หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 867 เข้า

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 867 เข้า

โฮก!!!

เสียงร้องแปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยการทนทุกข์ทรมานไม่มีที่สิ้นสุดดังขึ้นจากภายในซากโบราณ ความสิ้นหวังในน้ำเสียงทำเอาหนังหัวคนฟังถึงกับลุกซู่

นอกจากนี้เสียงร้องดังกล่าวยังมาพร้อมกับเสียงคำรามไม่รู้จบซึ่งเหมือนจะบรรจุด้วยพลังงานแปลกประหลาดที่ทำให้ท้องฟ้าบริเวณนี้มืดลง

ความกดดันครอบงำไปทั่ว

ด้านนอกซากอารยธรรมความตาย จอมยุทธ์จำนวนมากมีแววตาประหลาดใจขณะจ้องมองไปในความมืด แม้พวกเขาจะยังไม่ได้เข้าไปในซากโบราณแห่งนี้ แต่พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความน่ากลัวของมันแล้ว

“คลื่นนี้…”

สายตามู่เฉินหดลงเช่นกัน เขามองไปที่ซากอารยธรรมความตายด้วยความตกตะลึง พลังงานพิเศษที่บรรจุในเสียงคำราม เขาคุ้นเคยดี เพราะนั่นคือพลังของรัศมีจั้นยี่

ซากอารยธรรมความตายแห่งนี้เกี่ยวข้องกับจั้นเจิ้นซือจริงด้วย!

เปลวไฟลุกโชนขึ้นในดวงตามู่เฉิน สายตาเขายึดติดอยู่ที่ซากอารยธรรมความตาย ดูเหมือนความปั่นป่วนที่ส่งออกมา จะเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ดุเดือดเมื่อครู่ จนไปกระตุ้นบางสิ่งที่อยู่ในซากอารยธรรมโบราณ

สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่ถอยกลับไปที่ฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ดูเหมือนซากอารยธรรมนี้จะเกี่ยวข้องกับจั้นเจิ้นซือจริงๆ ข้ารู้สึกได้ถึงความผันผวนของรัศมีจั้นยี่ที่กำจายออกมาจากมัน”

สีหน้าของจิ่วโยวและผู้บัญชาการคนอื่นๆ สั่นไหว ซากอารยธรรมความตายเบื้องหน้าประหลาดนัก แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับจั้นเจินซือ ดังนั้นจะต้องมีอันตรายมากมายอยู่ข้างในแน่นอน ดูท่าพวกเขาจะต้องระมัดระวังให้มากแล้ว

“เราจะเคลื่อนพลเมื่อไร?” จิ่วโยวถามเสียงต่ำ

“รอก่อนเถอะ” มู่เฉินส่ายหัวเบาๆ แม้เขาจะยืนยันได้ว่าซากอารยธรรมความตายเกี่ยวข้องกับจั้นเจิ้นซือ แต่นี่ยิ่งทำให้เขาสงบลง เพราะการรีบเร่งหรือทำตัวเด่นไม่เป็นประโยชน์อะไรในดินแดนอันตรายเช่นนี้

เหล่าผู้บัญชาการก็เข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลดังกล่าวชัดเจน แต่ละคนพยักหน้า จากนั้นทั้งกลุ่มก็ทะยานลงไปยังยอดเขาสูงที่อยู่หน้าสุด เริ่มจ้องมองไปยังซากอารยธรรมโบราณที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอย่างเข้มข้น

พร้อมกับที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ปักหลักรอ เสียงคำรามที่ผิดปกติในซากอารยธรรมความตายก็ค่อยๆ เงียบหายไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อกลับคืนสู่ความสงบ กองทัพที่อยู่ในบริเวณนี้ก็เริ่มปั่นป่วน สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าพิสูจน์ว่าซากอารยธรรมความตายไม่ใช่ธรรมดา มีโอกาสสูงที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นซากอารยธรรมระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ถ้าพวกเขาเข้าไปได้ก่อน ก็จะสามารถแย่งกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วได้ในปริมาณมหาศาลก่อน จำนวนเม็ดยาที่มาจากซากอารยธรรมระดับหนึ่ง ต้องทำให้พวกเขาอดเลียริมฝีปากไม่ได้แน่

นอกจากนี้ยังมีอาวุธพบสวรรค์ วิทยายุทธเทพและสมบัติอื่นๆ อีกมากมายที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธ์โบราณ ซึ่งแค่นี้ก็พอที่จะทำให้ดวงตาของผู้คนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ดังนั้นภายใต้การยั่วยุเช่นนี้ สถานการณ์ภายนอกซากอารยธรรมที่เงียบสงบก็เริ่มกวนตัวอย่างไม่หยุดหย่อน ความโลภในดวงตาของหลายกองทัพเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ชัดเจนว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถรักษาสติภายใต้สิ่งที่ล่อลวงใจ ทุกคนล้วนมีความคิดว่าตนจะโชคดี

ฟิ้ว!

ขณะที่บรรยากาศกระสับกระส่ายแผ่ขยายออกไป ซึ่งกินเวลาสิบกว่านาทีก่อนที่จะมีกองทัพบางส่วนไม่สามารถหยุดยั้งอารมณ์ได้ ร่างเงานับพันเคลื่อนตัวออกไป กลายเป็นกลุ่มแสงใหญ่พุ่งไปยังซากอารยธรรมความตายที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด

เงาร่างเหล่านั้นมาจากกองทัพเดียวกันประกอบด้วยจอมยุทธ์ทรงพลังมากมาย แน่นอนว่าหากใครไม่มีความสามารถใด พวกเขาก็คงไม่กล้าเปิดเผยความโลภในหัวใจขึ้นมาได้หรอก

บรรยากาศบริเวณนี้ร้อนระอุแล้ว ยิ่งตอนนี้มีกองทัพหนึ่งเปิดทาง ก็ดันความร้อนรนไปถึงขีดสุด ทันใดนั้นกองทัพอื่นก็กัดฟันเคลื่อนไหว พาพรรคพวกของตนพุ่งเข้าไปในซากโบราณ เห็ดชัดว่าพวกเขาไม่อยากให้คนอื่นเก็บเกี่ยวเอาขุมทรัพย์ในซากอารยธรรมความตายไปหมดก่อน

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เมื่อกองทัพจำนวนมากขึ้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วบริเวณก็คึกคักอย่างยิ่ง ร่างแสงพุ่งผ่านขอบฟ้ามาจากทุกทิศทาง ช่างเป็นฉากที่งดงามตระการตา

ทว่าหลายขั้วอำนาจสูงสุดที่อยู่บนยอดเขาใกล้ซากอารยธรรมความตายที่สุดกลับไม่เคลื่อนไหวเลย เพียงแต่มองกองทัพอื่นๆ พุ่งเข้าในซากโบราณ

มู่เฉินยืนอยู่บนยอดเขา ขณะเฝ้ามองกองทัพเหล่านั้นที่เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างสงบนิ่ง ในดวงตาไม่รู้สึกสงสารอะไร ความโลภเป็นอันตรายร้ายแรงที่สุด ในเมื่อพวกเขามีความโลภก็ต้องคิดถึงมูลค่ามหาศาลที่ต้องจ่ายออกไป

มู่เฉินกวาดสายตามองยอดเขาอื่นๆ บนยอดเขาเหล่านั้นหมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีหลายกองทัพที่ทรงอำนาจต่างๆ ไม่ได้พุ่งบุ่มบ่ามเข้าไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อจะเคลื่อนไหว

ในเมื่อกองทัพเหล่านั้นเป็นเสาหลักภูมิภาคทางเหนือมาเนิ่นนาน ก็ต้องมีจุดที่น่ายกย่องแน่นอน

ขณะที่ความคิดของมู่เฉินแล่นพล่าน เขาก็เบนสายตากลับไปจ้องที่ซากอารยธรรมความตาย เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อจำนวนคนที่หลั่งไหลเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ซากอารยธรรมก็เริ่มปลดปล่อยระลอกคลื่นหลิงป่าเถื่อนออกมา

เหมือนจะมีไอสังหารระเบิดออกมาอย่างเลือนราง

กองทัพเหล่านั้นน่าจะเจอสิ่งกีดขวางบางอย่าง แต่นี่ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของมู่เฉิน ถ้ากองทัพที่เข้าไปนั่นไม่เจออะไร มู่เฉินก็คงไม่กล้าที่จะเข้าไปแล้วจริงๆ

เพราะทุกเรื่องที่ผิดปกติจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยความระมัดระวังของมู่เฉิน เขาจะไม่เข้าสู่สิ่งที่ท้าทายตรรกะผิดธรรมชาติ นั่นเพราะมีโอกาสที่จะเอาชีวิตไปทิ้ง

ครืน!

การระเบิดของคลื่นหลิงที่รุนแรงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากซากอารยธรรมความตาย พวกมู่เฉินที่อยู่ภายนอกยังสามารถมองเห็นการต่อสู้วุ่นวายที่ระเบิดในความมืด

“ได้เวลาแล้ว!” ครู่หนึ่งมู่เฉินก็พูดออกมา เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเขาเริ่มรู้สึกว่าระลอกคลื่นรัศมีจั้นยี่ที่พุ่งออกมาจากซากอารยธรรมโบราณเริ่มอ่อนลง

“ไป!”

ทันทีที่สิ้นเสียงมู่เฉิน บนยอดเขาที่กองทัพหมู่ตึกเทวะตั้งอยู่ จินไถหลิวหลีก็พูดออกมาเบาๆ เช่นกัน

ตู้ม!

เมื่อสิ้นเสียงของนาง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่กองทัพทรงพลังเริ่มเคลื่อนตัวออกมา ราวกับก้อนเมฆพลุ่งพล่านเข้าไปในซากอารยธรรมความตาย

หมู่ตึกเทวะเคลื่อนไหวแล้ว

หลังจากการเคลื่อนไหวของหมู่ตึกเทวะ ตำหนักสุดนภาก็เคลื่อนกำลังพลเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งจินไถหลิวหลีและเซียวเทียนก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นเช่นกัน

“เร็วนะเนี่ย” จ้องมองคนเหล่านั้น มู่เฉินก็ยิ้มบางก่อนจะหันมาพูดกับพรรคพวก “เมื่อเข้าไปในซากอารยธรรมความตาย พวกเราพยายามเกาะกลุ่มกันไว้ให้ดี”

“ตกลง!” เหล่าผู้บัญชาการไม่ได้ปฏิเสธคำพูดนี่ ต่างพากันพยักหน้ารับ พวกเขาเข้าใจกันดีว่าการเข้าไปในดินแดนอันตราย ทางที่ดีที่สุดก็คือรวมกันอยู่ เพื่อจะสามารถประกันความปลอดภัยของกันและกันได้

“ลุย!”

เมื่อเห็นการตอบรับของพรรคพวก มู่เฉินก็ยิ้ม จากนั้นไม่ลังเลอีก เขาโบกมือส่งสัญญาณ ร่างทะยานออกไปเป็นคนแรก ตามด้วยเหล่าผู้บัญชาการและกองทัพที่เบื้องหลัง

พวกเขาราวกับเมฆดำที่พัดข้ามขอบฟ้า ในเวลาสิบกว่าลมหายใจก็มาปรากฏที่รอบนอกซากอารยธรรมความตาย ความดำมืดที่ไหลเอื่อยภายในปล่อยความเย็นยะเยือกไม่รู้จบ ส่งไอเย็นสุดขั้วไปยังหัวใจของผู้คน

ทว่าความมืดมิดไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนทัพได้ ตรงกันข้ามรัศมีน่าทึ่งของกระบวนทัพยิ่งใหญ่กลับกำจายออกไปปัดเป่าความมืดมิด เผยให้เห็นดินแดนสีดำเลือนรางที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมายบนพื้นดิน

มู่เฉินจ้องมองโครงกระดูกเหล่านั้น สายตาก็หดเกร็ง เพราะเขาสังเกตเห็นว่าโครงกระดูกเหล่านั้นตั้งท่าเหมือนกัน แม้จะตายไป แต่ก็ราวกับก้อนหิน ไม่ขยับเขยื้อนเลย

นี่คือกองทัพ

นอกจากนี้ยังเป็นกองทัพที่ไม่เกรงกลัวต่อให้เผชิญกับความตาย

จั้นเจิ้นซือที่สามารถบัญชากองทัพเช่นนี้ได้ต้องเป็นจอมยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

สายตาของมู่เฉินลุกโชนขณะจ้องมองเข้าไปในจุดลึกของความมืด ในซากอารยธรรมความตายจะต้องมีจั้นเจิ้นซือสิ้นชีพอยู่ที่นั่นแน่ ถ้าเข้าได้รับโชคชะตานั่น เขาอาจจะก้าวขึ้นเป็นจั้นเจิ้นซือที่แท้จริงก็เป็นได้!

เมื่อไรที่เขากลายเป็นจั้นเจิ้นซือ สถานะของเขาในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็คงจะอยู่เหนือกว่าเหล่าผู้บัญชาการทั้งหมด!

ความคิดร้อนแรงวูบวาบขึ้นในหัวใจของมู่เฉิน จากนั้นโดยไม่ลังเลร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงทะยานเข้าไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว ตามติดด้วยกองทัพขนาดมหึมาที่ราวกับสายธารเชี่ยวกราก ทุกคนถูกกลืนกินเข้าไปในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์

เมื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ หมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภา เคลื่อนทัพเข้าสู่ซากอารยธรรมความตาย ความมืดก็พุ่งขึ้นในจุดที่ลึกที่สุด ในความเลือนรางเหมือนจะมีเสียงคำรามที่ฟังไม่ใช่เสียงมนุษย์ดังขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยการทำลายล้าง

ระลอกความมืดกระเพื่อม ในส่วนลึกเหมือนจะมองเห็นบัลลังก์ศิลาปรากฏขึ้น ซึ่งมีร่างหุ้มด้วยชุดเกราะสีดำนั่งนิ่งอยู่บนนั้น ผมสีขาวโพลนปล่อยสยาย ไอสีดำไหลเวียนรอบตัว คลื่นแห่งการทำลายล้างแผ่ไปทั่วร่างของเขา

ในความมืดมิด เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาสีแดงก่ำอัดแน่นด้วยความวิปโยค

“สมรภูมิของข้า… ใครที่บุกรุกเข้ามาต้องตาย!”

ในความมืดมิดเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารกำจายออกมาอย่างน่าขนลุก

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset