคัญต่อการกลั่นยาหยุ่นลั้วอีกด้วย

มู่เฉินละสายตา จากนั้นก็โบกมือ ร่างเขาพลิ้วลงบนยอดเขาพร้อมกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ติดตามมาเบื้องหลังราวกับคลื่นยักษ์ แต่ละคนพลิ้วลงนอกบึงชุ่มน้ำ

ทว่าขณะที่มู่เฉินปรากฏตัวนอกบึงและกำลังจะลงมือ สีหน้าของเขากับจิ่วโยวก็เปลี่ยนไปขณะหรี่ตาลงพร้อมกับแสงอันตรายวาบออกมา

นั่นเป็นเพราะตอนนี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงมหาศาลที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน นอกจากนี้เป้าหมายก็คือบริเวณนี้

ตามที่มู่เฉินคาดไว้ ซากอารยธรรมโบราณระดับสามแห่งนี้ถูกคนอื่นค้นพบแล้ว

“ดูเหมือนซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้จะยึดครองไม่ง่ายซะแล้ว” มู่เฉินยักไหล่ให้จิ่วโยว

“หึ ข้าจะดูสิว่าใครกล้าพอมาฉกของของหอวิหคโลกันตร์” จิ่วโยวแค่นเสียงเย็นชาขณะไอเย็นเยือกฉาบบนใบหน้า เห็นได้ว่านางโมโหขึ้นมาแล้ว

มู่เฉินยิ้มไม่ได้รีบร้อนอะไร เขายังคงนิ่งไม่มีความคิดที่จะยึดครองไอหยุ่นลั้วตอนนี้ นั่นเป็นเพราะจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการกลั่นยาหยุ่นลั้ว ถ้าพวกเขาถูกรบกวนจากภายนอก ก็จะเกิดปัญหาใหญ่กับกระบวนการกลั่นตัวยา

ที่ด้านหลังทั้งสอง หน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็รู้ชัดว่ามีคนเข้ามาขัดขวางการเก็บเกี่ยวของพวกเขา ดวงตาแต่ละคนฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น

วาบ! วาบ!

พวกมู่เฉินรออยู่ไม่กี่นาที ก่อนที่ความเงียบบริเวณนี้จะแตกออกด้วยเสียงแหวกอากาศ มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างแสงกลุ่มใหญ่กำลังเหาะมาร่อนลงบนยอดเขาโดดเดี่ยวโดยรอบ

เห็นชัดว่าคนที่มาถึงไม่ได้มาจากขั้วอำนาจเดียวกัน แต่ขนาดกองทัพก็ไม่ได้เล็ก มิหนำซ้ำยังมีคลื่นหลิงทรงพลังอยู่บางสาย ไม่สามารถประมาทได้

ทว่ามู่เฉินยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งขณะมองตรงไป

“ฮ่าๆ ดูเหมือนเราจะโชคดีที่หาซากอารยธรรมโบราณระดับสามเจอ!”

“ท่าทางมีบางกลุ่มมาถึงก่อนพวกเรานะ…”

“ช่างทรงพลังเหลือเกิน…รู้สึกจะเป็นหอวิหคโลกันตร์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์นะนั่น”

“…โชคร้ายอะไรอย่างนี้ที่มาเจอพวกแผ่นเหล็กเข้า”

“…”

เมื่อผู้มาใหม่ปรากฏตัวบริเวณนี้ พวกเขาก็สังเกตเห็นหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่อยู่ด้านนอกบึงน้ำ นอกจากนี้บางคนที่มีสายตาแหลมคม ก็สามารถระบุที่มาของกลุ่มมู่เฉินได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไป เพราะในสายตาของสำนักส่วนใหญ่ ขั้วอำนาจสูงสุดอย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ทรงพลังเหลือล้น

หากเป็นปกติในภูมิภาคทางเหนือ พวกเขาไม่กล้าท้าทายอีกฝ่ายแน่นอน แต่ตอนนี้สมรภูมิหยุ่นลั้ววุ่นวายไปหมดและศักดิ์ศรีของขั้วอำนาจสูงสุดก็ลดลงไปหลายส่วน ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัว แต่แววตาก็ยังเปล่งประกาย

มู่เฉินมองกลุ่มคนมาใหม่ด้วยท่าทีเฉยเมย เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหุ้มคลื่นหลิง “ข้ามู่เฉินจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ซากอารยธรรมโบราณนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ค้นพบก่อน หวังว่าพวกเจ้าจะให้หน้าและไม่เข้ามาขัดขวาง”

“มู่เฉิน? จอมยุทธ์อันดับสามบนบันทึกมังกรหงส์—มู่เฉินรึ?!”

“โอ้? ม้ามืดที่แสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมในศึกมังกรหงส์—มู่เฉินเหรอ?”

“…”

การเปิดเผยชื่อก็ดึงดูดปฏิกิริยามาบางส่วน เห็นชัดว่าชื่อเสียงของมู่เฉินสร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อยในภูมิภาคทางเหนือตอนนี้

แต่ละคนมองหน้ากันเกิดความคิดถอยทัพ เพราะชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์และมู่เฉิน ทำให้พวกเขารู้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ทรงพลังอย่างไร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะแย่งเนื้อจากปากเสือ

เมื่อมู่เฉินเห็นความคิดที่จะถอยทัพปรากฏในแววตาอีกฝ่าย สีหน้าเขาก็ผ่อนคลายลง ทว่าขณะที่เขาคิดว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ เสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าฟาด พุ่งมาจากขอบฟ้า

“ฮ่าๆ เป็นแค่เด็กน้อยแต่กล้าทำตัวยโสขนาดนี้เชียว? อาณาเขตกงเวทสวรรค์ทรงพลังขนาดนั้นเชียวรึ? ยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้หลังจากสงครามล่าครั้งนี้หรือเปล่า เลิกห่มหนังเสือแล้วทำให้คนอื่นกลัวได้แล้ว พวกด๋อยๆ อาจกลัวแก แต่สำนักพาฬมังกรของข้าไม่กลัว!”

ขณะที่เสียงหัวเราะดังขึ้น เสียงแหวกอากาศก็ดังก้องขณะที่ร่างแสงกลุ่มใหญ่เหาะตรงมาร่อนลงบนพื้นที่แห่งนี้

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองร่างแสงที่ใกล้เข้ามา สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset