หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1015 ลองหมัด

“ถึงตาแกแล้ว…”

เมื่อม่านตาสีดำของมู่เฉินจ้องมา จงเถิงที่มีสีหน้าน่าเกลียดมากก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปครึ่งก้าว ฉากเหลือเชื่อที่ลู่สุยพ่ายแพ้มู่เฉินในหมัดเดียวนั้น ส่งผลกับเขาค่อนข้างมาก

ทว่าจงเถิงก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาจึงสงบใจลงทันที ดวงตาที่จ้องมองมู่เฉินก็ฉายแววเคร่งเครียดและขยาดกลัว หากเมื่อก่อนมู่เฉินเป็นคนที่พอจะเผชิญหน้ากับเขาได้เท่านั้น แต่คนเบื้องหน้าตอนนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงแท้จริง

“ข้าประเมินแกต่ำไป”

เสียงต่ำของจงเถิงดังก้องด้วยความเสียใจในใจ หากเขารู้ว่ามู่เฉินจะมีพัฒนาการเช่นนี้ในเจดีย์ฝึกพลังกาย เขาจัดการอีกฝ่ายไปตั้งแต่แรกแล้ว

ตอนนี้มู่เฉินเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่ามั่วเฟิงและจิ่วโยวเสียอีก

“เรื่องวันนี้ถือว่าข้ายอมแพ้ ข้าจะชดใช้ของเหลวจื้อจุนล้านหยดให้แล้วกัน เราลบเรื่องนี้ซะ เป็นไง?” จงเถิงจ้องตามู่เฉินจากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดอย่างเด็ดขาด

ผู้คนรอบทิศทางฉายสีหน้าพิลึกพิลั่น ใครจะคิดว่าจงเถิงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจจะยอมรับความพ่ายแพ้และคิดจะลบเรื่องไปแบบนี้

แต่ทุกคนก็ไม่ได้แปลกใจมากกับเรื่องนี้ หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของมู่เฉิน แม้แต่จงเถิงก็คงไม่มีความคิดที่จะสู้ในเวลานี้

ลู่สุยถูกชกหมัดเดียวจนถึงจุดที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่ต้องคิดจะได้รับความช่วยเหลือจากจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้า หากเผ่ากระเรียนฟ้าเผชิญหน้ากับเผ่าวิหคโลกันตร์ตามลำพังละก็ พวกเขาเสียเปรียบทุกประตูอย่างเห็นได้ชัด

ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้เพื่อรักษาพลังเอาไว้

แต่มู่เฉินไม่มีสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปกับการยอมแพ้ของจงเถิง สายตาไร้อารมณ์ยังคงจ้องมองไปที่จงเถิง ท่าทางชัดว่าไม่คิดจะจบเรื่องนี้ไปง่ายๆ เนื่องจากเขารู้ดีว่า หากเขาไม่ทำให้คนอย่างจงเถิงรู้สึกเจ็บปวดซะบ้าง จงเถิงก็คงไม่รู้จักจดจำ

เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน จงเถิงก็เข้าใจ ครั้งนี้มู่เฉินคงโกรธมาก ของเหลวจื้อจุนล้านหยดไม่พอจะแก้ไขปัญหาได้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้คิ้วของจงเถิงก็ขมวดเข้าหากัน สายตาเย็นชามองมู่เฉินเช่นกัน เขาไม่คิดจะก้มหัวอีกพูดเสียงเบาว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจงเถิงก็ขอดูหน่อยว่าวันนี้แกจะสามารถเอาชนะข้าด้วยหมัดเดียวแบบลู่สุยได้ไหม หากทำได้ก็เอาชีวิตข้าไปเลย!”

จงเถิงเป็นคนเหี้ยมหาญและเด็ดขาดแท้จริง ในเมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะยอมแพ้ เขาก็โยนความคิดนั้นออกไป หากมู่เฉินต้องการสำแดงพลัง ตัวเขาก็ต้องแสดงพลังออกมาเหมือนกันเท่านั้น ทำให้มู่เฉินรู้ถึงความหมายของความกลัวซึ่งกันและกัน

“เจ้ากล้าใช้ได้”

เมื่อเห็นการตัดสินใจของจงเถิง มู่เฉินก็พยักหน้า เมื่อเทียบกับลู่สุยแล้ว จงเถิงเป็นระดับที่สูงขึ้นไปอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นจอมยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของเผ่ากระเรียนฟ้า นอกจากนี้ชื่อเสียงของเขาก็กระจายออกไปนอกเผ่าอีกด้วย

ตู้ม!

เมื่อตัดสินใจแล้ว จงเถิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แววตาเย็นเยือกลงหลายส่วน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกจากร่าง มีเสียงท่วงทำนองอันไพเราะของกระเรียนยักษ์ดังก้อง

แรงกดดันที่แผ่ซ่านจากจงเถิง ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ฉายสีหน้าหนักใจ แม้จะอยู่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ความแข็งแกร่งของจงเถิงก็ดีเยี่ยม เมื่อเทียบกับลู่สุยเขาแข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจน มิน่าล่ะเขาถึงมีชื่อเสียงเช่นนี้

ทว่าท่าทางของมู่เฉินก็สงบเป็นการตอบสนอง หากเขาไม่ได้บรรลุกายามังกรหงส์ขั้นสอง เขาคงจะต้องกางไพ่ตายทั้งหมดเพื่อจัดการกับจงเถิง อาจจะมากจนจะต้องใช้ค่ายกล แต่ตอนนี้…ชัดว่าไม่ต้องทำให้ยุ่งยากแล้ว

วาบ!

คลื่นหลิงกวาดออก ร่างจงเถิงก็ระเบิดออกด้วยแสงสีทองเหวี่ยงหมัดออกมา ขณะที่แสงสีทองพวยพุ่ง กระเรียนทองคำก็ก่อตัวขึ้นบนกำปั้น ปีกกระพือขึ้นลงรัศมีทะลุทะลวงที่ไม่สามารถอธิบายได้เฉือนไปบนพื้นโลก

หมัดเงาเทพกระเรียน!

ผู้คนโดยรอบถอยกันจ้าละหวั่น ในเมื่อจงเถิงรู้เต็มอกว่ามู่เฉินน่าเกรงขามเพียงใด ดังนั้นเขาจึงใช้พลังหมัดเต็มกำลัง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แม้แต่คนอย่างลู่สุยยังต้องหลบซ่อน

กำปั้นทองคำแฝงด้วยกระเรียนทองคำระเบิดอากาศก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าหามู่เฉิน แสงสีทองขยายตัวอย่างรวดเร็วในดวงตาฝ่ายหลัง อึดใจเขาก็ชกหมัดสวนออกไป

แสงสีทองพวยพุ่งบนกำปั้นเช่นเคย ไม่มีความผันผวนของคลื่นหลิงสักริ้ว มีเพียงพลังกายเน้นๆ

ตู้ม!

หมัดทองคำทั้งสองปะทะกันหนักหน่วง ผลกระทบที่น่ากลัวระเบิดออกมาทันที แผ่นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าทั้งสองแตกเป็นเสี่ยง ซากปรักหักพังบริเวณโดยรอบกลายเป็นฝุ่นผงจากคลื่นกระแทก

เมื่อคลื่นกระแทกอาละวาดออกไป ร่างกายของมู่เฉินก็กระตุก แต่เขาก็ทนรับพลังนั้นไว้ได้

ส่วนจงเถิงถูกบังคับให้ถอยกลับหนึ่งก้าวโดยทิ้งรอยลึกไว้บนพื้น แต่ถึงกระนั้นก็สามารถบอกได้ว่าจงเถิงไม่ได้อ่อนแอ ก่อนหน้าหมัดของมู่เฉินสร้างความสาหัสสากรรจ์ให้กับลู่สุย แต่สำหรับจงเถิงทำได้เพียงถอยห่างออกไปก้าวเดียวเท่านั้น ทั้งคู่ต่างเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ไม่คิดว่จะมีช่องว่างพลังกว้างใหญ่เพียงนี้

ทว่าแม้จงเถิงจะถอยกลับไปเพียงก้าวเดียวแต่ใบหน้าก็มืดครึ้มลงหลายส่วน นั่นเป็นเพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าพลังกายของมู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

หมัดเมื่อครู่เขาใช้ทั้งคลื่นหลิงและความแข็งแกร่งของพลังกาย แต่มู่เฉินใช้เพียงพลังกายล้วนๆ มาปะทะ

พลังกายของชายคนนี้เติบโตอย่างทรงพลังในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?

“เยี่ยม!”

ขณะที่จงเถิงกำลังงุนงงในสมอง มู่เฉินกลับยิ้มกริ่ม จากนั้นก็ไม่ให้เวลาอีกฝ่ายได้ถอยหนี เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่งแสงสีทองก็พุ่งออกมา ซัดใส่ร่างจงเถิงอีกครั้ง

ตอนนี้พลังกายเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นจึงยากที่จะควบคุมกำลังได้อย่างสมบูรณ์ ในเมื่อมีคนให้ลองมือที่ดีอยู่ตรงหน้า ยังไงเขาก็ไม่ปล่อยไปแน่

ขณะที่ความคิดวาบผ่านในใจ ร่างมู่เฉินก็กลายเป็นลำแสงสีทองทะยานออกไป กำปั้นสีทองสร้างชุดหมัดซับซ้อนห่อหุ้มร่างจงเถิงจากทุกทิศทุกทาง

เผชิญหน้ากับการโจมตีดุเดือดของมู่เฉิน แม้แต่จงเถิงก็ต้องใช้คลื่นหลิงเข้าช่วยในการปะทะตัวต่อตัวนี้

ปัง! ปัง! ปัง!

หมัดต่อหมัดซัดกันนัว ทำให้อากาศหมุนเกลียวเขย่าเส้นขอบฟ้า ทุกเสียงต่ำพร่าของระเบิดราวกับฟ้าคำรนพร้อมกับพลังงานรุนแรงกวาดออก

หลายคนมีสีหน้าว่างเปล่าเมื่อมองการปะทะกันบนท้องฟ้า ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขารอยแตกลึกกระจายไปทั่วพื้นแบบไม่สิ้นสุด

ทว่าในร่างแสงทั้งสอง เรื่องที่ทำให้พวกเขามึนงงก็คือจงเถิงที่พลุ่งพล่านด้วยพลังงานหลิงรอบตัวกลับกำลังพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินที่ไม่มีความผันผวนของคลื่นหลิงสักริ้ว

แทบทุกครั้งที่หมัดของมู่เฉินซัดลงมา จงเถิงก็ต้องถอยกลับ มากจนแม้แต่พลังคลื่นหลิงที่กวาดอยู่รอบตัวก็กระเจิดกระเจิงไปเลยทีเดียว

เวลานี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าพลังกายของมู่เฉินน่าสะพรึงเพียงใด… ร่างกายของชายคนนี้น่ากลัวมากกว่าพวกเขาที่เป็นเทพอสูรเสียอีก

ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าตัวประหลาดนี้เพาะบ่มร่างกายของเขาอย่างไร เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่าการฝึกฝนพลังกายยากเย็นแค่ไหน…

จอมยุทธ์เผ่ากระเรียนฟ้าอ้าปากตาค้างขณะมองดูจงเถิงที่ถอยหนีอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะหลิ่วชิง นางมีใบหน้าสลับกันระหว่างสีเขียวกับสีขาว

ก่อนหน้านี้นางยังดูถูกตัวตนของมู่เฉินในฐานะมนุษย์และพลังที่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหก แต่ตอนนี้จงเถิงที่นางเคารพนับถือกลับอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชโดยมนุษย์ที่นางดูถูก… ความแตกต่างนี้ทำให้นางแทบจะเป็นลม

“พี่ใหญ่มู่เฉินน่าเกรงขามจริงๆ!” มั่วหลิงเบิกตากว้างพร้อมกับแสงระยิบระยับอยู่ภายใน สีหน้าเคารพนับถือฉายบนใบหน้าเมื่อมองไปที่มู่เฉินที่กำจายรัศมีเชี่ยวกราก

มั่วเฟิงยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ความแข็งแกร่งของเขาคล้ายคลึงกับของจงเถิง ตอนนี้จงเถิงตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช นั่นก็หมายความว่าพลังในการต่อสู้ของมู่เฉินเหนือกว่าเขาแล้ว

“ดูเหมือนมู่เฉินจะมีพัฒนาการร่างกายในเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณมากนะเนี่ย” จิ่วโยวก็เกิดริ้วตื่นตะลึงในดวงตา เนื่องจากนางเข้าใจในตัวมู่เฉินเป็นอย่างดี แม้ว่าเมื่อก่อนพลังกายของเขาจะทรงประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ถึงระดับนี้

สีหน้าของมั่วเฟิงเปลี่ยนไปจากนั้นก็ถอนหายใจ “วิธีของเขาคงเป็นวิธีที่ถูกสินะ”

เขาคิดย้อนกลับไปถึงภาพที่มู่เฉินเดินทีละก้าวตั้งแต่ชั้นแรกของเจดีย์ ขณะที่พวกเขาใช้ทุกวิถีทางเร่งความเร็วเพื่อโอกาส มู่เฉินกลับเลือกใช้วิธีฝึกฝนแบบดั้งเดิมที่สุด…

ซึ่งการฝึกฝนแบบนั้นที่ทำให้ร่างกายของมู่เฉินได้รับการพัฒนามากเช่นนี้

จิ่วโยวพยักหน้าเบาๆ ขณะที่คนอื่นตามืดบอดจากวิทยายุทธระดับเสินทงและอาวุธมหสวรรค์ที่เป็นรางวัล มีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงใช้วิธีที่มั่นคงที่สุดก้าวเดินในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของเจดีย์ฝึกพลังกายเพื่อฝึกฝนทีละขั้น

ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามู่เฉินเป็นผู้ที่ได้รับโอกาสล้ำค่าที่สุดในเจดีย์ฝึกพลังกาย

“มู่เฉินกำลังใช้จงเถิงเป็นคู่มือในการลับเขี้ยวเล็บตอนนี้” เมื่อมองกลับไปที่การต่อสู้ สายตาของจิ่วโยวก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ

นางรู้สึกได้ว่าในเวลาสิบกว่านาที หมัดนับร้อยที่มู่เฉินซัดออกไปได้รับการขัดเกลามากขึ้น กระบวนท่าไม่ได้รุนแรงอย่างที่เคยเป็น ง่ายที่จะปล่อยและยากที่จะดึงกลับ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินใช้จงเถิงเพื่อขัดเกลาความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น

“จงเถิงหมดพลังใจในการต่อสู้แล้ว”

มั่วเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็พูดต่อ “การต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะจบลงในไม่ช้า”

จงเถิงก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่ามู่เฉินควบคุมพลังได้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าถ้าตนเองไม่ใช้ชีวิตเดิมพันในการต่อสู้โอกาสในการชนะก็ต่ำเตี้ยนัก

ทันทีที่มั่วเฟิงพูดจบ ร่างกายของจงเถิงก็ปะทุด้วยแสงสีทอง ภาพซ้อนทะยานออกมา เปลี่ยนร่างเป็นกระเรียนทองคำขนาดหนึ่งพันจั้ง

กรงเล็บของกระเรียนคว้าไปที่พรรคพวก ลวดลายทองคำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่ปีกทั้งสองข้าง ด้วยการกระพือครั้งเดียว ลมคลั่งก็พัดออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง ทะยานหนีไปในระยะไกล

การหลบหนีทันควันของจงเถิง ทำเอาทุกคนอ้าปากเหวอ

แสงสีทองวูบวาบ ร่างเงาของมู่เฉินก็ปรากฏขึ้น เขามองจงเถิงที่หลบหนีด้วยรอยยิ้มจางๆ จากนั้นเขากำมือแน่นกระบี่ขนนกสีทองก็เผยขึ้น

กระบี่โบกลง เขาเทคลื่นหลิงและพลังกายทั้งหมดลงไป

ฮึ่ม!

แสงกระบี่ทองคำขนาดหลายร้อยกว่าจั้งเจาะทะลุมิติหายวับไปทันที

จังหวะที่แสงกระบี่หายไป เสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องจากระยะไกล เหมือนจะเลือดสาดกระเซ็นบนท้องฟ้าด้วย

เห็นได้ชัดว่าจงเถิงที่กำลังหนีหลบวิถีกระบี่ไปไม่ได้และได้รับบาดเจ็บสาหัส

มู่เฉินยืนอยู่บนซากปรักหักพังพร้อมกระบี่ขนนกในมือ เลือดสดเปล่งประกายบนท้องฟ้าไกลโพ้น ริ้วแสงสีแดงเข้มสาดส่องลงบนร่าง ทำให้เขาดูคงกระพันในขณะนี้

ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้กับจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน ความกลัวหนาแน่นเกาะกุมหัวใจ

พวกเขารู้ว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ชื่อเสียงของมู่เฉินจะขจรขจายในดินแดนเสินโซ่อย่างรวดเร็ว

ช่างเป็นม้ามืดที่น่าตื่นตาจริงๆ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset