หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 834 สำนักพาฬมังกร

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 834 สำนักพาฬมังกร

เมื่อเสียงหัวเราะกระจายออก

เสียงลมครางกระหึ่มก็ดังขึ้นตาม ขณะที่กลุ่มร่างแสงขนาดใหญ่พุ่งตรงมาแล้วร่อนลงบนบริเวณนี้ภายใต้สายตาตะลึงของผู้คน

เมื่อแสงสลายลง กองทัพในชุดเกราะสีเทาก็ปรากฏเบื้องหน้าครรลองสายตา จำนวนนักรบไม่น้อยกว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์เลย บนเกราะสีเทาภาพอสรพิษสีดำขนาดใหญ่สลักเอาไว้ซึ่งดูดุร้ายและเปี่ยมด้วยรังสีชั่วร้าย

ที่ด้านหน้ากองทัพมีคนสองคนอยู่ในวัยกลางคนยืนอยู่อย่างทระนง ใบหน้าคนหนึ่งซีดไร้สี ส่วนอีกคนมีร่างกายกำยำล่ำสันมาก เขาดูราวกับหอคอยเหล็ก แม้แต่พื้นดินก็ยังส่งสัญญาณสะเทือนสะท้อนไปมาเพียงแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น

ตอนนี้ชายร่างกำยำกำลังมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะ เห็นชัดว่าเสียงที่กำจายออกมาเมื่อครู่คือเสียงของเขา

“นั่น…ลู่หวูกับลู่ขุยเจ้าสำนักทั้งสองของสำนักพาฬมังกร!”

เมื่อทุกคนบริเวณนี้หายจากอาการตื่นตะลึง พวกเขาก็รู้ทันทีว่ากลุ่มคนที่มาใหม่คือใคร เสียงร้องอัศจรรย์ใจดังไปทั่ว

“สำนักพาฬมังกร?”

ม่านตาสีดำของมู่เฉินอัดแน่นด้วยไอเย็นเยือกเมื่อมองกองทัพเบื้องหน้า เขาเคยได้ยินชื่อสำนักนี้มาบ้าง พวกเขารู้จักกันในฐานะขั้วอำนาจอันดับต้นของภูมิภาคทางเหนือ ทว่าพวกเขาอยู่ห่างจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์หลายขุม ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็ยังดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหมู่ตึกเทวะ การมีขั้วอำนาจแบบนั้นหนุนหลังอยู่ ทำให้พวกเขาไม่เกรงกลัวอาณาเขตกงเวทสวรรค์เหมือนกับสำนักอื่น

มู่เฉินกับจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากัน ขณะที่ไอเย็นเยือกพล่านในดวงตา

“ข้าลู่หวูจากสำนักพาฬมังกร ฮ่าๆ เจ้าคงจะเป็นผู้บัญชาการจิ่วโยวจากหอวิหคโลกันตร์ หนึ่งในเก้าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์สินะ?” ลู่หวูที่มีผิวซีดขาวมองจิ่วโยว

จิ่วโยวกวาดสายตามองกลับอย่างไม่แยแสเอ่ยออกมาว่า “สำนักพาฬมังกรช่างกล้าที่คิดจะแย่งของของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพึ่งพาหมู่ตึกเทวะแล้วอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้?”

ครั้นได้ยินคำพูดของนาง ลู่หวูก็ยิ้ม “ถ้าเป็นเวลาปกติ สำนักพาฬมังกรก็คงจะระมัดระวัง แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในสงครามล่า ต่อให้เป็นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็แค่พระยูไลที่ปั้นมาจากดินข้ามแม่น้ำ ดังนั้นก็อย่าอ้างชื่อให้กลัวได้แล้ว”

“เผชิญกับขยะย่อยอย่างพวกเจ้า แค่หอวิหคโลกันตร์ก็เพียงพอแล้ว” จิ่วโยวเอ่ยเสียงเย็น

“ฮ่าๆ พยศนัก”

ลู่ขุยที่สูงตระหง่านยืนอยู่ข้างลู่หวูเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขากอดอกพลางเอียงศีรษะเป็นเชิงเยาะขณะมองหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่อยู่ด้านหลังมู่เฉิน “จากที่รู้มาหน่วยรบวิหคโลกันตร์อ่อนหัดที่สุดในอาณาเขตกงเวทสวรรค์เลยนะ ถูกรังแกมานานหลายปีจนไม่กล้าแม้แต่จะสู้กลับ แล้วตอนนี้พวกแกยังพากันมาเดินย่ำต๊อกไปรอบๆ ไม่กลัวขายหน้าหรือไง?”

เมื่อนักรบวิหคโลกันตร์ได้ยินคำพูดนั่น ดวงตาก็พวยพุ่งด้วยรัศมีร้ายกาจออกมา ประกายดุร้ายวาบขึ้นขณะจ้องมองลู่ขุย รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตแผ่ซ่านออกไปบางจาง

รัศมีจั้นยี่เต้นระริกนี้ถูกลู่ขุยจับสังเกตได้ รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าก็แข็งค้างไปพร้อมกับสายตาสั่นไหว ในฐานะของผู้สั่งการกองทัพ เขารู้ว่ากองทัพที่กลั่นรัศมีจั้นยี่เช่นนั้นได้ต้องไม่ธรรมดา

“ข้าได้ยินว่าสำนักพาฬมังกรมีสองกองทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง กองทัพมังกรและกองทัพพาฬ… หากข้าเดาได้ถูกต้อง กองทัพที่อยู่เบื้องหลังนั่นคงเป็นกองทัพพาฬใช่ไหม?” มู่เฉินพูดเสียงเรียบเฉยออกมาขณะที่ม่านตาสีดำกวาดมองกองทัพที่ยืนด้านหลังลู่ขุย

นี่เป็นกองทัพที่มีจำนวนนักรบพอๆ กับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ เว้นแต่ว่าพวกเขาปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังน่าขนลุก ราวกับอสรพิษร้ายที่ซ่อนตัวในมุมมืดที่ไม่อาจประมาทได้

กองทัพนี้ถือว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมาตลอดทาง

“ไอ้หนู แม้แกจะยังอ่อนวัย แต่สายตาแหลมคมใช่ย่อย”

ลู่ขุยยิ้มกริ่มขณะมองมู่เฉินด้วยดวงตาหรี่แคบลง “แกคงจะเป็นมู่เฉินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือราวกับไฟไหม้ป่าในช่วงนี้ของภูมิภาคทางเหนือสินะ? ประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุขนาดนี้ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กเพิ่งหย่านมจะมายุ่ง กลับบ้านไปฝึกอีกสักสิบกว่าปีค่อยออกมาเถอะ”

“สวะอย่างแกประเมินตัวเองสูงไปไหม” มู่เฉินยิ้มบางขณะส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของลู่ขุย

ใบหน้าของลู่ขุยกระตุก แววตาร้ายกาจวูบไหวในดวงตาที่หรี่เล็ก คลื่นหลิงไร้ขอบเขตล้อมรอบตัว ขณะที่แรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังก็แผ่ปกคลุม

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงแรงกดดันคลื่นหลิงก็เลิกคิ้วขึ้น แม้บุคลิกของลู่ขุยจะไม่ดี แต่ขุมพลังนี่ใช้ได้เลยทีเดียว ตัดสินจากแรงกดดันคลื่นหลิง เขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้าแล้ว นอกจากนี้เขายังแข็งแกร่งกว่าชิวไท่ยิงที่เพิ่งจะบรรลุขั้นนี้เสียอีก

“แกกล้าทำตัวโอหังทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้างั้นเรอะ?” ดวงตาของจิ่วโยวเย็นเยือกขณะที่เพลิงสีม่วงพวยพุ่งออกจากกาย ทำให้ไอหนาวเหน็บบริเวณนี้จางหายไปมาก ในเวลาเดียวกันแรงกดดันคลื่นหลิงของลู่ขุยก็สลายตัวลงทั้งหมดด้วย

“ฮ่าๆ นายหญิงจิ่วโยวอย่าได้โมโห ถ้าพลังของน้องสามไม่อยู่ในสายตา ข้าว่าข้าน่าจะทำให้เจ้าพอใจได้บ้างนะ”

ลู่หวูยิ้มอ่อน จากนั้นก็ประสานมือด้วยกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า ความผันผวนโถมซัดกลางอากาศราวกับมหาสมุทร เกิดเสียงซัดสาดดังแว่วออกมา เห็นได้ว่าเป็นเพราะคลื่นหลิงปริมาณมหาศาลที่รวมตัวกันจนถึงจุดที่น่าตกใจ

แรงกดดันคลื่นหลิงที่ทรงพลังนี้แข็งแกร่งกว่าของลู่ขุยอย่างไม่ต้องสงสัย

นั่นเป็นเพราะลู่หวูคือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกแล้ว!

“การควบแน่นของคลื่นหลิง ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกรึ?”

ดวงตาจิ่วโยวหดลงเล็กน้อยขณะมองลู่ขุยด้วยสายตาเย็นชา นางไม่คิดว่าขุมพลังของอีกฝ่ายจะมาถึงขั้นนี้

ดูท่าการที่สำนักพาฬมังกรสามารถเป็นถึงขั้วอำนาจอันดับต้นๆ ก็มีฐานพลังใช้ได้เลยทีเดียว ขุมพลังระดับนี้ต่อให้อยู่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก็ถือว่าอยู่ช่วงกลางค่อนไปสูง)

ยิ่งกว่านั้นสำนักพาฬมังกรยังมีเจ้าสำนักสามคน ลู่หวูกับลู่ขุยเป็นเพียงที่สองและที่สาม

เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ พวกเขาก็รู้ว่าการต่อสู้คงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะขจรขจายไปไกล แต่ตอนนี้หอวิหคโลกันตร์ก็อยู่ที่นี่หน่วยเดียว ยิ่งกว่านั้นแม้สำนักพาฬมังกรจะไม่อาจเทียบกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ แต่ก็เป็นขั้วอำนาจอันดับต้นๆ ดังนั้นพวกเขาไม่คิดที่จะปล่อยมือจากซากอารยธรรมโบราณระดับสามไปหรอก

แต่คนอื่นๆ ก็เนื้อเต้นที่ได้เห็นทั้งสองฝ่ายสู้กัน เพราะหากทั้งสองปะทะกันละก็ หนึ่งในนั้นต้องได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็จะมีโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์จากเรื่องนี้

มู่เฉินหรี่ตาลงขณะมองกระบวนทัพสำนักพาฬมังกร จากมุมหนึ่งแล้วพลังของกองทัพนี้ไม่ด้อยไปกว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ของพวกเขาเลย มิฉะนั้นพวกมันคงไม่กล้าคิดฉกซากอารยธรรมโบราณไปจากพวกเขา ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

“ปล่อยให้เจ้านั่นเป็นหน้าที่ข้า”

จิ่วโยวมองไปที่ลู่ขุยอย่างเย็นชาพลางเอ่ยกับมู่เฉิน ร่างของนางลอยขึ้นช้าๆ ที่เบื้องหลังแสงสีม่วงรวมตัวกันก่อเป็นปีกสีม่วงขนาดใหญ่ บนปีกนั้นยังมีเพลิงสีม่วงลุกโชนอีกด้วย

กีด!

เสียงร้องกังวานใสดังจากในร่างจิ่วโยว ความผันผวนคลื่นหลิงก็แผ่กระจายในฟ้าดิน เสียงกรีดร้องนั่นก็สลายแรงกดดันคลื่นหลิงส่วนใหญ่ของลู่ขุยไป

“วิหคอนธโลกันตร์เรอะ?”

ดวงตาของลู่ขุยหดเกร็งพร้อมกับความกลัววูบไหวในดวงตา เขารู้ว่าจอมยุทธ์ที่มีร่างเป็นเทพอสูรเป็นปัญหาขนาดไหนในการจัดการ

ดวงตาของลู่หวูกะพริบแสง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “นายหญิงจิ่วโยว ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวิหคอนธโลกันตร์ที่มีพลังต่อสู้ไม่ธรรมดา แต่ถ้าเราสู้กันจริงๆ ก็คงไม่ง่ายที่จะตัดสินผู้ชนะได้”

พอได้ยินคำพูดของเขา จิ่วโยวก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าไม่อยากสู้ก็ไสหัวไป”

คิ้วของลู่หวูกระตุก “ทำไมเราไม่ใช้วิธีอื่นในการครอบครองซากอารยธรรมโบราณนี่ล่ะ?”

“เจ้าต้องการอะไร?” จิ่วโยวแค่นเสียงแต่ยังไม่ได้ลงมือ ลู่หวูมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ และนางอาจประสบช่วงเวลายากลำบากหากต้องสู้กัน แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จะดึงดูดกองทัพที่แข็งแกร่งเข้ามาอีกหรือไม่ ดังนั้นนางต้องเก็บพลังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“ข้าได้ยินมาว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ผงาดเป็นทัพชั้นยอดในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ไม่รู้ว่ากองทัพไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน เมื่อเทียบกับกองทัพพาฬของเราน่ะ?”

ลู่หวูยิ้มตาหยี “ทำไมไม่ให้กองทัพปะทะกันเล่า คนชนะก็จะได้ซากอารยธรรมโบราณไปครองไง?”

“ฮ่าๆ ข้ากลัวแต่ว่าไอ้หนูนั่นจะไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนี้” ลู่ขุยเผยรอยยิ้มป่าเถื่อนขณะกอดอกมองมู่เฉิน เขามองออกว่ามู่เฉินเป็นคนควบคุมหน่วยรบวิหคโลกันตร์

แม้เขาจะดูเหมือนพวกใช้แต่กำลังกาย แต่ก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ด้วยเช่นกัน คำพูดของเขาเยาะเย้ยถากถางพยายามจะบีบให้มู่เฉินสู้กับเขาโดยใช้กองทัพ

ลู่ขุยบัญชาการกองทัพพาฬ กวาดไปทั่วภูมิภาคทางเหนือด้วยความสำเร็จอันเกรียงไกร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกถูกคุกคามจากผู้บัญชาการเด็กน้อยอย่างมู่เฉิน

ทว่าเมื่อจิ่วโยวได้ยินการตัดสินใจนั่น ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเกรี้ยว ยังมีรอยยิ้มไม่เชิงยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของนาง

มู่เฉินที่ด้านล่างก็ยิ้มบางขณะหันกลับไปมองหน่วยรบวิหคโลกันตร์ “มีคนท้าทายหน่วยรบวิหคโลกันตร์ พวกเจ้าคิดว่าควรจะทำยังไง?”

“ฆ่า!”

สายตานักรบหลายพันในหน่วยรบวิหคโลกันตร์เปลี่ยนเป็นดุร้ายทันตา ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง เนื้อเสียงของพวกเขาอัดแน่นด้วยรังสีสังหารเข้มข้น ทำให้ม่านตาของลู่ขุยที่มีใบหน้าเหี้ยมเกรียมในตอนแรกอดหดเกร็งไม่ได้

เขามองรอยยิ้มบนมุมปากของมู่เฉินก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา จุดที่เขาคิดว่าง่ายจะจัดการเหมือนจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาแล้ว

แต่ลู่ขุยไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา เขาข่มความคิดฟุ้งซ่านในใจอย่างรวดเร็ว สายตาเปลี่ยนเป็นน่าขนลุก เขาท่องไปในภูมิภาคทางเหนือมาหลายปี เขาไม่เชื่อหรอกว่าเด็กไม่สิ้นน้ำนมจะกล้าแสดงความโอหังต่อหน้าเขา!

วันนี้เขาจะมอบความตายให้นักรบวิหคโลกันตร์ทั้งหมด!

**พระยูไลที่ปั้นมาจากดินข้ามแม่น้ำ เปรียบแล้วเมื่อดินเจอน้ำก็จะละลาย แปลว่ายากที่จะเอาตัวเองให้รอด

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset