หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1003 เก็บเกี่ยว

ในมิติเหลื่อมซ้อน

เส้นแสงนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียน แก่นหยดสายฟ้ากะพริบวูบไหวด้วยแสงสีเงิน เสียงฟ้าร้องดังก้อง

ฟิ้ว!

บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเส้นแสง ร่างทั้งห้าเดินทางอย่างรวดเร็ว แรงดูดทรงพลังระเบิดจากพวกเขาแต่ละคนดึงเส้นแสงใกล้เคียงเข้าไป

ปัง! ปัง!

เมื่อเส้นแสงพุ่งเข้ามาปะทะ ความเจ็บปวดมหาศาลก็ตีขึ้น เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่ว แต่ละเสียงช่างเศร้าสลด ทำให้ทั่วมิติดูน่าขนลุกยิ่งนัก ทำให้เลือดของคนฟังเย็นเยือกลง

แต่ที่เบื้องหน้าของร่างแสง มู่เฉินซึ่งเป็นผู้นำนั่งเงียบๆ บนเบาะสายฟ้า แรงดูดที่ระเบิดออกมาจากร่างทรงพลังที่สุด ดังนั้นเส้นแสงที่เขาดึงเข้ามาก็มากที่สุดในหมู่ทั้งห้าคนด้วย

ด้วยลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ปกป้องร่างกาย เขาจึงไม่ได้กังวลมากเหมือนกับหานซัน จงเถิง มั่วเฟิงและสีคุน ไม่ว่าอย่างไรให้เขาได้เพลิดเพลินกับสิ่งนี้เสียก่อน

ปุ! ปุ!

เส้นแสงหลายสายพุ่งเข้าใส่แล้วยิงเข้าสู่ร่างกาย เมื่อแก่นสายฟ้าเข้ามาเขาก็ถูกความเจ็บปวดรุนแรงเล่นงานไปทั่ว ร่างกายถูกปกคลุมด้วยเลือด จากหัวจรดเท้าไม่มีชิ้นเนื้อดีเลย เขาดูขาดวิ่นมองไม่เห็นรูปลักษณ์ได้

ขณะที่ร่างกายถูกเฉือนทำลาย ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนก็กะพริบวูบไหวด้วยสีม่วงทอง ราวกับว่าพวกมันมีความสุขและเขมือบพลังงานของแก่นสายฟ้าที่เข้ามาในร่างกายของมู่เฉินอย่างไม่เคยอิ่ม ในเวลาเดียวกันเทพอสูรทั้งสองยังส่งเสียงคำราม ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดรุนแรงของมู่เฉิน

ทว่าแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากลวดลายเทพอสูรทั้งสอง มู่เฉินก็ยังคงถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดรุนแรงจนถึงจุดที่เขาวิงเวียน ได้แต่พึ่งพาสัญชาตญาณและความมุ่งมั่นในการดึงเส้นแสงเข้ามาหา

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการดูดของเขายังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายทุกเส้นแสงที่วิ่งผ่านเขาก็จะถูกดูดเข้าไปทั้งหมด

การดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งของเขา ทำให้สี่คนที่อยู่ไกลออกไปหนังหัวชาหนึบ เมื่อมองไปที่ร่างที่ปกคลุมด้วยเลือดและแก่นสายฟ้า พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ

ชายคนนี้เป็นคนบ้าชัดๆ!

แม้พวกเขาจะมีร่างกายเทพอสูรก็ยังไม่กล้าที่จะดูดซับด้วยวิธีนี้ แต่ในฐานะมนุษย์มู่เฉินกลับประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นการกระทำของเขา คนอื่นๆ ก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้…

ตกลงใครกันแน่ที่เป็นเทพอสูร?

คนอื่นเหลือบตามองในระยะไกล ขณะนี้พวกเขาเข้าใกล้รัศมีแสงมากขึ้นแล้ว ยามนี้พวกเขาเดินทางมาได้เกินครึ่งทาง ดังนั้นคงอีกไม่นานพวกเขาก็จะเข้าสู่ชั้นสี่ของเจดีย์ ในเวลานั้นโอกาสสำหรับการชำระล้างร่างกายก็จะหายไปเช่นกัน

แต่ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าโอกาสเหลืออีกไม่มาก แต่ทั้งสี่ก็ส่ายหัวค่อยๆ ลดอัตราการดูดลง นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของพวกเขาเริ่มไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการชำระล้างนี้ได้แล้ว

หากพวกเขาฝืนทำก็อาจทำลายร่างแทน ซึ่งผลกำไรนี้จะไม่ชดเชยกับความสูญเสียเลย

สำหรับมู่เฉิน…เขาคงมีวิธีพิเศษบางอย่าง มิฉะนั้นเขาไม่มีทางบ้าคลั่งถึงระดับนี้แน่นอน

“สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อเขาจริงๆ!”

ใบหน้าของจงเถิงมืดครึ้มลง เพราะเขาตระหนักได้ว่ามู่เฉินคนที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกลับแซงหน้าเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเข้ามาในเจดีย์ฝึกพลังกาย ทำให้เขาได้แต่อ้าปากกินฝุ่น

“ในชั้นสี่ข้าต้องหาวิธีกำจัดมันให้ได้” จิตสังหารเพิ่มขึ้นในหัวใจของจงเถิง มู่เฉินได้รับผลประโยชน์มากเกินไปแล้ว ถ้ายังปล่อยดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มู่เฉินอาจจะได้รับอาวุธเทพไป ถึงตอนนั้นกระทั่งเขาก็คงต้องหลบหนีไป

ขณะที่จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นในหัวใจจงเถิง เบาะสายฟ้าทั้งห้าก็ยังคงเดินทางต่อไป แต่คราวนี้ความเร็วในการดึงเส้นแสงของคนอื่นๆ เริ่มลดลง โดยที่มู่เฉินบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาต้องการได้รับแก่นสายฟ้าทั้งหมดของมิตินี้

ดวงตาของทั้งสี่คนแดงก่ำจากการมอง ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจหลับตาให้รู้แล้วรู้รอด สิ่งที่ตาไม่เห็นก็ทำให้หัวใจไม่โศกเศร้า

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในลักษณะแบบนี้ พักใหญ่คนอื่นๆ ก็รู้สึกถึงบางสิ่งจึงลืมตาขึ้นมา ที่เบื้องหน้าพวกเขารัศมีทรงกลดของเจดีย์ฝึกพลังกายชั้นสี่ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น เส้นแสงก็ลดลงไปเช่นกัน

พวกเขาหันหัวกลับไปมองเส้นแสงที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความเสียดาย ทว่าพวกเขาไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงถอนความเสียดายในใจทิ้งอย่างรวดเร็ว เริ่มตรวจสอบพัฒนาการในร่างกายของตนทันที

การตรวจสอบทำให้เกิดความปีติยินดีบนใบหน้าทุกคน เพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไร้ขอบเขตในร่างกาย นอกจากนี้ร่างกายของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นจากการชำระล้างนี้

การชำระล้างด้วยแก่นสายฟ้า ทำให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากมาย

ขณะที่พวกเขามีความสุขจากพัฒนาการนี้ มู่เฉินที่นั่งอยู่บนเบาะสายฟ้าหน้าสุดก็เปิดดวงตาขึ้น เมื่อดวงตาเปิดออกร่างเขาก็เปล่งประกายแสงสีทองทันที

ขณะที่แสงสีทองพวยพุ่งขึ้น ร่างกายขาดวิ่นก็ฟื้นสภาพในทันที ลวดลายสีทองก่อตัวขึ้นบนผิวหนังของเขา ราวกับเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าซึ่งดูแปลกประหลาดอย่างมาก

เขาก้มศีรษะมองลงไปที่แขน ริ้วแสงสีม่วงทองของลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ลึกล้ำยิ่งขึ้น มังกรแท้จริงยกกรงเล็บขึ้นซึ่งดูคมชัดกว่าเดิมปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงเปล่งรัศมีคมกริบไม่อาจอธิบายได้ ดูราวกับว่าสามารถทะลุผ่านมิติได้

ปีกหงส์ฟ้าแท้จริงที่ปรากฏก็ดูงดงามยิ่งนัก เมื่อกางออกก็ดูราวกับว่าสามารถบินได้หมื่นลี้ในพริบตา ครอบคลุมผืนฟ้าและผืนดิน…

โดยเฉพาะดวงตาของมังกรและหงส์ฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับรอยแยกเล็กๆ ก่อนหน้า ดวงตาของพวกมันเปิดเกือบจะถึงกึ่งหนึ่งแล้ว แสงสีทองที่อยู่ใต้เปลือกตาทำให้รู้สึกเคารพบูชา

เห็นได้ชัดว่ามังกรและหงส์ฟ้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากผ่านการชำระล้างแก่นสายฟ้านี้

เมื่อมู่เฉินสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะปลื้มปีติในหัวใจ ก่อนที่จะกำมือลงอย่างช้าๆ เมื่อนิ้วมือทั้งหมดกำเข้าหากัน ก็ดูเหมือนมีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำลายภูเขาได้รวบรวมขึ้นอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินเหวี่ยงกำปั้นออกเบาๆ โดยไม่มีแรงกระเพื่อม แต่เส้นทางของกำปั้นทำให้มิติเกิดการบิดเบี้ยว นี่เป็นพลังที่เขาพึ่งพาพลังกายเพียงอย่างเดียว เป็นหมัดที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก

รอยยิ้มพึงพอใจเผยบนใบหน้าของมู่เฉิน ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ถูกทรมานอย่างเปล่าประโยชน์ ผลของการชำระล้างด้วยแก่นสายฟ้าแข็งแกร่งกว่าผลที่ได้จากสามชั้นแรกรวมกันเสียอีก

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผ่านประสบการณ์ทรมานร่างกายของแต่ละชั้นมาได้ บางทีแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในตอนนี้ ก็คงยากสำหรับเขาที่จะทนรับความเจ็บปวดรุนแรงนี้ได้

หลังจากตรวจสอบพัฒนาการของตนเสร็จ มู่เฉินก็ยืนขึ้นบนเบาะมองไปที่วงแสงชั้นสี่

ไม่ไกลกันจากทางซ้ายและทางขวาทั้งสี่คนก็ตามมาทันพลางเลื่อนสายตามองไปที่มู่เฉิน แม้ว่าจะไม่มีสีหน้าท่าทางใดๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยขึ้นในใจ

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่ามู่เฉินอันตรายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพูนขึ้นมากหลังผ่านการชำระล้าง

แสงเย็นเยือกวาบผ่านดวงตาของจงเถิง ดูเหมือนว่าพลังของมู่เฉินจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เขาผ่านแต่ละชั้น เมื่อเขาเห็นมู่เฉินครั้งแรกก่อนที่จะเข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกาย แม้ว่ามู่เฉินจะมีความสามารถบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา

แต่ใครจะคิดว่าหลังจากผ่านมาสามชั้น มู่เฉินกลับทำให้เขารู้สึกอันตรายขึ้นทีละน้อย…ละน้อย พัฒนาการที่มีน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

“ต้องหาโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามนี้ให้ได้!”

จงเถิงกัดฟัน จิตสังหารในใจก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

มู่เฉินยืนอยู่บนเบาะสายฟ้าก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร เขาเหลือบมองจงเถิงที่มีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกเล็กน้อยเช่นกัน จงเถิงสร้างปัญหาให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนเขาจะต้องหาโอกาสลงมือจัดการอีกฝ่ายแล้ว

หากเขาต้องการกำจัดศัตรูประเภทนี้ ก็ต้องจัดการให้หมดจด

ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา เมื่อเปรียบเทียบกับโอกาสในเจดีย์ฝึกพลังกาย จงเถิงเป็นเรื่องที่ไม่ควรยกขึ้นมาพิจารณา ซึ่งชัดเจนว่ามู่เฉินแยกปัจจัยนี้ออกได้

ขณะที่ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของมู่เฉิน สายตาของหานซันก็ร้อนระอุขึ้น เมื่อเขามองไปที่รัศมีแสงที่เชื่อมโยงไปยังชั้นสี่ ก่อนที่ร่างจะทะยานหายเข้าไปในรัศมีแสง

หลังจากนั้นอีกสามคนก็ตามไปอย่างกระชั้น ขณะที่พุ่งเข้าไปในรัศมีแสง

เมื่อมองไปที่ร่างเงาที่หายไป มู่เฉินก็ยิ้มบาง ความคาดหวังกะพริบในดวงตา เขาได้รับประโยชน์มากมายจากสามชั้นแรกแล้ว ไม่รู้ว่าในชั้นสี่จะมีการทดสอบประเภทใดรอเขาอยู่

มู่เฉินถูแขนตนเองเบาๆ หากเขายังมีความลังเลใจเกี่ยวกับกายามังกรหงส์ที่จะถึงขั้นสองก่อนหน้า ตอนนี้เขาก็มั่นใจแน่นอนแล้ว

ตราบใดที่เขาบรรลุคัมภีร์หลงเฟิ่ง คนอย่างจงเถิงก็ไม่เป็นภัยคุกคามในสายตาอีกต่อไป ในเวลานั้นการกำจัดจงเถิงก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็ยิ้มบาง จากนั้นเท้าแตะลงบนเบาะส่งแรงทะยานออกไปราวกับกระเรียนยักษ์ เข้าใกล้รัศมีทรงกลดชั้นสี่ของเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ

เจดีย์ฝึกพลังกายชั้นสี่ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset