หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1068 โชคใหญ่

เมื่อสมองมู่เฉินปลอดโปร่งขึ้นใหม่อีกครั้ง

ภาพแรกที่อยู่ในครรลองสายตาก็คือสุสานสักการะเทพที่วินาศสันตะโร โดยมีหุบเหวลึกกระจายบนพื้นดิน ทำให้มู่เฉินรู้สึกหวาดผวานัก

หากไม่ได้รับการปกป้องจากแท่นบูชาพวกเขาทุกคนคงสลายกลายเป็นอากาศธาตุจากการสู้รบที่น่ากลัวนี้แล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงดังสะท้อนออกมา มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงก็เห็นราชีนีวิหคอมตะมองเขาด้วยรอยยิ้มบางจาง

มู่เฉินลูบหัวตัวเองปอยๆ ซึ่งยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ที่แท้ความรู้สึกในการควบคุมกองทัพที่ทรงพลังเกินไปสำหรับกำลังตัวเองเป็นแบบนี้นี่เอง”

มู่เฉินรู้สึกสยองเพียงแค่นึกถึงรัศมีจั้นยี่ เมื่อเขายืมกำลังบัญชาการรัศมีจั้นยี่ของกองทัพอสูรสวรรค์ เขาก็สัมผัสได้ว่าหากรัศมีจั้นยี่นั้นกระเพื่อมไหวแม้เพียงน้อยนิด ก็จะสามารถทำลายล้างเขาได้อย่างสมบูรณ์

“ในฐานะจั้นเจิ้นซือ การสัมผัสถึงรัศมีจั้นยี่ทรงพลังของกองทัพล่วงหน้าจะเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าในการทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับรัศมีจั้นยีในอนาคต” ราชันปักษาวิญญาณยิ้มเล็กน้อย เมื่อมองมู่เฉินดวงตาของเขาก็มีแววชื่นชม เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นมู่เฉินสามารถปล่อยการโจมตีรุนแรงได้

มู่เฉินพยักหน้าเพราะนี่เป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะอันตรายมากสำหรับเขาในการสั่งการรัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นโอกาสเช่นกัน หากเขาพบสถานการณ์ที่คล้ายกันในอนาคตหรือครอบครองกองทัพทรงประสิทธิภาพเช่นนี้ เขาก็จะไม่มีสภาพน่าสมเพชเหมือนวันนี้เนื่องจากผ่านประสบการณ์มาแล้ว

“มู่เฉิน เจ้าเป็นอะไรไหม?” จิ่วโยวพลิ้วเข้ามาหยุดลงข้างๆ มู่เฉิน ดวงตาอัดแน่นด้วยความกังวล

มู่เฉินส่ายหัวกวาดสายตาไปรอบๆ ก็พบว่ายามนี้กลุ่มอื่นๆ ออกไปแล้ว มีเพียงจิ่วโยวที่ยังคงรออยู่ที่นี่

“ทุกคนออกกันไปหมดแล้ว พวกมั่วเฟิงข้าก็ให้พวกเขาออกไปก่อน” จิ่วโยวบอก ในเมื่อสุสานสักการะเทพเสียหายจนถึงจุดนี้ กลุ่มอื่นๆ ก็พุ่งความสนใจไปที่พื้นที่โดยรอบและดูว่าจะสามารถหาสมบัติล้ำค่าได้อีกหรือไม่ ขณะที่นางกังวลเกี่ยวกับมู่เฉิน นางจึงเลือกอยู่ที่นี่ต่อ

มู่เฉินพยักหน้าแล้วกำมือก็ต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าตราประทับหินกองทัพอสูรสวรรค์แตกเป็นผุยผงแล้วปลิวไปในสายลม

“นี่…” มู่เฉินรู้สึกปวดร้าวใจกับภาพนี้ นี่คือป้ายบัญชาการกองทัพอสูรสวรรค์นะ!

“กองทัพอสูรสวรรค์ตายไปตั้งแต่ต้นแล้ว ก่อนหน้าได้สูญเสียพลังทุกหยด ป้ายนี้ก็เสียการปกป้องจากรัศมีจั้นยี่ จึงไม่ต่างจากของไร้ประโยชน์น่ะ” ราชินีวิหคอมตะถอนหายใจเบาๆ

มู่เฉินเจ็บแปลบในหัวใจตาพร่าไปหมด แม้จะเป็นขุมกำลังสูงสุดในมหาพันภพ วัตถุเช่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

ทว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้กลับกลายเป็นขี้เถ้าในมือเขา ทำให้เขารู้สึกยากที่จะยอมรับ

แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไร้ประโยชน์ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเสียดายมากแค่ไหนก็ตาม มู่เฉินถอนหายใจแล้วจ้องมองราชินีวิหคอมตะ ท่าทางเขาดูเหมือนว่าจะพูดอะไร แต่ก็อมพะนำไว้

เมื่อราชินีวิหคอมตะเห็นก็ส่ายหัวอย่างนึกสนุกและโมโหในเวลาเดียวกัน “วางใจเถอะ ในเมื่อข้าสัญญาไปแล้ว ข้าก็จะไม่คืนคำพูด”

พอมู่เฉินได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกโล่งใจมาก แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่เขาสามารถอยู่รอดได้ในการต่อสู้ใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าโชคก้อนใหญ่ที่มอบให้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจะมากเกินไป

เมื่อจบคำพูด ราชินีวิหคอมตะก็มองไปที่ราชันปักษาวิญญาณและราชันอสูรไร้พิรุณ ทั้งสองต่างผงกหัวจากนั้นก็สร้างตราประทับขึ้นในมือเวลาเดียวกัน ริ้วแสงแวววาวเปล่งออกมาจากร่างของพวกเขาค่อยๆ ห่อหุ้มมู่เฉินเอาไว้

“โชคลาภไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าต้องไปกับพวกข้า” ราชินีวิหคอมตะเอ่ยขึ้น

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะชี้ไปที่จิ่วโยวอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสช่วยพานางไปด้วยได้ไหม?”

เขาจะรู้สึกยินดีถ้าจิ่วโยวได้รับโชคด้วยกัน เนื่องจากพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน

เมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็อึ้งไปก่อนจะรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมแบ่งปันโชคลาภที่พวกเขาได้รับหลังจากเสี่ยงชีวิตมาหรอก

ราชินีวิหคอมตะก็ประหลาดใจไป นางมองไปที่จิ่วโยว ในดวงตาก็ปรากฏแววอ่อนโยน ชัดว่ารู้สึกถึงสายเลือดที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน

“ในเมื่อเจ้ามาจากเผ่าวิหคโลกันตร์ นั่นก็หมายความว่าเจ้าเป็นลูกหลานของข้า ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงโชคชะตาเลือกให้เจ้าอยู่ที่นี่ สมบัติแห่งดินแดนเสินโซ่นี้จะมอบให้กับเจ้าสองคน” ราชินีวิหคอมตะพยักหน้าเบาๆ

มู่เฉินและจิ่วโยวดีใจมาก รีบประสานมือคารวะอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณผู้อาวุโส”

ตราประทับของราชันทั้งสามเปลี่ยนแปลงวูบไหว ริ้วแสงค่อยๆ ห่อหุ้มมู่เฉินและจิ่วโยว หลังจากนั้นแสงก็รุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดมิติเหลื่อมซ้อนก่อนที่จะพาทั้งสองหายไป

เมื่อแสงจางหาย แท่นบูชาก็ว่างเปล่าเหลือเพียงรัศมีโบราณที่ยังไหลวนไปทั่วบริเวณ

แสงเข้มข้นคงอยู่ไม่กี่อึดใจ

ก่อนที่มู่เฉินจะเปิดตาขึ้น จากนั้นภาพที่เบื้องหน้าก็ทำให้สีหน้าของเขาแข็งค้าง

ภาพที่ปรากฏคือมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลที่มีสีแดงสดราวกับห้วงน้ำโลหิต แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือไม่มีกลิ่นคาวเลือดเล็ดลอดออกมาสักนิด

ในมหาสมุทรสีแดง ร่างสัตว์อสูรจำนวนมากโจนตัวขึ้นมาเป็นครั้งคราว ภาพนี้ทำให้มู่เฉินและจิ่วโยวตะลึงงัน เนื่องจากพวกเขาค้นพบว่ารูปร่างของสัตว์อสูรเหล่านั้นคือเทพอสูรที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณ…

นอกจากนี้มู่เฉินและจิ่วโยวยังสามารถสัมผัสได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัวสุดจะพรรณนาในมหาสมุทรสีแดงเข้ม ซึ่งทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังรู้สึกว่าหนังหัวชาดิกไปหมด

“มหาสมุทรแห่งนี้บรรจุไปด้วยแก่นโลหิตเทพอสูรมากมาย!” จิ่วโยวอุทาน ตัวนางเป็นเทพอสูรด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงรู้สึกถึงความลึกซึ้งของมหาสมุทรสีแดงสดได้

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่ม่านตาจะหดเกร็ง เนื่องจากเขานึกถึงสุสานอสูรโบราณโภคะ หลุมดำลึกลับที่นำไปสู่สถานที่ที่ไม่รู้จัก เป็นไปได้ไหม…ที่แก่นโลหิตของอสูรโบราณโภคะจะถูกรวบรวมมาอยู่ที่นี่?

แก่นโลหิตเทพอสูรที่ละสังขารในสุสานหมื่นอสูรทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ใช่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็สูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าลึก เพียงแค่แก่นโลหิตของเทพอสูรชั้นยอดตัวเดียวก็สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว นี่จะน่ากลัวขนาดไหนสำหรับการรวบรวมแก่นโลหิตจำนวนมากไว้ที่นี่?

“ย้อนกลับไปตอนที่เผ่าปีศาจต่างมิติรุกรานเข้ามายังดินแดนเสินโซ่ สงครามทำให้จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ของดินแดนนี้ล้มหายตายจาก”

“แต่พวกปีศาจก็จ่ายราคาแพงระยับสำหรับสงครามครั้งนั้นด้วยจอมพลทั้งห้าและนักรบอื่นๆ อีกมากมาย แต่ว่าพวกปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งโดยเฉพาะพวกจอมพล แม้ว่าพวกมันจะสิ้นใจตายอยู่ในสุสานหมื่นอสูร แต่ก็ได้สามารถสร้างค่ายกลปีศาจก่อนที่จะตาย สกัดแก่นโลหิตของจอมยุทธ์เทพอสูรที่ละสังขารทั้งหมดมารวมกันเพื่อพยายามที่จะชุบชีวิตด้วยแก่นโลหิต” ราชินีวิหคอมตะมองดูมหาสมุทรสีแดงสดขณะที่ค่อยๆ อธิบาย

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป ที่แท้มหาสมุทรแห่งนี้ก็เป็นผลงานของเผ่าปีศาจต่างมิติ…

“แต่เราค้นพบแผนการซะก่อน ดังนั้นจึงยอมเล่นตามน้ำกับพวกมัน พวกเราใช้ปณิธานที่หลงเหลืออยู่ในเลือดของเหล่าเทพอสูรมาระงับโครงกระดูกของห้าจอมพลปีศาจ ทำให้พวกมันไม่มีโอกาสพลิกตัวได้” ราชันปักษาวิญญาณเอ่ยต่อ

“พวกเราเรียกมหาสมุทรแห่งนี้ว่า ‘มหาสมุทรเทพสร้าง’ ซึ่งสร้างขึ้นจากจอมยุทธ์จำนวนมากมายของดินแดนเสินโซ่ พลังที่บรรจุอยู่ภายในนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังต้องปฏิบัติด้วยความเคร่งครัด”

มู่เฉินและจิ่วโยวพยักหน้าหงึกหงัก แม้แต่วิญญาณยังสั่นสะท้านเมื่อมองมหาสมุทรแห่งนี้ ขนาดและพลังเกินกว่าสิ่งใดๆ ที่พวกเขาเคยพบ

พลังแก่นโลหิตเทพอสูรมีผลในการชำระไขกระดูก เปลี่ยนกระดูก ปรับคลื่นพลังงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและส่งผลอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นแก่นโลหิตเทพอสูรจึงถือว่าเป็นยาชูกำลังที่หาได้ยากยิ่งทั้งสำหรับมนุษย์และสัตว์อสูร

ดังนั้นหากพวกเขาสามารถฝึกฝนได้ที่นี่ มู่เฉินก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าตนเองจะได้รับผลมากเพียงใด

“นี่ยังไม่ได้เป็นส่วนที่น่าดึงดูดที่สุดนะ…” ขณะที่มู่เฉินและจิ่วโยวตกตะลึงกับมหาสมุทรเบื้องหน้า ราชินีวิหคอมตะก็ยิ้มบาง

ม่านตาของมู่เฉินและจิ่วโยวหดแคบลง มหาสมุทรเทพที่สามารถสร้างยอดยุทธ์นับไม่ถ้วนยังไม่ใช่จุดที่น่าดึงดูดที่สุดเหรอ?

ราชินีวิหคอมตะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพูดต่อ “ลองสัมผัสดูสิ”

มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันก็ต่างเห็นแววสับสนของกันละกัน แต่ทั้งสองก็ยังหลับตาเพื่อพยายามรู้สึกถึงบางสิ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

“เวลาที่นี่…ไหลช้ามาก!”

ทั้งสองคนฉายความตกตะลึงในสายตา พวกเขารู้สึกได้ว่าเวลาที่นี่ช้ากว่าโลกภายนอกมาก นั่นก็หมายความว่ากฎของที่นี่เปลี่ยนแปลงไป

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่เกินความเข้าใจทั้งสอง อาจมีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้

“เวลาที่นี่ช้ากว่าโลกภายนอกประมาณสี่เท่า นั่นก็หมายความว่าการเพาะบ่มที่นี่ครึ่งปีเท่ากับภายนอกสองปีน่ะ…” ราชินีวิหคอมตะกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ดวงตาของมู่เฉินและจิ่วโยวเป็นประกายวูบวาบ พวกเขารู้ว่าหากความลับของสถานที่นี้รั่วไหลออกไป แม้แต่ขั้วอำนาจในมหาพันภพก็ต้องเข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงสถานที่แห่งนี้

นั่นเป็นเพราะดินแดนนี้เทียบเท่ากับสถานที่เพาะบ่มจอมยุทธ์

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก เขากวาดมองมหาสมุทรด้วยดวงตาโชนแสง เขารู้ว่าโชคลาภนี้ก้อนใหญ่จริงๆ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset