หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1008 จุดไฟตะเกียงทั้งเก้า

“ระเบิด!”

เมื่อเสียงแหบพร่าสะท้อนจากลำคอของมู่เฉิน แสงสีทองพร่างพราวก็ระเบิดตูมตามจากศิลาพลังยุทธ์ แต่ลำแสงไม่ได้เบ่งบานจากพื้นผิวของแผ่นศิลา กลับปะทุขึ้นจากภายในส่วนลึก…

ทุกสรรพสิ่งไม่ว่าภายนอกพื้นผิวจะแข็งแกร่งเพียงใด ภายในมักจะอ่อนแอกว่าเสมอ ซึ่งแผ่นศิลาสีดำที่อยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อแสงสีทองระเบิด แผ่นศิลาก็สะท้านไหว แรงสั่นสะเทือนไปไกลเกินกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ไม่ไกลนักหานซัน มั่วเฟิงและจงเถิงก็รู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อเห็นแผ่นศิลาสะเทือนรุนแรง นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกถึงการระเบิดเฉียบพลันจากภายในแผ่นศิลาเช่นกัน

จากประสบการณ์ พวกเขารู้ดีว่าพลังงานต้องถูกทิ้งไว้ในแผ่นศิลาจากหมัดมู่เฉินก่อนหน้า ซึ่งถูกดูดซึมเข้าสู่ศิลาพลังยุทธ์

ทว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพลังที่แผ่นศิลาดูดซับจึงยังเกิดการระเบิดได้โดยมู่เฉิน

เพราะตามสถานการณ์ปกติ ทุกแรงที่ซัดใส่แผ่นศิลาจะดูดซับ เนื่องจากแผ่นศิลานี้ทำมาจากเลือดเนื้อของเทพอสูรกลืนฟ้า ดังนั้นแผ่นศิลาจึงมีความสามารถในการย่อยอาหารที่น่ากลัว ตราบใดที่ไม่ได้เป็นพลังงานเหนือชั้นกว่าก็จะถูกกลืนกินจนหมดจดในพริบตา

แต่…ทำไมครั้งนี้พลังของมู่เฉินถึงไม่ถูกกลืนกิน กลับถูกควบคุมให้ระเบิดแทน?

ตึง!

ขณะที่ในใจพวกเขาว่างเปล่าไปหมด ตะเกียงทองแดงดวงสุดท้ายก็สั่นไหว ทันใดนั้นดวงตาทั้งสามคู่ก็เพ่งมองไป สายตาจ้องเขม็งที่ตะเกียงดวงที่เก้า เนื่องจากในตอนนี้มีสะเก็ดไฟปรากฏขึ้นในตะเกียงที่มืดมิด

แม้ว่าสะเก็ดไฟเหล่านั้นจะเล็กจ้อย แต่ก็เป็นของจริง ซึ่งหมายความว่ามู่เฉินกำลังพยายามจุดตะเกียงดวงที่เก้า!

นอกจากนี้ดูเหมือนเขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จด้วย!

แต่…เป็นไปได้ยังไง?!

จงเถิงใบหน้าบิดเบี้ยวไปเลยทีเดียว ตัวเขาทำได้เพียงแค่จุดตะเกียงหกดวงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แม้แต่คนที่ทรงพลังอย่างหานซันก็ทำได้แค่เจ็ดดวงเท่านั้น

แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับสามารถทำให้ตะเกียงดวงที่แปดลุกโชติช่วงและยังส่งสัญญาณว่ากำลังจะจุดตะเกียงดวงที่เก้าอีกด้วย!

จุดไฟตะเกียงทั้งเก้า!

แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไอเย็นยะเยือกก็พรั่งพรูในหัวใจของจงเถิง มีอัจฉริยะมากมายเข้ามาในดินแดนเสินโซ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขารู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจุดตะเกียงทั้งเก้าดวงในเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณและพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีอนาคตไม่ธรรมดา

แต่ตอนนี้มนุษย์ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกกำลังจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้เรอะ?

เป็นไปไม่ได้!

จงเถิงกัดฟัน ขณะที่ไฟริษยาพวยพุ่งในหัวใจ เขาพอยอมรับได้ว่าหานซันดีกว่าเขาเล็กน้อย แต่เขาไม่มีวันยอมรับมนุษย์ที่ต่ำต้อยจะเอาชนะเขาได้ มิเช่นนั้นแล้วเขาในฐานะอัจฉริยะเผ่ากระเรียนฟ้าจะเป็นอะไร? ตัวตลกเรอะ?

จงเถิงจ้องเขม็งไปที่ตะเกียงดวงที่เก้า ความเย็นชาในดวงตาพวยพุ่งราวกับต้องการจะดับประกายไฟในตะเกียง

และภายใต้การจ้องมองของจงเถิง ประกายไฟในตะเกียงดวงที่เก้าก็เหมือนจะหม่นแสงลงราวกับว่ากำลังจะอันตรธานหายไป

เมื่อมั่วเฟิงเห็นภาพนี้ดวงตาก็หดลง ดูเหมือนว่าพลังงานของมู่เฉินจะหมดลงแล้วสินะ? หากเป็นแบบนี้มู่เฉินจะไม่สามารถจุดไฟดวงที่เก้าได้

ทว่าขณะที่ความคิดนี้ไหลเวียนในใจของมั่วเฟิง หมัดของมู่เฉินซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นศิลาก็สั่นไหว เนื้อบนกำปั้นฉีกขาดออกจากกัน เผยให้เห็นกระดูกสีขาวน่าขนลุกขณะที่เลือดสดไหลนอง

กระดูกสีขาวถูกเปิดออก ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นดุดัน เขาคำรามลั่น “ลุกโชนซะ!”

ครืน! ครืน!

ภายใต้เสียงคำราม พลังงานทั้งหมดที่เขาส่งเข้าไปในแผ่นศิลาตอนแรกก็ระเบิดรุนแรง เสียงกัมปนาทดังกึกก้องต่อเนื่อง พร้อมกับการระเบิดครั้งใหญ่ อีกสามคนที่ยืนอยู่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นประกายไฟบนตะเกียงดวงที่เก้าซึ่งกำลังหรุบหรู่ลงกลับมาสว่างสดใสทันตา มิหนำซ้ำยังกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็โชนแสงอย่างสมบูรณ์ในตะเกียงดวงที่เก้า

ไฟในตะเกียงดวงที่เก้าจุดติดแล้ว!

เมื่อตะเกียงดวงที่เก้าสว่างขึ้นสถานการณ์ทั้งในและนอกเจดีย์ก็นิ่งงัน…

หานซัน มั่วเฟิงและจงเถิงจ้องเขม็งที่ตะเกียงทองแดงดวงที่เก้าด้วยใบหน้าตะลึงพรึงเพริด กระทั่งมั่วเฟิงก็ยากที่จะสงบคงใบหน้านิ่งเรียบไว้ได้

ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะจุดไฟตะเกียงดวงที่เก้าได้จริงๆ

ขณะนี้ด้านนอกของเจดีย์นิ่งเงียบ ทุกคนอ้าปากตาค้างด้วยความตกใจฉายบนใบหน้า ขณะที่มองหน้าจอแสงชั้นสี่ สายตาทุกคู่จ้องเขม็งบนตะเกียงทองแดงดวงที่เก้า

ใบหน้าของหลิ่วชิงและจอมยุทธ์เผ่ากระเรียนฟ้าฉายความว่างเปล่า ไฟในตะเกียงดวงที่เก้าเต้นระริกในม่านตาของพวกเขา ความรู้สึกเย็นยะเยือกไม่รู้จบพล่านในใจ

จงเถิงที่สามารถจุดตะเกียงได้หกดวงเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่คนรุ่นใหม่ของเผ่ากระเรียนฟ้า แต่เทียบกับมู่เฉินที่จุดตะเกียงทั้งเก้าดวงได้ เขานับเป็นอะไรได้อีก?

ตะเกียงหกดวงและเก้าดวง

กระทั่งคนอย่างพวกเขาที่ไม่ได้เข้าไปในเจดีย์ยังรู้ถึงความหมายของช่องว่างนี้ แม้ว่าแผ่นศิลาจะแสดงถึงความแข็งแกร่งของพลังกายเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่สงสัยเลยว่าหมัดของมู่เฉินเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดก็จะได้รับบาดเจ็บหนักทันที

ด้วยพลังของระดับจื้อจุนขั้นหกสามารถทำร้ายขั้นเจ็ดได้ด้วยหมัดเดียว

นี่เป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน?

ใบหน้าของจงฮั้วซีดเผือด หากก่อนหน้าที่เขาต่อสู้กับมู่เฉิน แล้วอีกฝ่ายใช้หมัดแบบนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โตแน่นอน…

เมื่อคิดถึงอาการเยาะเย้ยที่มีก่อนหน้า พวกเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก เมื่อตะเกียงทองแดงทั้งเก้าดวงสว่างสุกสกราว พวกเขาก็รู้ว่าอัจฉริยะทั้งหมดที่นี่จะหม่นหมองเมื่อเทียบกับมู่เฉิน

“ชายคนนี้…ทำไมถึงน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้…”

ใบหน้าของหลิ่วชิงซีดเผือดขณะที่พูดออกมาด้วยความยากลำบาก ในเวลานี้ไม่ว่านางจะวาจาคมกริบขนาดไหน นางก็ไม่กล้าเยาะเย้ยเขาอีกแล้ว พลังที่อีกฝ่ายแสดงทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากใจ

ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป

จอมยุทธ์เผ่ากระเรียนฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ นางก็พูดไม่ออก พวกเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามู่เฉินปล่อยพลังน่ากลัวเพียงนี้ได้อย่างไรด้วยขุมพลังระดับจื้อจุนขั้นหก

“พี่ใหญ่มู่เฉินน่าเกรงขามแท้จริง… สุดยอดยิ่งกว่าพี่ใหญ่มากเลย” ขณะที่คนอื่นๆ รู้สึกหวาดกลัวในใจมั่วหลิงก็เบิกตากลมโตกว้าง ดวงตามองตะเกียงทองแดงทั้งเก้าดวงบนหน้าจอภาพด้วยความตะลึงและชื่นชม

ความเคารพนับถือฉายบนใบหน้า นางคิดเสมอว่ามั่วเฟิงโดดเด่นที่สุดในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ แต่เมื่อเทียบกับมู่เฉินแม้แต่มั่วเฟิงก็ด้อยกว่าบ้าง

จิ่วโยวก็สติหลุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ หายจากอาการตะลึงงัน เมื่อนางได้ยินคำพูดของมั่วหลิงก็อดยิ้มไม่ได้ “ขายพี่ชายตัวเองเร็วไปไหม? มู่เฉินต้องใช้ทักษะบางอย่างเพื่อทำให้ตะเกียงทั้งเก้าดวงลุกโชน นอกจากนี้นี่แค่ในแง่ของความแข็งแกร่งทางพลังกาย ไม่ได้แปลว่ามู่เฉินทรงพลังกว่าหานซัน มั่วเฟิงและคนอื่นๆ เพราะสำหรับพวกเขาแล้วความแข็งแกร่งของร่างกายมีสัดส่วนไม่ถึงครึ่งในพลังทั้งหมด”

มั่วหลิงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั่น แต่ความเคารพบนใบหน้าไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะภาพเงาที่ปรากฏบนหน้าจอยังคงท่าการออกหมัดที่คมชัด ทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้

จิ่วโยวยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม นางค่อยๆ ผ่อนคลายหัวใจที่เกลียวแน่นขณะที่มองร่างเงาสูงโปร่งบนหน้าจอก่อนที่ความภาคภูมิใจจะพล่านขึ้นในใจ ผู้อาวุโสในเผ่ามักจะมองมู่เฉินด้วยความดูถูก แต่เมื่อไรที่ได้รู้เกี่ยวกับศักยภาพของมู่เฉินที่แสดงภายในเจดีย์ พวกเขาคงต้องพิจารณาความคิดของตนเองใหม่แล้วสินะ?

ตะเกียงทั้งเก้าดวงสว่างไสวเบื้องหน้าแผ่นศิลา

เปลวไฟเต้นระริกอยู่ในดวงตาของมู่เฉินก็ค่อยๆ สลายสภาพจิตใจว่างเปล่าลง ดังนั้นการสัมผัสต่อโลกภายนอกจึงกลับมาอีกครั้ง อึดใจความเจ็บปวดรุนแรงที่มาจากมือก็ทำเอาใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

เขาค่อยๆ ถอนกำปั้น แสงสีทองก็เริ่มพวยพุ่ง แต่เนื่องจากเขาใช้พลังงานทั้งหมดไป ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงให้ความรู้สึกไม่มีแรง เขาพบว่าไม่มีแรงแม้แต่ขยับเท้า

นี่เป็นสัญญาณของการหมดพลังงานอย่างสมบูรณ์

มุมปากมู่เฉินกระตุกอย่างยากลำบาก ตอนนี้ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่หน้าศิลา พยายามไม่ให้ล้มครืนลงในสภาพที่น่าสมเพช…

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าในร่างกาย ความปั่นป่วนก็ก่อตัวจากแผ่นศิลา รอยแตกสีแดงเลือดปรากฏบนพื้นผิวราวกับเส้นรยางค์

แผ่นศิลาสั่นไหว รัศมียุ่งเหยิงสีแดงสดก็ไหลออกมา

รัศมียุ่งเหยิงนี้ผสมด้วยแก่นหนาแน่นสูงมาก ในเวลาเดียวกันก็มีแก่นโลหิตเทพอสูรกลืนฟ้าบรรจุอยู่ภายใน เพียงแค่มู่เฉินสูดลมหายใจเอารัศมีเข้าไป กำปั้นอาบเลือดก็หายดีในพริบตา

เลือดเนื้อในร่างกายพลุ่งพล่านในเวลานี้ ราวกับว่ากำลังคำรามด้วยความกระหายอยากจะกลืนกินรัศมีนี่!

ดวงตามู่เฉินสว่างวาบ รัศมียุ่งเหยิงนี่มีความหนาแน่นมากกว่าของหานซัน มั่วเฟิงและจงเถิงหลายสิบเท่าเลยทีเดียว!

รางวัลสำหรับการจุดตะเกียงทั้งเก้าดวงเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนอื่นมัวเมา

มู่เฉินเปรมปรีดิ์ในใจและไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเปิดปากดูดซับรัศมีสีแดงสดที่ไหลออกมาจากแผ่นศิลเข้าสู่ร่างกายทันที

ขณะที่มู่เฉินดูดซับรัศมีนี้ ดวงตาของจงเถิงก็เปล่งประกายด้วยแสงเย็น เขาบอกได้ว่ามู่เฉินไม่มีแรงเหลือในตอนนี้แล้ว เขาสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายด้วยการสะบัดนิ้วครั้งเดียว!

แค่คิดได้จงเถิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เท้าก้าวออกไปทันที

เขาต้องแย่งรัศมีสุดยอดนั่นมาให้ได้!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset