หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 859 ฝึกฝนรัศมีจั้นยี่

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 859 ฝึกฝนรัศมีจั้นยี่

ที่เบื้องล่างของยอดเขา

ทั้งห้าหน่วยรบที่มีรัศมีจั้นยี่ทรงพลังไร้ขอบเขตกระเพื่อมไหวอยู่เบื้องบน ยามนี้กำลังพักผ่อนอยู่ ดังนั้นลักษณะของคลื่นรัศมีที่แข็งกร้าวก็ดูนุ่มนวลลงหลายส่วน

แต่มู่เฉินที่มีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับรัศมีจั้นยี่ รู้ดีว่ารูปลักษณะที่นุ่มนวลเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ต้นกำเนิดของรัศมีจั้นยี่คือคลื่นหลิงผสานเข้ากับกระแสจิตความมุ่งมั่นของนักรบทุกคน ดังนั้นเมื่อนักรบเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ รัศมีจั้นยี่ก็จะพลุ่งพล่านจนเต็มเป็นด้วยพลังการโจมตี

ม่านตาสีดำของมู่เฉินมองไปที่รัศมีทั้งห้ากลุ่มพลางครุ่นคิด ตอนนี้การบัญชารัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ของเขามาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ด้วยจำนวนนักรบที่มีขีดจำกัด ดังนั้นด้วยขุมพลังที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉิน เขาจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ารัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ไม่เพียงพอสำหรับเขาอีกต่อไป…

แต่หน่วยรบที่ได้รับการฝึกฝนแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถขัดเกลาได้ในระยะเวลาอันสั้น นักรบทุกคนจะต้องใช้เวลานานในการเจียระไนและประสานคลื่นหลิงกัน ไม่งั้นพวกเขาก็จะเป็นเพยีงเม็ดทรายที่กระจายและรัศมีจั้นยี่ก็จะไม่มีพลังอำนาจใดๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับนักรบหนึ่งพันคนที่ยุ่งเหยิงกับที่หลอมรวมกัน ฝ่ายที่หลอมรวมสามารถเอาชนะได้อย่างสบาย

ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะรู้สึกว่ารัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์จะไม่เพียงพอสำหรับเขาอีกต่อไป แต่เขาก็ไม่มีวิธีอะไรมาช่วยได้ สำหรับการเป็นจั้นเจิ้นซือหากไม่มีการสนับสนุนจากกองทัพชั้นยอด ก็คล้ายกับแม่ครัวชั้นยอด แต่ไม่มีวัตถุดิบในมือให้ทำ

พลังของจั้นเจิ้นซือเกิดจากกองทัพ

แต่ตอนนี้มู่เฉินกำลังพบโอกาสทองตรงหน้าจากหน่วยรบทั้งสี่ ซึ่งก็คือหน่วยรบแยกคีรี หน่วยรบเหยี่ยวโลหิต หน่วยรบกระบี่เทพและหน่วยรบเทพผาถ้ำ…

ถ้าเขาสามารถทำให้เกิดการสั่นพ้องระหว่างทั้งสี่หน่วยรบด้วยพลังของเขา นั่นก็จะแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะบัญชาหน่วยรบทั้งสี่ได้

หากไปถึงจุดนั้น พลังของมู่เฉินก็จะพุ่งทะยานในระดับที่น่าอัศจรรย์ใจแน่นอน เพียงแค่รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์เพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกอย่างสูป้าได้ ถ้าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากรัศมีจั้นยี่ของอีกสี่หน่วยรบได้ด้วยละก็ ต่อไปแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อขั้นเจ็ดเขาก็ไม่ต้องกลัว

แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนโง่และรู้ว่ายังเป็นไปไม่ได้สำหรับตนเองที่จะควบคุมรัศมีจั้นยี่ห้าหน่วยรบด้วยขุมพลังที่มีในตอนนี้ เว้นแต่เขาจะเข้าสู่การเป็นจั้นเจิ้นซือตัวจริง มิฉะนั้นรัศมีจั้นยี่ที่กว้างใหญ่ไพศาลเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้จิตใจเขาถึงกับแหลกสลายลงได้

ผู้ฝึกไม่สามารถแข็งแกร่งได้ในวันเดียว ต้องใช้เวลาเพื่อบรรลุผล

แต่…แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบัญชาได้ แต่ถ้าเขาทำให้เกิดการสั่นพ้องระหว่างหน่วยรบได้ก็จะเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของตนเอง บางทีเขาอาจจะเข้าใกล้จั้นเจิ้นซือลึกลับได้อีกก้าว

แต่ว่าการเข้าไปแทรกแซงกองทัพของคนอื่นดูจะเกินเลยไปหน่อย แต่มู่เฉินก็มีวิธีที่จะจัดการกับปัญหาที่ตามมา

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็อดสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปอดไม่ได้ จากนั้นโดยไม่มีความลังเล เขาก็หลับตาลง หัวใจกระเพื่อมไหวภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ความมืดปกคลุมสายตาเขา แต่ประสาทสัมผัสในใจกลับกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้ประสาทสัมผัสของมู่เฉิน รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตทั้งห้ากลุ่มที่ลอยฟุ้งอยู่รอบภูเขาก็เกิดลอนคลื่นอย่างเงียบๆ เสียงคำรามกระหายเลือดดังสะท้อนเป็นระยะ ทำให้มิติถึงกับผันผวน

ในบรรดามหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ทั้งห้า มีกลุ่มหนึ่งที่มู่เฉินรู้สึกเป็นมิตรมาก นั่นก็คือของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ ส่วนอีกสี่หน่วยรบต่างครอบครองพื้นที่ของตนราวกับพยัคฆ์เฝ้าถ้ำ

มู่เฉินหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่คลื่นจิตจะกระจายออกไปมาอยู่ตรงหน้ารัศมีจั้นยี่ทั้งสี่ เขาลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะลองเชื่อมโยงเข้าไป

ปัง!

แต่ทันทีที่คลื่นจิตของมู่เฉินสัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ทั้งสี่กลุ่ม เขาก็ถูกดีดออกมาและยังดึงดูดการปฏิเสธรวมทั้งการโจมตีของจิตใต้สำนึก นี่ทำให้จิตใจของมู่เฉินสั่นไหวเล็กน้อย

การเชื่อมโยงครั้งแรกล้มเหลว

มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น รัศมีจั้นยี่เหล่านี้ปฏิเสธการเข้าใกล้ที่ไม่คุ้นเคย ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีความมุ่งร้ายในคลื่นจิตเมื่อสักครู่ละก็ เขาคงถูกรัศมีจั้นยี่ทั้งสี่กลุ่มโจมตีแน่แท้

รัศมีจั้นยี่เหล่านี้อ่อนไหวเกินไป

มู่เฉินอยู่ในภวังค์เป็นเวลานาน ก่อนที่จะคลายหัวคิ้วออก เนื่องจากตัวเขามีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับวิถีรัศมีจั้นยี่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าการตะลุยเข้าไปแบบนี้จะไม่มีประโยชน์เลย

หัวใจของมู่เฉินค่อยๆ สงบลงจนกระทั่งนิ่งเหมือนน้ำในบ่อ ก่อนที่เขาจะกระจายคลื่นจิตอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เข้าไปเชื่อมโยงกับรัศมีจั้นยี่ทั้งสี่ แต่กลับปล่อยให้คลื่นจิตล่องลอยไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน จากนั้นก็ราวกับเกิดคลื่นริ้วเล็กๆ บนผิวน้ำ ค่อยๆ เข้าไปสัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตทั้งสี่อีกครั้ง

ฮึ่ม!

ทันทีที่มีการเชื่อมโยงร่างของมู่เฉินก็กระตุกอย่างรุนแรง ราวกับมีเสียงคำรามกระหายเลือดไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องในหัวใจ รัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนราวกับต้องการจะเข้ามาครอบงำจิตใจเขาแทน

ทว่าเสียงเหล่านั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับมู่เฉินมากนัก เขาไม่ใช่พวกไก่อ่อนเกี่ยวกับศาสตร์รัศมีจั้นยี่ ดังนั้นเขาจึงป้องกันจิตใจอย่างมั่นคง ปล่อยให้รัศมีจั้นยี่ทำตามที่ต้องการ หลังจากนั้นเสียงคำรามก็ค่อยๆ อ่อนลงจนหายไปในที่สุด

ขณะเดียวกันกับที่เสียงคำรามหายไป คลื่นจิตของมู่เฉินที่แผ่ซ่านออกมาก็ราวกับปลาได้กลับคืนสู่มหาสมุทร

ในที่สุดคลื่นจิตก็ว่ายวนเข้าไปในมหาสมุทรจั้นยี่ทั้งสี่อันกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว

เขารู้สึกเหมือนกับเข้าไปในภูเขาไฟ รัศมีจั้นยี่ทั้งสี่มีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ซึ่งคุณสมบัติที่อยู่ภายในก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เช่นหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่มีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น หน่วยรบแยกคีรีมีกลิ่นอายสังหารหนาแน่น หน่วยรบกระบี่เทพก็มีกลิ่นอายคมกริบ และสุดท้ายหน่วยรบเทพผาถ้ำมีกลิ่นอายหนักแน่น…

คุณลักษณะทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับลักษณะที่หน่วยรบแสดงออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หรือกล่าวได้ว่านี่เป็นลักษณะของพวกเขานั่นเอง

คลื่นจิตของมู่เฉินค่อยๆ ผสานเข้ากับมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องในหัวใจ ถ้านี่เป็นจอมยุทธ์ธรรมดาคงจะสติหลุดไปจากผลกระทบของรัศมีจั้นยี่ ไม่สามารถคงสถานะที่ชัดเจนเอาไว้ได้

แต่โชคดีที่มู่เฉินไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

นอกจากนี้มู่เฉินก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะพยายามสร้างการสั่นพ้องระหว่างหน่วยรบหลังจากผสานเข้ากับรัศมีจั้นยี่ ตรงข้ามเขากลับปล่อยให้คลื่นจิตตระเวนไปรอบๆ มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่นี้

เหมือนปลาในแม่น้ำที่เข้าไปอยู่ในฝูงปลาทะเล พยายามทำทุกอย่างให้คล้ายคลึงกับสิ่งรอบตัว

แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือมู่เฉินไม่ได้ปกปิดการมีอยู่ของคลื่นจิต ดังนั้นเมื่อคลื่นจิตของเขาว่ายวนไปรอบๆ มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่เหล่านี้ ความคิดของรัศมีดังกล่าวก็สัมผัสเขาได้

ความคิดเหล่านี้มาจากนักรบทั้งสี่หน่วยรบนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อพวกเขารับรู้ถึงคลื่นจิตของมู่เฉิน ก็มีจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนของทั้งสี่หน่วยรบเบิกตาโพลงด้วยความตะลึงงัน

โดยทั่วไปเมื่อพวกเขาพบคลื่นจิตที่ไม่ใช่ของหน่วยรบตนเองในรัศมีจั้นยี่ พวกเขาก็จะพยายามโจมตีเพื่อทำลาย แต่ครั้งนี้ผู้บุกรุกคือมู่เฉิน…

หลายวันที่ผ่านมามู่เฉินได้นำหน่วยรบวิหคโลกันตร์ตะลุยไปทั่วสมรภูมิพร้อมพวกเขา นั่นทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาในความอัศจรรย์ของรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ที่สามารถก่อตัวได้ภายใต้การบัญชาของมู่เฉิน ดังนั้นเมื่อพวกเขารับรู้ถึงคลื่นจิตของอีกฝ่ายที่ว่ายวน พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่ลังเลไปชั่วอึดใจ และเมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่ได้ทำอะไรมากนัก พวกเขาก็ยอมรับคลื่นจิตนั้น เพราะยังไงมู่เฉินก็ถือเป็นสมาชิกคนหนึ่งของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นับว่าเป็นสหายกัน

ทว่าถึงเหล่านักรบจะยอมรับ ก็ยังมีแม่ทัพจำนวนหนึ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาตรงจากผู้บัญชาการ ในฐานะแม่ทัพนายกอง พวกเขาไม่สามารถมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นหลังจากลังเลครู่หนึ่งพวกเขาก็รายงานเรื่องนี้ให้ผู้บัญชาการทราบ

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เมื่อทราบข้อมูลผู้บัญชาการทั้งสี่ก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน สายตามองไปที่ยอดเขาด้วยความตื่นตะลึง

จิ่วโยวปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน เมื่อนางมาถึงผู้บัญชาการทั้งสี่ก็หันมามอง “ผู้บัญชาการจิ่วโยว ผู้บัญชาการมู่นี่ทำอะไรอยู่เหรอ?”

แม้ว่าทั้งสี่จะถามด้วยความเกรงใจ แต่จิ่วโยวก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยความสงสัย มู่เฉินเข้ามาแทรกแซงในหน่วยของพวกเขาโดยไม่ได้แจ้งก่อน ซึ่งดูเหมือนจะไร้มารยาทไปหน่อย

จิ่วโยวยิ้มขมขื่น ขณะกำลังจะเปิดปากพูด ความคิดหนี่งก็กระจายไปทั่วท้องฟ้ามืดมิดตามด้วยเสียงสะท้อนของมู่เฉิน

“ขอยืมพลังของหน่วยรบทั้งสี่เพื่อฝึกฝน ถ้าประสบความสำเร็จอาจช่วยให้หน่วยรบทั้งสี่เข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณสงครามได้”

เสียงนุ่มนวลของมู่เฉิน ทำให้ดวงตาของผู้บัญชาการทั้งสี่เปล่งประกาย รอยยิ้มสดใสกระจายบนใบหน้าทันที

“ฮ่าๆ ถ้าผู้บัญชาการมู่ต้องการ ก็ทำตามใจได้เลย” แม้แต่หงหยาที่ไม่ค่อยพูดค่อยจายังไม่สามารถควบคุมเสียงหัวเราะของตนเองได้ ในช่วงนี้เขาได้เห็นถึงพลังอำนาจของวิญญาณสงครามที่มีผลต่อกองทัพ ดังนั้นดวงตาของเขาจึงได้แต่แดงก่ำด้วยความอิจฉาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากไม่มีอัจฉริยะศาสตร์นี้แบบมู่เฉินในหน่วยรบของเขา ดังนั้นจึงได้แต่กังวลไปเท่านั้น ตอนนี้เมื่อได้ยินประโยคที่มู่เฉินบอกกล่าว แม้แต่ผู้บัญชาการทั้งสี่ที่มีความแน่วแน่ยังอดปลายหางตากระตุกไม่ได้

ถ้าไม่ใช่ความจริงเรื่องนี้อาจสร้างความไม่พอใจให้กับผู้อื่น พวกเขาคงบอกให้มู่เฉินบัญชาหน่วยรบของพวกเขาไปเลย ตราบใดที่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ อยากทำอะไรก็ทำ…

เมื่อจิ่วโยวได้ยินว่าผู้บัญชาการทั้งสี่มอบหน่วยรบไว้ในมือมู่เฉิน ริมฝีปากบางของนางก็เบ้ขึ้น จากนั้นนางก็มุ่นคิ้วจ้องมองไปที่ร่างเงาบนภูเขา

แต่ว่า… นี่ไม่โม้เกินไปหน่อยเหรอ วิญญาณสงครามกลั่นได้ง่ายขนาดนี้ซะที่ไหน…

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset