หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1093 แย่งชิง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1093 แย่งชิง

“หกล้าน”

เสียงสงบนิ่งสะท้อนในโรงประมูลดึงดูดสายตาประหลาดใจมากมาย ก่อนที่จะพุ่งตรงไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในชั้นสาม

“ใครกัน? หรือว่าจะเป็นหลิงเจิ้นซือ เขาถึงได้เสนอราคาสำหรับแผนภาพค่ายกลนี้?”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้จอมยุทธ์ชั้นนำรุ่นใหม่ในทวีปเทียนหลัวมารวมกันที่นี่มากมาย จะไปรู้จักทุกคนได้ยังไง แต่เขาคนนี้ไม่คุ้นหน้าเลย น่าจะไม่ติดอันดับในทำเนียบนะ”

“แต่ดูจากความผันผวนของพลังงานรอบตัว เขาอยู่ในระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้านะ ซึ่งไม่ธรรมดาในหมู่คนรุ่นใหม่แล้ว”

เสียงกระซิบทุกประเภทดังก้อง

ด้วยความกังขากับตัวตนของมู่เฉิน

บนชั้นสามก็มีสายตาจับจ้องมาที่มู่เฉินเช่นกัน เซี่ยหงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ดวงตาของเขาหรี่ลงราวกับสุนัขจิ้งจอก ก่อนที่จะกะพริบตาแล้วกวาดมองไปที่มู่เฉินแบบไม่แยแส

“ฮ่าๆ มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ไหม?” หานเฟยจ้องมองมู่เฉิน ก่อนที่จะถอนสายตาถามพร้อมกับรอยยิ้มแย้มในโรงประมูล

ความเงียบกินเวลาในการประมูลไปชั่วครู่ แต่ที่นี่ก็มีหลิงเจิ้นซือคนอื่นด้วยเช่นกัน พวกเขายังให้ความสนใจในภาพค่ายกลนี้ ดังนั้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดก็มีคนพูดออกมา

“หกล้านห้า” ชายคนหนึ่งยืนขึ้นสัญลักษณ์หลิงยิ่งปกคลุมบนแขนเสื้อ แสงไหลเวียนอยู่บนนั้น

“นั่นคือมู่ไป๋ ศิษย์เอกสำนักค่ายกลอมตา ลือกันว่าเป็นหลิงต้าเจิ้นซือสามารถสร้างค่ายกลระดับเทียนขั้นกลางได้แล้ว” มีคนตาแหลมคมในการประมูล ดังนั้นอัตลักษณ์ของผู้เสนอราคาจึงถูกจดจำได้ทันที

มู่ไป๋ประสานมือด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรให้มู่เฉิน

มู่เฉินก็ตอบรับในทำนองเดียวกัน แต่เห็นได้ชัดว่าต่อให้อีกฝ่ายมีท่าทางเป็นมิตรเขาก็ไม่คิดจะละทิ้งภาพไม่สมบูรณ์นี้ จึงยื่นราคาต่อ “เจ็ดล้าน”

เมื่อได้ยินการเสนอราคา มู่ไป๋ก็อึ้งไปก่อนที่จะพูดพร้อมกับยิ้ม “แปดล้าน”

พวกเขาทั้งสองให้ความสนใจอย่างชัดเจนกับภาพค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์นี้ แม้จะไร้ประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่ก็ถือว่าเป็นสมบัติสำหรับหลิงเจิ้นซืออย่างพวกเขา ต่อให้สุดท้ายจะไม่สามารถสร้างค่ายกลได้ แต่พวกเขาก็จะได้รับการพัฒนาจากการทำความเข้าใจในค่ายกลนี้

การประกวดราคาของทั้งสองร้อนแรงขึ้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าแม้ทั้งสองจะใส่ราคากันอย่างต่อเนื่องก็ยังคงเป็นมิตร ไม่ได้มีประกายไฟบินว่อน

ทั้งสองไม่ยอมแพ้กัน ดังนั้นจึงดึงดูดหลิงเจิ้นซืออีกหลายคนให้เข้าร่วมในการเสนอราคา ทำให้ราคาของค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์ก็เพิ่มเป็นสิบเอ็ดล้าน ซึ่งเข้าใกล้ราคาของไข่มุกทะเลเดือดเข้าไปทุกที ดังนั้นจำนวนคู่แข่งจึงค่อยๆ ลดลง เหลือเพียงมู่เฉินและมู่ไป๋อีกครั้ง

“สิบสองล้าน”

มู่เฉินเสนอราคาอย่างสงบนิ่ง ราคานี้ไม่ต่ำเลย ช่างน่าเจ็บปวดรวดร้าวสำหรับหอวิหคโลกันตร์นัก หากมั่นถัวหลัวไม่ได้มอบของเหลวจื้อจุนให้กับเขาในการเดินทางครั้งนี้ เขาคงต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแล้ว

เมื่อราคาแตะที่สิบสองล้านก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนในการประมูล ทุกคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ภาพค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์ถูกยกระดับราคาเช่นนี้

สายตาของมู่ไป๋เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดผสมความลังเล ราคานี้เท่ากับรายได้ทั้งปีของเขาเลย

หลังจากความลังเลเบาบาง มู่ไป๋ก็ถอนหายใจจากนั้นก็ส่ายหัวแล้วนั่งลง

เมื่อเห็นว่ามู่ไป๋ยอมแพ้ มู่เฉินก็โล่งใจ ถ้ามู่ไป๋ดื้อรั้นเสนอราคาต่อ อาจเป็นตัวเขาเองจะต้องยอมแพ้ถ้าราคาขึ้นอีกไม่กี่รอบ

“สิบสี่ล้าน!”

ทว่าขณะที่มู่เฉินกำลังรู้สึกโล่งใจในใจจากการยกธงขาวของมู่ไป๋ เสียงไม่แยแสก็ดังกึกก้องซึ่งดึงดูดความปั่นป่วนอีกครั้ง

ทันใดนั้นสายตานับไม่ถ้วนก็มองขึ้นไปตรงที่มาของเสียง จากนั้นประกายแสงก็วูบไหวบนใบหน้าของพวกเขา

นั่นเป็นเพราะบนเก๋งจีนชั้นสามเซี่ยหงกำลังเล่นกับไข่มุกดำด้วยท่าทางไม่แยแส นั่นคือไข่มุกทะเลเดือดที่เขาเพิ่งประมูลได้ หลังจากเสนอราคาออกมา เขาก็ไม่ได้มองหน้าใคร ทำเพียงมองไปที่ไข่มุกในมือโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาทั้งหมด

สำหรับมู่เฉินซึ่งถูกขัดจังหวะ เซี่ยหงก็ไม่สนใจที่จะมองราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งทำไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง

พฤติกรรมของเขาดึงดูดความประหลาดใจจากทุกคน เมื่อพิจารณาจากท่าทางแล้ว ดูเหมือนเซี่ยหงจะมีเรื่องบาดหมางกับมู่เฉิน…

“ไอ้เวรนั่น!”

สายตาของจิ่วโยวสาดไอเกรี้ยวกราดและเย็นเยือก เซี่ยหงจงใจเล็งหาเรื่องมู่เฉิน ชัดว่าไม่ต้องการเห็นมู่เฉินได้ของไปครอบครองอย่างง่ายดาย

ตรงข้ามกับจิ่วโยวที่โกรธเคือง สีหน้ามู่เฉินกลับไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมาก เขาคงคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่จ้องมองอย่างเงียบๆ ไปที่เซี่ยหงก่อนที่จะยิ้ม “สิบห้าล้าน”

เซี่ยหงลูบไข่มุกเบาๆ พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “สิบหกล้าน”

บรรยากาศในงานประมูลเริ่มเดือดขึ้นอีกครั้ง หากมู่เฉินและมู่ไป๋ทำไปแบบมิตรภาพ การแข่งขันราคาระหว่างมู่เฉินกับเซี่ยหงก็เท่ากับล้างบางกันแล้ว

จิ่วโยวสาดสีเย็นชาลงหลายส่วน นางกำกำปั้นความผันผวนของพลังงานที่น่าสะพรึงก็กระเพื่อมออกมาจากหมัด แม้แต่ผู้เฒ่าไป๋ ผู้บัญชาการสือและถานชิวที่นั่งอยู่ข้างหลังก็แสดงสีหน้าไม่ดีเช่นกัน

“สิบเจ็ดล้าน”

มู่เฉินรักษาเสียงราบเรียบไร้อารมณ์

เมื่อราคานี้เอ่ยขึ้นก็ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในโรงประมูล นี่มากเกินไป แม้แต่เซี่ยหงยังหยุดเล่นไข่มุกแล้วเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินด้วยท่าทางหยอกล้อ “สหายใจกว้างจริงๆ งั้นข้าถอยให้แล้วกัน”

หลายคนถึงกับแอบเดาะลิ้น เซี่ยหงใจร้ายจริงๆ ดูจากท่าทางก็เห็นชัดว่าเขาไม่ได้สนใจภาพค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์สักนิด แต่เหตุผลที่เขาเสนอราคาเพียงเพื่อให้มู่เฉินต้องจ่ายราคาสูงขึ้นอีกนิด ซึ่งเขาพอใจกับผลลัพธ์ที่ทำไป เนื่องจากทำให้มู่เฉินต้องจ่ายของเหลวจื้อจุนเพิ่มไปอีกห้าล้านหยด

“งั้นข้าก็ขอขอบคุณองค์ชายสี่”

ภายใต้การจ้องมองอย่างน่าสงสารของทุกคน มู่เฉินกลับไม่ได้ใส่ใจและยังยิ้มให้เซี่ยหง “แต่ข้าหวังว่าองค์ชายสี่จะไม่เสียใจที่ทำให้ข้าได้สิ่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าคิดว่าราคาที่เจ้าจะต้องจ่ายจะยิ่งกว่าของเหลวจื้อจุนสิบเจ็ดล้านหยดนี้”

คำพูดของมู่เฉินทำให้คนอื่นประหลาดใจ ต่างคิดว่าชายหนุ่มคนนี้โอหังไม่น้อย…

ทว่าม่านตาของเซี่ยหงกลับหดลงเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เขารู้สึกไม่สบายใจคลุมเครือ แต่จากนั้นก็ระงับความรู้สึกลงไปได้ จอมยุทธ์ระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าจะทำอะไรได้แม้จะมีภาพค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อกองทัพของแคว้นเซี่ยมาถึง ชายคนนี้ก็ถูกบดขยี้จนไม่เหลือซากได้ง่าย

ดังนั้นจึงเขายิ้มบาง ก่อนที่ริ้วเหยียดหยามจะเผยขึ้นที่มุมปาก “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะรอ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ”

มู่เฉินยิ้มไม่พูดอะไรต่ออีก

“ไอ้ตัวน่ารังเกียจ!” จิ่วโยวพูดด้วยเสียงเย็นชา แม้ของเหลวจื้อจุนห้าล้านหยดไม่ได้เป็นจำนวนเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้นางโมโหที่สุดคือวิธีของเซี่ยหง

“เขาคิดจริงๆ หรือว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์แหย่ได้ง่ายๆ?” ถานชิวโกรธจนหัวร้อนฉ่า สำนักของพวกเขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แม้ภูมิหลังยังเทียบแคว้นเซี่ยไม่ได้ แต่ถ้าสู้กันจริงๆ แคว้นเซี่ยก็ไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ใดๆ อย่างแน่นอน

ทว่าเผชิญหน้ากับความโกรธของพรรคพวก มู่เฉินก็โบกมือแล้วยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้าบอกแล้วไงองค์ชายสี่จะต้องเสียใจแน่นอนที่ให้ข้าได้ภาพพค่ายกลมาครอบครอง”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เนื่องจากเขารู้สึกได้เบาบางว่าพลังของค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง หากเขาสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ของที่สามารถซื้อได้ด้วยของเหลวจื้อจุนสิบเจ็ดล้านหยด

จิ่วโยวและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับศักยภาพของค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร แต่ก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนในเมื่อมู่เฉินกล่าวออกมาเช่นนั้น

ขณะที่พวกเขาสนทนากัน หานเฟยก็ปิดการประมูลสำหรับภาพค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร ให้ผู้ดูแลส่งม้วนภาพนี้ไปให้มู่เฉิน แล้วเริ่มการประมูลของชิ้นที่สาม

นี่คือวิทยายุทธระดับเสินทงฉบับไม่สมบูรณ์ซึ่งทั้งโบราณและไม่ธรรมดา ทว่ามู่เฉินไม่สนใจจะประมูลอีกต่อไปเนื่องจากกินเยอะเคี้ยวไม่หมดเอา ตอนนี้เขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะรวบรวมสิ่งที่ไม่สมบูรณ์จำนวนมากเพื่อทำความเข้าใจ

ดังนั้นวิทยายุทธระดับเสินทงฉบับไม่สมบูรณ์จึงถูกประมูลโดยชิ้งหย่าในราคาสิบแปดล้าน…

เมื่อสิ้นสุดการประมูลของชิ้นที่สาม บรรยากาศในโรงประมูลก็ตึงเครียดถึงขีดสุด สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ถาดเงินถาดที่สี่

คนส่วนมากมาที่นี่ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่วัตถุสามชิ้นแรก แต่เป็นวัตถุที่ได้สร้างคลื่นปั่นป่วนในเมืองในช่วงสองวันที่ผ่านมา…

บนแท่นประมูลหานเฟยกวาดมองสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขารับถาดเงินมาถือด้วยตนเอง ม่านแสงก็จางลงเผยสิ่งที่อยู่ในนั้น

นี่เป็นป้ายทองคำกระดำกระด่างวางบนถาด คำโบราณพร่ามัวสลักด้านบนที่ดูเหมือนคำว่า ‘สอง’…

สายตาของมู่เฉินเป็นประกาย นี่เป็นตราประจำตัวของจอมพลสองแน่แล้ว!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset