หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 863 จินไถหลิวหลี

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 863 จินไถหลิวหลี

ซากอารยธรรมความตาย

ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสมรภูมิหยุ่นลั้ว ซึ่งอยู่ไกลจากจุดที่พวกมู่เฉินพักแรม ดังนั้นหลังจากตัดสินใจพวกเขาก็ออกเดินทางโดยไม่ลังเล

เนื่องจากมีเวลาจำกัด พวกเขาจึงต้องเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ระหว่างทางเข็มทิศค้นวิญญาณก็พบซากอารยธรรมจำนวนมาก กระทั่งระดับสองก็มีมาประปราย ทว่ามู่เฉินก็ห้ามใจในการเข้าไปค้นหา เนื่องจากตอนนี้ใจของเขาพุ่งที่ซากอารยธรรมความตายเรียบร้อยแล้ว

พูดให้ถูกคือเพราะข่าวเกี่ยวกับจั้นเจิ้นซือนั่นเอง

ปัจจุบันในมหาพันภพมีจั้นเจิ้นซือจำนวนน้อยมาก ดังนั้นข่าวใดๆ เกี่ยวกับจั้นเจิ้นซือเป็นอะไรที่หายากมาก ใครก็ตามที่มีโอกาสเป็นจั้นเจิ้นซือคงไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้หลุดมือไปได้

ผู้เชี่ยวชาญรัศมีจั้นยี่อีกสองคนก็คงมีความคิดไม่แตกต่างกัน มิฉะนั้นคงไม่เร่งรุดเดินทางไปกันหรอก

ดังนั้นเมื่อมู่เฉินที่มีความคิดเดียวกัน จึงเดินทางด้วยความเร็วเต็มพิกัด พุ่งไปที่ซากอารยธรรมความตายที่ยามนี้เต็มไปด้วยคลื่นมหาชน

ทว่าแม้กลุ่มของมู่เฉินจะเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ก็ยังมาถึงจุดหมายในช่วงเย็นของวันที่สอง…

เขตตะวันตกเฉียงเหนือ

เมื่อกลุ่มของมู่เฉินก้าวเข้ามาในเขตนี้ พวกเขาก็รู้สึกว่าพื้นที่แถบนี้มืดมนยิ่งนัก ทว่าจำนวนผู้คนที่มาที่นี่ก็มากกว่าพื้นที่อื่นเลยทีเดียว

รอบท้องฟ้ามีกองทัพน้อยใหญ่เร่งรุดเดินทางเข้ามาอยู่เรื่อย ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกสุดปานสายฟ้าฟาด

ชัดว่าจอมยุทธ์เหล่านี้มาที่นี่ก็เพราะซากอารยธรรมความตาย แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ข่าวเกี่ยวกับซากอารยธรรมระดับหนึ่ง ก็ทำให้กองทัพจำนวนมากสูญเสียสติไป

เพราะไม่ว่าอย่างไรทั้งสมบัติ วิทยายุทธ สิ่งประดิษฐ์และของมีค่าอื่นๆ ของซากอารยธรรมระดับหนึ่งก็อยู่ต่ำกว่าแค่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน จอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนคงไม่มีใครไม่ถูกดึงดูด

เมื่อมู่เฉินเห็นเขตตะวันตกเฉียงเหนือคึกคักเพียงใด เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าซากอารยธรรมความตายจะทำให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดนี้ได้

ทว่าแม้สถานการณ์จะยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่มู่เฉินก็ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากเกินไป การรวมตัวของพวกเขายิ่งใหญ่และทรงพลัง ด้วยมีหน่วยรบถึงสี่หน่วยรบและจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสี่คน กระบวนทัพแบบนี้เทียบเคียงได้กับการออกทัพทั้งหมดของขั้วอำนาจชั้นต้นๆ เลยทีเดียว

ด้วยพลังสุดยอดนี้ พวกเขาจึงมีคุณสมบัติที่จะปะทะกับจอมยุทธ์ทุกคนโดยไม่ต้องใส่ใจเรื่องสถานการณ์

มู่เฉินมองพื้นที่ระยะไกลที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกกดดัน ทว่าสุดท้ายนั่นก็ไม่สามารถสร้างความกลัวให้กับมู่เฉิน เขายิ้มบาง

“ไปกันเถอะ อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะพลาดเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไง? มาดูกันสิว่ามีใครที่เข้ามาในซากอารยธรรมความตายบ้าง”

เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวเท้าออกไป จิ่วโยว สี่ผู้บัญชาการและเหล่านักรบก็เคลื่อนตัวติดตามไปอย่างรวดเร็ว พวกเขากลายเป็นลำแสงปกคลุมท้องฟ้าไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว

ความปั่นป่วนที่เกิดจากกองทัพของมู่เฉิน ทำให้สีหน้าของผู้คนนับไม่ถ้วนในบริเวณนี้เปลี่ยนไป หลายกองทัพรีบเปิดเส้นทางให้พวกเขาผ่านไปก่อน ไม่มีใครกล้าที่จะขวาง เมื่อพวกเขาผ่านไปไกลเสียงกระซิบกระซาบถึงจะดังไปทั่ว

“นั่นอาณาเขตกงเวทสวรรค์นี่…”

“คนที่นำอยู่นั่นคือมู่เฉินที่สร้างชื่ออย่างกับพลุแตกเมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหม? ไม่คิดว่าเขาก็รีบมาที่นี่เช่นกัน”

“ว่ากันว่ามีข่าวจั้นเจินซือในซากอารยธรรมความตาย มู่เฉินก็เหมือนจะควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปหรอก”

“คึๆ จั้นเจิ้นซือของตำหนักสุดนภาและหมู่ตึกเทวะก็อยู่ที่นี่ พวกเขาหาตัวมู่เฉินกันควั่กมาพักหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่าเขากลับพาตัวเองไปเคาะถึงประตูหน้าบ้านคนอื่น”

“ข้าเคยเห็นการประลองของจอมยุทธ์มามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะเห็นพวกจั้นเจิ้นซือปะทะกัน ดูเหมือนว่าครั้งนี้เปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ”

“การเดินทางไปซากอารยธรรมความตายครั้งนี้ชักจะสนุกแล้ว”

“…”

ส่วนลึกเขตตะวันตกเฉียงเหนือ

หย่อมความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ ราวกับแสงสว่างถูกความมืดมิดกลืนกิน เมื่อความมืดเข้มข้นขึ้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ที่นี่ก็คือสถานที่ตั้งของซากอารยธรรมความตายนั่นเอง

ขณะนี้รอบนอกสภาพแวดล้อมที่มืดมิดกลับคึกคักอย่างมาก โดยมีกลุ่มแสงนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากระยะไกลแล้วพลิ้วตัวลง ณ บริเวณนี้อยู่เรื่อยๆ

กองทัพทรงพลังบางส่วนเข้ายึดครองพื้นที่ใกล้เคียงกับซากอารยธรรมแห่งนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ได้เปรียบในเรื่องเวลาและโอกาส ส่วนกองทัพอ่อนด้อยก็ยืนอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าที่จะเข้าไปยืนในมุมที่ดีที่สุดแต่อย่างใด

ณ ที่แห่งนี้ผู้แข็งแกร่งคือราชัน

ทุกกองทัพกำลังกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อสังเกตและประเมินพลังของกองทัพอื่นๆ

แต่การกวาดมองส่วนใหญ่ถูกจำกัดไว้ที่ยอดเขาไม่กี่แห่งที่เบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัวอัดแน่นในดวงตา

กองทัพที่ครอบครองยอดเขาเหล่านั้นคือกองทัพสูงสุด ซึ่งมีพลังที่แข็งแกร่งมาก มิหนำซ้ำการจัดกระบวนทัพก็ยังน่าสะพรึงอีกด้วย

ในบรรดาคนเหล่านี้ ยอดเขาทางเหนือมีร่างเงาเพียงไม่กี่ร่าง ทว่าร่างเงาเหล่านี้ล้วนกำจายคลื่นหลิงที่ทรงพลังที่สามารถรับรู้ได้แม้จะอยู่ในระยะไกล

ทว่าพวกเขาไม่ได้สนใจที่ตรงนั้น ที่เบื้องหน้ากองทัพเป็นสตรีสวมชุดขาวนั่งบนรถเข็น เส้นผมของนางระตามใบหน้ารูปไข่และผิวที่ขาวราวหิมะ รูปลักษณ์ช่างอรชรอ้อนแอ้น กลิ่นอายอ่อนจางสัมผัสได้จากร่างกายของนาง

แม้จอมยุทธ์หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกอ่อนแอ แต่ทุกกองทัพกลับไม่กล้าดูถูกนางเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขารู้ว่านางก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านรัศมีจั้นยี่ของหมู่ตึกเทวะที่เร้นตัวมานาน

จินไถหลิวหลี

แม้ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าฟังยี่เป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นในหมู่ตึกเทวะ แต่มีเพียงบางคนที่มีความสามารถจริงๆ ถึงจะรู้ว่าในแง่ของพลังที่จะเผยออกมาในอนาคตจินไถหลิวหลีอาจจะแข็งแกร่งกว่าฟังยี่

แม้ว่านางจะด้อยกว่าฟังยี่ในการเพาะบ่มขุมพลัง ทว่าพรสวรรค์ของนางในศาสตร์รัศมีจั้นยี่ก็สูงเกินกว่าอีกฝ่ายไปมาก กระทั่งประมุขของหมู่ตึกเทวะก็เคยพูดไว้ว่าจินไถหลิวหลีจะเป็นจั้นเจินซือได้อย่างแน่นอน คำพูดนี้จึงเป็นตัวกำหนดฐานะที่โดดเด่นของนางในหมู่ตึกเทวะ

ทว่าอัจฉริยะเงาที่ซ่อนตัวมาตลอดเมินสายตาผู้คนที่จ้องมองมา ม่านตาของนางสงบนิ่งจ้องมองไปที่ซากอารยธรรมความตายที่ปกคลุมด้วยความมืดมน สายตาวูบไหวดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

มีคนอยู่เบื้องหลังนางหลายคน ซึ่งแต่ละคนมู่เฉินก็คุ้นหน้าดี ไม่เพียงแต่จะมีฟังยี่ สูป้า เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงก็อยู่ที่นี่ ช่างเป็นการรวมตระการตานัก

จู่ๆ ใต้ยอดเขาก็มีร่างร่างหนึ่งทะยานขึ้นมา ก่อนที่จะพุ่งไปกระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูฟังยี่ ใบหน้าของฝ่ายหลังถึงกับมืดครึ้มลงทันที ก่อนที่จะหันไปพูดกับทุกคนว่า “อาณาเขตกงเวทสวรรค์มาถึงแล้ว มู่เฉินก็อยู่ด้วย”

เมื่อได้ยินชื่อของมู่เฉิน สีหน้าของพวกสูป้าก็น่าเกลียดลงทันที

ไม่มีระลอกคลื่นกระเพื่อมไหวในดวงตาของสตรีในชุดขาว ผ่านที่ครู่หนี่งนางถึงได้ถอนหายใจแผ่วก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง “ท่านฟัง ตอนนี้ซากอารยธรรมเบื้องหน้าเราสำคัญกว่า นอกจากนี้…จะมีใครบางคนช่วยเราวัดความสามารถของเขาเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าของฟังยี่ก็เปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังยอดเขาที่อยู่ห่างไกลและพยักหน้า

ฟิ้ว!

ไม่นานหลังจากการสนทนาพวกเขาจบลง เสียงลมแหวกอากาศก็ดังมาจากด้านหลัง กองทัพจำนวนมากหันไปมองก็เห็นภาพกองทัพใหญ่ราวกับพายุ ก่อนที่สีหน้าพวกเขาจะเปลี่ยนไป

“นั่นอาณาเขตกงเวทสวรรค์…”

ท่ามกลางเสียงอุทานนับไม่ถ้วน กองทัพขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า มู่เฉิน จิ่วโยวและผู้บัญชาการทั้งสี่ก็เผยตัวออกมา

มู่เฉินกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ก็รู้สึกถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังมากมายที่กำลังไหลเวียน ดวงตาเขาหรี่ดลง ดูเหมือนว่ากองทัพชั้นสูงจำนวนมากถูกดึงดูดมาโดยซากอารยธรรมแห่งนี้

“ไปที่นั่น”

ไม่นานมู่ก็เบนสายตาไปยังพื้นที่ที่ดีที่อยู่ตรงเบื้องหน้าสุด แม้ว่าตอนนี้จะเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ แต่ด้วยสถานะของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในภูมิภาคทางเหนือ พวกเขาก็ไม่กลัวใคร

ผู้บัญชาการทั้งสี่พยักหน้าพลางโบกมือสั่งให้หน่วยรบเคลื่อนไปลงบนยอดเขาใหญ่แห่งหนึ่ง

ทว่าขณะที่กองทัพขนาดใหญ่กำลังจะลงมาถึง เสียงหัวเราะบาดแก้วหูก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ

“ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ใครคิดจะมาก็ได้”

สีหน้าของผู้บัญชาการทั้งสี่เย็นยะเยือก ขยับสายตาดุดันไปบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างน่าขนลุก มองเห็นคลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่ง ร่างเงานับไม่ถ้วนยืนตัวไว้สง่า ความกดดันของคลื่นหลิงที่ทรงพลังเล็ดลอดออกมาจากอีกฝ่าย

นั่นคือตำหนักสุดนภา!

ที่ยืนอยู่หน้ากองทัพเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมดำปล่อยยาว สวมชุดดำ สองตาแดงก่ำ เขากำลังยิ้มด้วยสายตาที่หรี่แคบลงมองมาทางมู่เฉิน

“ข้าชื่อเซียวเทียนจากตำหนักสุดนภา…”

ชายคนนั้นเลียริมฝีปากด้วยลิ้นสีแดงสดแล้วหันมาหามู่เฉินสาดรอยยิ้มที่น่าขนลุก

“ขอยืมหัวของแกมาใช้หน่อยสิ”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset