หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1088 เมืองซี

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1088 เมืองซี

ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา

ในครึ่งเดือนที่เตรียมการ มั่นถัวหลัวก็ตัดสินรายชื่อจอมยุทธ์ที่จะติดตามนางไปด้วย แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ทุกคนได้รับการคัดสรรอย่างดี แทบจะเลือกจอมยุทธ์ทรงพลังทุกคนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไปหมด

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มั่นถัวหลัวจะมุ่งหน้าไปยังวังสวรรค์บรรพกาลเอง จอมพลทั้งห้าก็ออกโรงกันหมด กระทั่งเจ้าเมืองที่มีพลังโดดเด่นก็ถูกอนุญาติให้ติดตามไปด้วย จำนวนจอมยุทธ์ทั้งหมดมีประมาณห้าสิบคนเท่านั้น แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า

การเดินทางไปยังวังสวรรค์บรรพกาลเต็มไปด้วยอันตราย ไม่มีใครรู้ว่าอันตรายแบบไหนที่รออยู่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เป็นเรื่องฉลาดแน่ที่จะใช้กองทัพใหญ่ ดังนั้นการเลือกจึงมุ่งเน้นไปที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ

ทว่าครั้งนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่ได้ไปสำนักเดียว พวกเขาจะรวมกับขั้วอำนาจสูงสุดของภูมิภาคทางเหนือจัดตั้งกองทัพพันธมิตร เนื่องจากการไปรวมตัวอาจจะล่าช้าไป มั่นถัวหลัวจึงสั่งการให้จิ่วโยวและมู่เฉินนำเหล่าผู้บัญชาการบางคนมุ่งหน้าไปยังวังสวรรค์บรรพกาลก่อนเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ก่อนที่จะกองทัพใหญ่จะไปถึง

มู่เฉินเต็มใจที่จะนำคนไปก่อน เนื่องจากในหัวใจของเขาพลุ่งพล่านไปด้วยเรื่องวังสวรรค์บรรพกาลจนไม่อาจสงบลงได้จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงอยากออกเดินทางไปยังหน้างานเพื่อค้นหาข่าวสาร สถานที่แห่งนั้นอยู่ไกลจากภูมิภาคทางเหนือมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแบบมั่นถัวหลัวก็ไม่สามารถทราบถึงข่าวสารข้อมูลที่นั่นได้ทุกอย่าง…

นอกรัศมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเขตต้าหลัวเทียน

จิ่วโยวยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน โดยมีคนสามคนยืนอยู่ข้างหลังด้วยความเคารพนับถือ ซึ่งประกอบไปด้วยชายชราชุดขาว ชายวัยกลางคนและหญิงสาว ชายชราชุดขาวปลดปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังออกมารอบตัวด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นแปด เขาเป็นหนึ่งในคนที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการ รู้จักกันในนามผู้เฒ่าไป๋

แม้กระทั่งในบรรดาผู้บัญชาการ ความแข็งแกร่งของเขาก็ถูกจัดในอันดับต้นๆ นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ยอดเยี่ยม เนื่องจากเขาเคยออกท่องยุทธภพไปทั่วทวีปเทียนหลัว ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ให้เขาติดตามไปด้วย

สำหรับชายวัยกลางคนและหญิงสาวพลังก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เนื่องจากทั้งคู่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ช่วงนี้พวกเขาสองคนเข้ามาสานสัมพันธ์ที่หอวิหคโลกันตร์บ่อยมาก ในอดีตพวกเขาฝึกยุทธ์เป็นการส่วนตัว พึ่งพาตัวเองและโอกาสมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงต้องการการคุ้มครองที่แข็งแกร่งที่สุดและแสวงหาทรัพยากรที่ดีกว่าในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นหอวิหคโลกันตร์ที่มีจอมพลสองคนจึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะสวามิภักดิ์

มู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจที่พวกเขาเข้าร่วม แต่พวกเขาทั้งหมดได้รับการทดสอบจากถังปิง ก่อนที่นางจะรายงานมู่เฉินและจิ่วโยว คนคู่นี้ใช้ความสามารถของตัวเองในการฝึกฝนและมีนิสัยอดทน ถือว่ามีศักยภาพและปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีความภักดีไม่ใช่ประเภทที่จะแทงข้างหลัง

ถังปิงดูแลจัดการหอวิหคโลกันตร์มานานหลายปี ดังนั้นจึงมีสายตาเฉียบแหลม ทั้งมู่เฉินและจิ่วโยวก็ไว้วางใจนาง ซึ่งทำให้ทั้งสองคนได้เข้าร่วมกับหอวิหคโลกันตร์และได้ร่วมการเดินทางมายังวังสวรรค์บรรพกาลครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

“นายท่านมู่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะนำไปสู่เมืองที่อยู่นอกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จากนั้นพวกเราก็ต้องเปลี่ยนอีกสองสามครั้งเพื่อจะออกจากภูมิภาคทางเหนือได้อย่างรวดเร็ว” คนที่พูดขึ้นเป็นหญิงสาวสวมชุดยาวสีแดงที่เน้นรูปร่างยั่วยวน นางชื่อถานชิวเป็นผู้บัญชาการหญิงที่กำลังโดนรุมจีบจากพวกผู้บัญชาการชายหลายคน

“อืม”

มู่เฉินพยักหน้าก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตากับจิ่วโยวพูดว่า “ไปกันเถอะ”

จิ่วโยวไม่มีข้อคัดค้าน ดังนั้นทั้งสองจึงก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย ประกายแสงกะพริบวูบไหวก่อนที่เงาจะหายไป

หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ชายชราก็มองไปที่หญิงสาวและชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่รีบร้อน “ท่านประมุขส่งข้อความมา แม้ว่าจอมพลทั้งสองจะโดดเด่นแต่ก็ยังเด็กมาก พวกเราสามคนท่องยุทธภพมาหลายปีมีประสบการณ์ต่อโลกภายนอกช่ำชอง ดังนั้นจงระวังหากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา เราจะไม่มีจุดจบที่ดีในอาณาเขตกงเวทสวรรค์แน่”

“ผู้เฒ่าไป๋พูดเรื่องอะไรกัน…ในเมื่อเจ้านายทั้งสองยินดีที่จะรับข้าไว้ ข้าก็จะตอบแทนพวกเขาด้วยชีวิตนี้” ถานชิวยิ้ม

“หากใครต้องการทำร้ายพวกเขา ก็ต้องข้ามศพของข้าไปก่อน” ชายวัยกลางคนร่างกำยำตบแผ่นอกผาง แม้จะดูไม่ค่อยฉลาด แต่ท่าทางแน่วแน่จริงจังมาก

การกระทำของชายคนนี้ราวกับก้อนหิน แข็งกร้าวยิ่ง ดังนั้นในอาณาเขตกงเวทสวรรค์จึงรู้จักกันในชื่อผู้บัญชาการสือ

ผู้เฒ่าไป๋พยักหน้าจากนั้นทั้งสามคนก็ก้าวเข้าไปในค่ายกลหายตัวไปในแสงที่วาบขึ้น มีเพียงความผันผวนเชิงมิติที่กระเพื่อมออก

สุดขอบทางตะวันตกของทวีปเทียนหลัว

ที่นี่เป็นดินแดนแห้งแล้งซึ่งมีภัยพิบัตินานัปการ ผืนดินเต็มไปด้วยสายลมดวงดาวที่สามารถแยกภูเขาออกจากกัน พายุหิมะเย็นสุดขั้วกวาดรัศมีนับแสนลี้ มีสัตว์อสูรประหลาดปรากฏตัว แม้จะมีสติปัญญาต่ำแต่ก็ยากที่จะรับมือ…

ภัยคุกคามหลากหลายที่นี่ ทำให้น้อยคนที่จะก้าวเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ นอกเหนือจากผู้ที่ตั้งใจมาล่าสัตว์อสูรและนักล่าขุมทรัพย์ โดยทั่วไปแล้วไม่มีจอมยุทธ์คนไหนอยากแหย่เท้าเข้าไปที่นี่หรอก

แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อน เนื่องจากในส่วนลึกของดินแดนนี้ มิติแตกร้าวสามารถมองเห็นภาพวังโบราณได้อย่างเลือนราง…

นั่นคือวังสวรรค์บรรพกาล!

ข่าวนี้ระเบิดตูมตามทั่วทั้งทวีปเทียนหลัว ในเวลาเดียวกันดินแดนแห้งแล้งนี้ก็กลับกลายเป็นที่นิยม มีเหล่าจอมยุทธ์จับกลุ่มมาที่นี่ราวกับฝูงตั๊กแตนบุก ทำให้สถานที่แห่งนี้คึกคักจนเทียบได้กับเมืองเฟื่องฟูที่สุดในศูนย์กลางของทวีปเทียนหลัว

กระทั่งจำนวนและประสิทธิภาพของจอมยุทธ์ยังยอดเยี่ยมกว่าเสียอีก

อาจกล่าวได้ว่าดินแดนสุดขอบตะวันตกได้กลายเป็นแกนกลางทวีปเทียนหลัวไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากการปรากฏตัวของเจ้าทวีปอย่างวังสวรรค์บรรพกาล…

ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นเป้าหมายของกลุ่มมู่เฉิน…

ระยะทางของดินแดนสุดขอบตะวันตกกับภูมิภาคทางเหนือห่างกันครึ่งทวีป

ระยะทางที่ไกลเช่นนี้ ถ้ามู่เฉินเดินทางโดยการเหาะเหินมาเอง เขาอาจจะใช้เวลามากกว่าครึ่งปี

โชคดีที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ใช้ แต่ถึงกระนั้นครึ่งเดือนก็ผ่านไปเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้ดินแดนสุดขอบตะวันตก

ในเมืองที่อยู่ใกล้กับดินแดนสุดขอบตะวันตก กลุ่มของมู่เฉินนั่งอยู่ในโรงน้ำชา ตอนแรกเมืองนี้อยู่ห่างไกลผู้คนมาก แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ดินแดนสุดขอบตะวันตก ทำให้ตอนนี้ทั้งเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มากเสียจนมีร่างแสงมากบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา ซึ่งชัดว่ามุ่งหน้าไปยังดินแดนสุดขอบตะวันตก

โรงน้ำชาเต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนกำจายคลื่นหลิงรอบตัว ซึ่งบอกให้เห็นถึงพลังของพวกเขา

“นายท่านมู่ นายหญิงจิ่วโยว เรามาถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดกับดินแดนสุดขอบตะวันตกแล้ว ซึ่งสิ้นสุดระยะค่ายกลเคลื่อนย้าย ต่อจากนี้ก็คงต้องเดินทางกันเองแล้ว” ถานชิวนั่งข้างมู่เฉินพูดด้วยเสียงนุ่มนวล

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ดินแดนสุดขอบตะวันตกทุรกันดารมาก ดังนั้นจึงไม่มีขั้วอำนาจใดมาโปรยเงินเพื่อตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่สถานที่นี้ใกล้มากแล้ว ด้วยความเร็วของพวกเขาน่าจะสามารถไปถึงได้ในเวลาไม่กี่วัน

“จากข้อมูลที่เรารวบรวมมาที่ชายแดนตะวันตกมีเมืองใหญ่ที่เรียกว่าเมืองซี นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ใกล้ของดินแดนสุดขอบตะวันตก ขั้วอำนาจต่างๆ ก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น มิหนำซ้ำยังมีผู้ออกสำรวจโดยรอบแล้ว ดังนั้นเราน่าจะได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลได้ที่นั่น” ผู้เฒ่าไป๋ตอบด้วยเสียงให้เกียรติ

“มีแม้แต่คนที่กล้าเสี่ยงจะเข้าไปในมิติแตกสลายรอบวังสวรรค์บรรพกาลจนได้รับสมบัติมาแล้วเปิดประมูลขายต่อในเมืองซี ทำให้ดึงดูดคนกันมาก”

“โอ้?” การแสดงออกของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน คนเหล่านั้นช่างไม่รักตัวกลัวตาย รอยร้าวมิติที่ปั่นป่วนรอบวังสวรรค์บรรพกาลนั้นความประมาทเพียงเล็กน้อยก็จะถูกดูดเข้าไปในมิติ ซึ่งเป็นการไม่ฉลาดเลยที่จะเข้าไปในตอนนี้

แต่ถ้าพวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง ก็อาจได้รับเบาะแสบางอย่างเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้ทันทีหลังจากเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล โอกาสยอดเยี่ยมนี้ ใครมาก่อนก็ได้ก่อน

“ดูเหมือนว่าเราต้องเดินทางไปที่เมืองซีสินะ” จิ่วโยวพยักหน้าเบาๆ

มู่เฉินพยักหน้าตอบ นอกเหนือจากนั้นยังมีจอมยุทธ์จากทวีปเทียนหลัวมารวมกันที่นั่น ไม่รู้ว่าเหล่าจอมยุทธ์รุ่นใหม่จะมารวมอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่ เขาชักจะอยากรู้จักซะแล้ว

“ไปที่เมืองซีกันเถอะ”

เมื่อระงับความว้าวุ่นในใจลง มู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนออกจากโรงน้ำชาไป เขาทะยานตัวขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็นร่างแสง ตามด้วยจิ่วโยวและคนที่เหลือที่ด้านข้างพุ่งหายไปในเส้นขอบฟ้า

ขณะที่กลุ่มของของมู่เฉินกำลังเดินทางไปเมืองซี ในเมืองที่ไกลออกไป หญิงสาวสวมชุดขาวก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ความงามของนางปานล่มเมือง ดวงตายิ่งเป็นที่ดึงดูดใจทำให้นางดูเหมือนกับภาพวาดเทพธิดา

ทว่านางเหมือนไม่ได้สนใจรัศมีราวเทพธิดาของตน กลับหยิบผลไม้หายากออกมาซึ่งเปล่งไปด้วยคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์จากนั้นก็กลืนลงคอภายใต้สายตาร้อนแรงนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา ก่อนที่จะปัดมือพร้อมกับบ่นกับตัวเอง “เจ้านั่นก็อยู่ในทวีปเทียนหลัวนี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ข้ายังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่เลย…”

นางเอียงศีรษะเบาๆ อดไม่ได้ที่จะจือปากแล้วก้าวเดินออกไปอย่างสบาย ละทิ้งเมืองไว้ที่เบื้องหลัง

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset