หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1048 ล้อมฆ่าด้วยค่ายกล

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดบนท้องฟ้าของป่า

ลวดลายเส้นหลิงนับไม่ถ้วนสลับซับซ้อนสร้างเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นมา ทำให้จิ่วโยวและคนอื่นๆ ที่มองจากระยะไกลยังรู้สึกว่าหนังหัวชาวาบไปหมดจากภาพเบื้องหน้า พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถจัดตั้งค่ายกลได้มากมายขนาดนี้ในคราวเดียว

ภายใต้ความหนักหน่วงของชั้นค่ายกล แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดก็จะตั้งตัวไม่ทัน แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของหลิงเจิ้นซือจะไม่แข็งแรง แต่ตราบใดที่มีเวลาพอเพียง พลังที่ปลดปล่อยออกได้จะน่าตกใจอย่างยิ่ง

โดยทั่วไปในการปะทะระหว่างจอมยุทธ์ทรงพลัง ตราบใดที่ไม่โง่ก็ไม่มีทางก้าวเข้าบริเวณที่เต็มไปด้วยขบวนแถวแสงเช่นนี้ ทว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดไม่มีสติปัญญา ดังนั้นมันจึงพุ่งเข้าไปในดงค่ายกลหนาทึบนี้

เมื่อมันพุ่งเข้าไป มันถึงได้รู้สึกถึงอันตราย ทันใดนั้นก็คิดถอยกลับออกจากพื้นที่อันตราย

แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินซึ่งจับอสูรวิญญาณขั้นแปดลงไปในหม้อต้มเดือดได้แล้ว ก็ไม่คิดจะปล่อยออกไปอย่างง่ายดาย

“ในเมื่อเข้ามาแล้วก็อยู่ต่อไปเถอะ”

“ค่ายกลตาข่ายฟ้า!”

มู่เฉินยิ้มบาง จากนั้นตราประทับในมือเปลี่ยนไป ท่ามกลางชั้นหนาของค่ายกล ค่ายกลที่เหมือนกันสองค่ายกลก็ปรากฏขึ้น สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนเต้นระริกบินฉวัดเฉวียนออกไป ก่อนที่จะเกาะเกี่ยวพันกันกลายเป็นตาข่ายปกคลุมท้องฟ้า เส้นแสงเหล่านั้นประหนึ่งอสรพิษพันเข้าที่แขนขาของอสูรวิญญาณเอาไว้เหนียวแน่น

ค่ายกลตาข่ายฟ้าเป็นเพียงค่ายกลระดับตี้ขั้นสูง ถ้ามีเพียงค่ายกลเดียวก็ยากที่ขังอสูรวิญญาณขั้นแปด ดังนั้นมู่เฉินจึงสร้างสองค่ายกลขึ้นมาเพื่อความมั่นใจ

โฮก!

อสูรวิญญาณที่ถูกล้อมรอบด้วยเส้นแสงหนักหน่วงก็แผดเสียงคำรามออกมา รัศมีความตายเชี่ยวกรากกวาดออกจากร่าง กัดเซาะเส้นแสงที่เกาะติดมันเอาไว้

การยับยั้งจากค่ายกลต่าข่ายฟ้าได้ผลเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะถูกทำลาย

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้แปลกใจกับความจริงนี้ เพราะค่ายกลนี้อยู่ในระดับต่ำไป แม้ว่าจะมีสองพลังช่วยประสาน แต่พลังก็ยังมีข้อจำกัด ดังนั้นจึงไม่สามารถยึดร่างอสูรวิญญาณไว้ได้นาน แต่แค่นี้ก็ซื้อเวลาให้กับเขาอย่างเพียงพอแล้ว…

มู่เฉินหายใจเข้าลึก แสงหลิงพลุ่งพล่านออกมาจากในนัยน์ตา กระบวนท่าบนฝ่ามือวูบไหว ค่ายกลทั่วบริเวณปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ค่ายกลบัวยมทูต!”

“ค่ายกลดาบบงกชไพลิน!”

“ค่ายกลระฆังทองไร้พ่าย!”

“…”

พร้อมกับเสียงคำรามของมู่เฉิน ค่ายกลก็ปรากฏขึ้นไม่หยุด มีค่ายกลจำนวนมากรวมเข้าด้วยกัน แสดงให้เห็นถึงพลังที่น่าอัศจรรย์

ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อค่ายกลปรากฏแก่สายตาก็ปลดปล่อยไอสังหารทันที พายุพลังงานหลิงกวาดล้างไปทั่วพื้นที่ ค่ายกลทั้งหมดก่อร่างด้วยการโจมตีที่น่ากลัวรูปแบบต่างๆ ซัดใส่อสูรวิญญาณขั้นแปดอย่างจัง

ปัง! ปัง! ปัง!

ชุดการโจมตีระดมยิงใส่ร่างอสูรวิญญาณภายในอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันกระแทกกลับไปกลับมา รัศมีความตายที่ปกคลุมก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของความไม่มั่นคงจากโจมตีรุนแรง

อสูรวิญญาณถูกซัดกลับไปกลับมาทำให้เกิดความโกรธในเวลาเดียวกัน มันส่งเสียงคำรามโยนกำปั้นออกไป รัศมีความตายน่าสยดสยองพุ่งพรวดออกมา ซัดการโจมตีที่พุ่งเข้ามาแตกระเบิดไปหมด

เมื่อเห็นสิ่งนี้มู่เฉินก็ถอยหลังออกไป

อสูรวิญญาณแผดเสียงคำรามพลางไล่ตามพร้อมกับรัศมีความตายเชี่ยวกราก แต่เมื่อมันก้าวเข้าสู่ในพื้นที่แห่งนี้ รัศมีความตายรอบตัวก็หดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากรับรู้ถึงภัยคุกคามที่เพิ่มสูงขึ้นบริเวณโดยรอบ

ตู้ม!

มิติโดยรอบบิดเบี้ยว สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนท้องฟ้า ลวดลายแสงเกี่ยวพันกันและกัน ค่ายกลขนาดใหญ่โตก็ปรากฏขึ้น ขณะที่แสงหลิงควบแน่น ก็ก่อร่างเป็นตราประทับภูเขาศักดิ์สิทธิ์บดขยี้ลงมา

ตึง!

ตราประทับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พุ่งใส่อสูรวิญญาณ พลังอันน่าสะพรึงกลัวตอกร่างมันลึกลงไปในพื้นดิน รอยแตกปริออกบนหน้าผาก เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บหนัก

โฮก!

ดวงตาของอสูรวิญญาณเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ รังสีความตายควบแน่นในปาก ก่อนที่จะยิงออกมาระดมใส่ตราประทับภูเขาศักดิ์สิทธิ์จนระเบิดเป็นประกายบนท้องฟ้า

ตู้มมมม!

ทว่าขณะที่ตราประทับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ร่วงลง ตราประทับอีกสองส่วนก็กระแทกลงมาจากท้องฟ้าใส่หัวของอสูรวิญญาณไม่ยั้ง ทั้งร่างมันตอกลงไปกับพื้น รอยแตกขนาดใหญ่ก็พังทลายลง

เมื่อคนอื่นได้เห็นฉากนี้ก็อดเดาะลิ้นไม่ได้ หากพวกเขาเป็นคนที่ตกอยู่ในค่ายกล คงถูกฆ่าโดยการโจมตีไม่ยั้งของค่ายกลไปนานแล้ว

“หลิงเจิ้นซือที่เตรียมการไว้อย่างดีน่ากลัวเหลือเกิน…” หานซันปาดเหงื่อเย็นออก ในบรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ต่อให้จะหนีออกมาได้ก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

ทว่าหานซันรู้ว่าไม่ใช่หลิงเจิ้นซือทุกคนสามารถสร้างค่ายกลจำนวนมากขนาดนี้ได้ในคราวเดียว ชัดว่ามู่เฉินมีความสามารถสูงในศาสตร์ค่ายกลเช่นกัน

นี่ทำให้เขาอดถอนหายใจไม่ได้ แม้แต่คนที่ภูมิใจในตัวเองแบบเขายังต้องนับถือในความแข็งแกร่งของมู่เฉิน สหายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ… อัจฉริยะอย่างพวกเขาดูอับแสงไร้สีสันไปเลยเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย

“แต่กลัวว่าการโจมตีเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้อสูรวิญญาณขั้นแปดได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต…” มั่วเฟิงนิ่งเงียบชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้น

คนอื่นก็พยักหน้าเบาๆ แม้ตอนนี้ดูเหมือนว่าค่ายกลของมู่เฉินยับยั้งจิตอสูรวิญญาณขั้นแปดได้ แต่ยังไงความแข็งแกร่งของมันก็เปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปด จนถึงตอนนี้ยังไม่เกิดการบาดเจ็บใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพลังในการต่อสู้

ตู้ม!

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันก็เห็นพื้นดินระเบิดขึ้นกะทันหันเศษหินปลิวว่อน ร่างเงาที่ห่อหุ้มด้วยรัศมีความตายพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่น ระลอกคลื่นความตายกระจายออกไป ทำลายหนึ่งในตราประทับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ขณะนี้อสูรวิญญาณดูน่าสมเพชพอสมควร แม้แต่รัศมีที่อยู่รอบตัวก็อ่อนแอลง แต่โดยรวมก็ยังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งนัก

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นแววตาวูบไหว ไม่คิดเลยว่าหลังจากใช้ค่ายกลนับสิบ อสูรวิญญาณก็ยังสามารถทนได้

วาบ!

ดวงตาเกรี้ยวกราดของอสูรวิญญาณจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน ทันใดนั้นก็พุ่งชนด้วยรัศมีความตายรุนแรง ดูราวกับสัญญาณควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

มู่เฉินมองอสูรวิญญาณที่กระโจนเข้าใส่ก็ไม่ขยับ รอให้ใกล้เข้ามา ถึงได้กระแทกฝ่าเท้าลงไป

ฮี่ม! ฮึ่ม!

ที่เบื้องหลังห้วงมิติผันแปรกะทันหัน สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ครั้งนี้ปรากฏค่ายกลที่ทรงพลังและไร้ขอบเขตสองค่ายกล

ภายในค่ายกลเหมือนจะมีแสงควบแน่นแปลกประหลาด

“ค่ายกลเทพเผาผลาญ!”

ดวงตามู่เฉินวาววับขณะตะเบ็งเสียงลั่น ทันใดนั้นค่ายกลทั้งสองก็ปะทุขึ้น เกลียวแสงควบแน่นก่อนที่จะเจาะทะลุผ่านมิติ ห่อหุ้มร่างอสูรวิญญาณที่พุ่งเข้ามาเอาไว้

ค่ายกลเทพเผาผลาญเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดในคลังแสงของมู่เฉินขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นค่ายกลทั้งสองก็บ่มพลังเดือดพล่านมาเป็นเวลานาน ดังนั้นพลังจึงแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนที่เขาใช้มาก

ค่ายกลทั้งหลายก่อนหน้านี้เป็นค่าซื้อเวลา มีเพียงค่ายกลเทพเผาผลาญสองค่ายกลนี้ที่เป็นไพ่ตายของเขา หากค่ายกลนี้โจมตีร่างอสูรวิญญาณละก็ มันจะต้องจ่ายราคาแพงระยับแน่

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ริ้วแสงทำลายล้างปกคลุมเข้ามา ทำให้รัศมีความตายโดยรอบร่างอสูรวิญญาณผันผวนรุนแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย แต่ไม่รอให้มันได้หลบหนี ร่างก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงทำลายล้างแล้วแทงทะลวงผ่านร่างไป

ปัง! ปัง!

อากาศระเบิดขึ้น ร่างอสูรวิญญาณร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มีรูขนาดเท่ากำปั้นบนร่างกายของมัน รัศมีความตายก็กระจัดกระจายออกไป

ตึง!

อสูรวิญญาณดิ่งพสุธาลงมาบนพื้น ทำให้เกิดหลุมรัศมีหมื่นจั้ง รอยแตกขนาดใหญ่แผ่กระจายไปทั่วผืนป่า

เมื่อคนอื่นเห็นภาพนี้จากระยะไกล ความสุขก็วูบไหวในนัยน์ตา กระบวนท่าที่มู่เฉินบ่มไว้เป็นเวลานาน น่าเกรงขามจริงๆ!

คราวนี้ไม่ว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดจะแข็งแกร่งปานใด ก็ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน!

ฝุ่นฟุ้งขึ้นมาจากพื้นดิน พื้นที่ทั้งหมดนี้วินาศสันตะโร ส่วนมู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้าก้มหัวลงต่ำมองไปที่ปากหลุมก็หายใจออกลึก

การควบคุมค่ายกลจำนวนมากมายในเวลาเดียว ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่กลางหว่างคิ้วยิ่งนัก ทว่าเขาก็ยังไม่ผ่อนคลาย เนื่องจากเขารู้ว่าแม้จะถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์และโจมตีโดยค่ายกลระดับเทียนทั้งสอง แต่อสูรวิญญาณขั้นแปดก็ไม่ใช่สิ่งที่จะฆ่าได้ง่ายๆ…

ตึง!

ขณะที่ความคิดนี้แล่นพล่านในใจของมู่เฉิน เสียงคำรามก็ดังก้องมาจากพื้นดิน ดวงตาเขาหดเกร็งลง รัศมีความตายเชี่ยวกรากแผ่กระจายราวกับลอนคลื่น เงาที่ดูน่าอนาถค่อยๆ ลุกขึ้นจากมหาสมุทรรัศมีความตาย

ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยหลุมลึก รัศมีความตายกระจัดกระจายไม่หยุด มากจนกระทั่งไหล่เกือบครึ่งหนึ่งหลุดออกมาจากเบ้า ราวกับว่ามันกำลังจะขาดออก เห็นได้ชัดว่าแม้การโจมตีเมื่อครู่ของมู่เฉินจะไม่สามารถฆ่าอสูรวิญญาณตัวนี้ได้ แต่ก็ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว

โฮก!

อสูรวิญญาณจ้องเขม็งมู่เฉิน ม่านตามืดมนเต็มไปด้วยรัศมีความตาย ปลดปล่อยเสียงคำรามเดือดดาลพร้อมกับแสงสีแดงระยิบระยับในดวงตา จากสัญชาตญาณของมันบอกว่าวันนี้จะต้องเขมือบชายที่อยู่ต่อหน้าให้ได้

มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้ามองร่างอสูรวิญญาณที่คิดจะเสี่ยงหมดหน้าตักอย่างไม่แยแส จากนั้นเขาก็หลับตา แสงสีดำรวมตัวที่หน้าผาก ก่อนที่ดวงตาที่สามจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

เนตรดับชีวิตไพ่ตายสุดท้ายที่มู่เฉินเตรียมไว้สำหรับอสูรวิญญาณ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset