หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1005 จุดไฟตะเกียงทองแดง

บนจัตุรัสโบราณ

ร่างทั้งห้าที่นั่งเงียบๆ ก็เปิดตาขึ้นพร้อมเพรียงกัน ช่วงเวลาที่เปลือกตาเปิดออกแสงสีแดงบางจางก็กะพริบวูบไหวบนพื้นผิวของร่างกาย แสงเหล่านั้นไม่ใช่แสงหลิง แต่เป็นการแสดงออกของกระแสเลือดและรัศมีในร่างกายมาถึงจุดสุดยอด

เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลานี้ทั้งห้าคนปรับสภาพได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว

แสงสีแดงจางๆ ห่อหุ้มพวกเขา สีคุนเผ่าอสูรกุญชรก็ยืนขึ้นเป็นคนแรก เขามองไปที่แผ่นหินสีดำด้วยสายตาร้อนแรงและยิ้ม “ในเมื่อไม่มีใครเริ่มก่อน งั้นข้าขอทดสอบตำนานศิลาอันแข็งแกร่งนี่เอง!”

เมื่อทั้งสี่ได้ยินคำพูดนี่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเวลานี้ไม่มีความหมายในการแย่งลำดับ เนื่องจากพวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน สีคุนก็ก้าวออกไปพลางสูดหายใจลึกที่เบื้องหน้าแผ่นศิลาสีดำ จากนั้นก็กำหมัดแน่น

ตู้ม!

แสงสีแดงระเบิดออก ร่างกายของสีคุนก็ขยายขนาดอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อพองตัวราวกับเหล็กโดยที่มีเส้นเลือดเต้นยุบยับประหนึ่งมังกรเคลื่อนอยู่บนผิว

แม้ว่าจะไม่มีระลอกคลื่นหลิงใดๆ แต่พลังที่ระเบิดจากสีคุนก็ยังทรงประสิทธิภาพมาก

แต่หลังจากการหมุนเวียนพลังของตัวเอง สีคุนก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น มือทั้งสองประสานกัน แสงสีเลือดค่อยๆ รวมตัวกันก่อตัวเป็นอักขระสีแดงเลือดบนพื้นผิว ทำให้สีคุนดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

“นี่คืออักขระโลหิตของเผ่าอสูรกุญชร การปลุกสายเลือดของพวกเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้ชั่วคราว” มั่วเฟิงอธิบายให้มู่เฉินฟังจากด้านข้าง

มู่เฉินพยักหน้า เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของสีคุนแข็งแกร่งขึ้นในเวลานี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดหน่อย เนื่องจากเทพอสูรเหล่านี้ได้รับพรจากสวรรค์อย่างแท้จริงในแง่ของพลังกาย

“ไม่รู้ว่าสีคุนจะจุดตะเกียงได้กี่ดวง?”

ขณะที่ความคิดนี้แวบขึ้นในใจของมู่เฉิน สีคุนก็กระทืบเท้าลงบนพื้น ทำให้จัตุรัสโบราณถึงกับโยกคลอน จากนั้นร่างเขาก็พุ่งออกไปอย่างดุร้ายประหนึ่งช้างปีศาจที่ยาตราบนขอบฟ้า ต้องการทำลายฟ้าดินให้แหลกลาญ

ตู้ม!

สีคุนต่อยออกพร้อมกับรัศมีสีแดงหมุนเวียนบนกำปั้น ในเส้นทางการเคลื่อนที่ของหมัด มิติกระเพื่อมไหว เสียงแสบแก้วหูระเบิดออก ด้านหลังเขาเงาช้างยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นช่างดูดุร้ายและน่ากลัว ทำให้คนมองรู้สึกหวาดกลัว

ปัง!

หมัดของสีคุนซึ่งบรรจุพลังทั้งหมดไว้ก็ทำลายบรรยากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ กระแทกบนแผ่นศิลาสีดำอย่างหนักหน่วง ภายใต้สายตากังวลใจของสี่คน

ทันทีที่เกิดการปะทะกัน เสียงคำรามลึกก็ดังขึ้น ระลอกคลื่นดูเหมือนแผ่ออกจากศิลาพลังยุทธ์ ทว่าตัวแผ่นหินไม่ได้ขยับเขยื้อน

ฟู่ ฟู่!

เมื่อระลอกคลื่นกระจายออกไป มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็มองเห็นตะเกียงดวงแรกลุกโชนด้วยเปลวไฟ

เปลวไฟมีสีแดงสดเต็มไปด้วยความผันผวนของรัศมีโลหิตราวกับว่ามาจากกำปั้นของสีคุน

ปุ! ปุ! ปุ!

หลังจากตะเกียงทองแดงดวงแรกจุดขึ้น อีกสามดวงถัดมาก็สว่างขึ้นตามมา ทว่าเมื่อถึงตะเกียงดวงที่ห้าก็เกิดการชะลอตัวลง ควันสีแดงจากตะเกียงดวงที่ห้าลอยเคว้งคว้าง ประกายไฟเส้นเล็กปรากฏขึ้น สุดท้ายหลังจากผ่านการรวมตัวไปสักพักตะเกียงดวงที่ห้าก็สว่างอย่างสมบูรณ์

ตะเกียงทองแดงดวงที่ห้าสว่างขึ้นแล้ว!

คนอื่นไม่ได้เคลื่อนไหว สายตาจดจ้องไปที่ตะเกียงทองแดงดวงที่หก ด้วยความแข็งแกร่งของสีคุน การจุดตะเกียงห้าดวงเป็นไปตามคาดหมาย ส่วนดวงที่หกเป็นจุดสำคัญที่สุด

ชี่ ชี่!

ต่อจากตะเกียงดวงที่ห้า ประกายไฟก็พล่านเข้าไปปรากฏในดวงที่หก พวกมันรวมตัวกันด้วยความยากลำบากก่อนที่จะปล่อยเปลวไฟเล็กๆ ออกมาอย่างช้าๆ ภายใต้ดวงตาแดงก่ำของสีคุน

แต่ขณะที่เปลวไฟกำลังจะพวยพุ่งก็เกิดการพลิ้วไหวก่อนจะดับวูบกลับมามืดมนดังเดิม

ตะเกียงทองแดงดวงที่หกจุดไม่ติด!

ใบหน้าของสีคุนซีดเผือดทันใด ความไม่เชื่อพล่านเต็มสายตาไปหมด พลังเต็มเปี่ยมของเขาไม่สามารถทำให้ตะเกียงดวงที่หกส่องสว่างขึ้นได้เรอะ?

เมื่ออีกสี่คนเห็นภาพนี้ สายตาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลง ในการคาดเดาสีคุนน่าจะมีโอกาสทำให้ตะเกียงดวงที่หกส่องสว่างได้ แต่ไม่คิดว่าสีคุนจะล้มเหลว

ฮึ่ม!

ขณะที่พวกเขาถอนหายใจ แผ่นศิลาสีดำก็สั่นเบาๆ รัศมีปั่นป่วนไหลทะลักออกมาผ่านเข้านาสิกประสาทของสีคุน

ร่างของสีคุนแข็งทื่อทันใด ช่วงเวลานั้นรัศมีรอบตัวเขาเดือดพล่านอย่างรวดเร็ว รัศมีสีแดงกวาดไปทั่วร่าง ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจรัศมีที่กำจายออกมาจากร่างกายสีคุนก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

“นี่คือแก่นเทพอสูรกลืนฟ้าเหรอ?” เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็เปล่งประกายด้วยความปรารถนา นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าในเวลาสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ การเสริมสร้างร่างกายของสีคุนแข็งแกร่งยิ่งกว่าการชำระล้างด้วยแก่นสายฟ้าเสียอีก

แก่นเทพอสูรกลืนฟ้าเป็นอาหารบำรุงร่างกายยอดเยี่ยมจริงๆ

ถ้าสีคุนได้รับโอกาสอีกครั้งในการชกพลังใส่ศิลาพลังยุทธ์ เขาอาจจะมีโอกาสถึงแปดส่วนที่จะทำให้ตะเกียงส่องสว่างได้ถึงหกดวงและได้รับสิทธิ์เข้าสู่ชั้นต่อไป

แต่น่าเสียดาย …

สีคุนเองก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นแสงเบาบางก็ล้อมรอบตัวก่อนที่เขาจะหายวับไป เห็นได้ชัดว่าเขาถูกคัดออกทันทีที่ไม่สามารถจุดตะเกียงได้ครบหกดวง

มู่เฉินและคนอื่นๆ มองสีคุนที่ล้มเหลวถูกไล่ออกจากเจดีย์ บรรยากาศก็เงียบงันในเวลานี้ ทว่าสายตาของพวกเขาเปลี่ยนเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น

ความเงียบดำเนินไปชั่วครู่ก่อนจงเถิงจะเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าขอท้าเป็นคนที่สองเอง”

พูดจบก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าศิลาพลังยุทธ์ เขาตั้งสมาธิ จากนั้นแสงก็พุ่งพรวดออกมาจากร่าง ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นกระเรียนขนาดหลายพันจั้งเมื่อแสงระเบิดออกมา

จงเถิงถึงกับนำร่างเทพอสูรออกมาเลย!

กระเรียนยืนไว้สง่าบนท้องฟ้า ปีกสีทองจางเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและอำนาจ

กีด!

เสียงร้องอันไพเราะดังก้องไปทั่วฟ้าดิน อึดใจกระเรียนทองคำก็กดกรงเล็บลง ซึ่งเหมือนว่ากำลังแทงทะลุผ่านมิติและสามารถแยกภูเขาผ่ามหาสมุทรได้

ตู้ม!

กรงเล็บขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีทองปะทะกับแผ่นศิลาสีดำอย่างหนักหน่วง ใต้กรงเล็บแผ่นหินดูเล็กจ้อยนัก ทว่าถึงจะถูกจะเป็นวัตถุขนาดเล็กก็ยืนหยัดอยู่ในจัตุรัสนี้ได้ แม้กระทั่งกระเรียนขนาดมหึมาก็ไม่สามารถขยับมันสักนิด

ทว่าพลังมหาศาลยังคงแผ่มาจากกรงเล็บ ถูกส่งไปยังศิลาพลังยุทธ์

ฟู่! ฟู่!

ทันใดนั้นตะเกียงทองแดงแต่ละดวงก็ลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจตะเกียงทองแดงดวงที่ห้าก็สว่างขึ้น ชัดว่าทั้งเร็วและดุร้ายยิ่งกว่าสีคุนเมื่อครู่เสียอีก

หลังจากตะเกียงดวงที่ห้าส่องสว่าง ประกายไฟก็ปรากฏขึ้นในดวงที่หก สุดท้ายประกายไฟรวมตัวกันในที่สุดภายใต้การจ้องมองของทั้งสามคน ตะเกียงก็สว่างขึ้นอย่างสมบูรณ์

ตะเกียงทองแดงดวงที่หกส่องสว่างแล้ว!

เมื่อตะเกียงทองแดงดวงที่หกโชนแสง เสียงโกลาหลก็ระเบิดขึ้นจากด้านนอกเจดีย์ เหล่าจอมยุทธ์ต่างร้องอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ จงเถิงเป็นอัจฉริยะตัวจริง เขาสามารถทำในสิ่งที่สีคุนทำไม่ได้

ภายใต้เสียงอื้ออึง สีหน้าของพวกหลิ่วชิงก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ในที่สุดพวกเขาก็ฟื้นพลังใจขึ้นมาได้หลังจากที่ถูกมู่เฉินกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจมดิน

“ชายคนนั้นน่าเกรงขามจริงๆ” ในจัตุรัสโบราณมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า แม้ว่าจงเถิงจะน่ารังเกียจ แต่ก็ต้องยอมรับความแข็งแกร่งของเขา

มั่วเฟิงพยักหน้ายอมรับความแข็งแกร่งของจงเถิงเช่นกัน

ฮึ่ม!

ขณะที่พวกเขาพูดแผ่นศิลาสีดำก็สั่นไหว รัศมีปั่นป่วนหลั่งไหลออกไป พุ่งเข้าหากระเรียนตัวมหึมา

กระเรียนซึมซับแก่นเทพอสูรกลืนฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ทันใดนั้นแสงสีทองก็ระเบิดออกจากร่าง สีทองคำบนปีกเข้มข้นขึ้น

ขณะที่แสงสีทองไหลเวียน กระเรียนยักษ์ก็หดตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ปรากฏตัวบนจัตุรัสอีกครั้ง

จงเถิงเอามือไพล่หลังมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ขณะมองมั่วเฟิงและมู่เฉินก็ยกยิ้มบาง “ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”

แม้ว่าคำพูดจะดูราบเรียบ แต่ความภาคภูมิใจที่ซ่อนอยู่ภายในก็ไม่สามารถปกปิดได้

มั่วเฟิงปราดมองก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่ตอบอะไร

เขายืนอยู่เบื้องหน้าแผ่นศิลาไม่ได้มีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพียงแค่ซัดฝ่ามือออกไปแบบเรียบง่าย แต่เมื่อซัดออกไปนิ้วมือของมั่วเฟิงก็กลายเป็นขนหงส์ฟ้าสีทองที่คมชัดเป็นพิเศษ สามารถมองเห็นได้เลือนรางราวกับถุงมือขนหงส์ฟ้าอย่างไรอย่างนั้น

ในฝ่ามือนั้นเสียงหงส์ฟ้าดังก้องออกมา

ตึง!

ฝ่ามือกระแทกกับแผ่นศิลาอย่างหนักหน่วง เกิดการกระเพื่อมก่อนที่ตะเกียงทองแดงจะลุกโชนทีละดวง…ละดวง

ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจตะเกียงก็สว่างขึ้นห้าดวงแล้ว

หลังจากนั้นประกายไฟก็ปรากฏขึ้นในตะเกียงทองแดงดวงที่หกก่อนที่จะลุกโชติช่วง

จงเถิงขมวดคิ้ว แม้เขาจะรู้ว่ามั่วเฟิงเป็นคนที่น่าเกรงขาม แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้ตะเกียงทองแดงหกดวงส่องสว่างขึ้นอย่างง่ายดาย ความสำเร็จของมั่วเฟิงอยู่ในระดับเดียวกับเขา

แต่ขณะที่ความคิดนั้นแวบเข้ามาในใจ ดวงตาจงเถิงก็หดลงเมื่อเห็นว่าหลังจากที่ตะเกียงดวงที่หกส่องสว่างขึ้นก็ยังไม่หยุด ประกายไฟแล่นเข้าไปในตะเกียงดวงที่เจ็ด ทว่าภาพนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป

ทว่าภาพนี้ชัดว่าน่าตื่นตายิ่งกว่าจงเถิงก่อนหน้าซะอีก!

มั่วเฟิงมีคุณสมบัติที่จะจุดตะเกียงดวงที่เจ็ดได้!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset