หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1099 ขุดหลุมพราง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1099 ขุดหลุมพราง

ตู้ม!

หมัดมังกรทองกวาดข้ามขอบฟ้าพุ่งชนกับกรงเล็บดำของเซี่ยหง เวลานั้นทั่วทั้งผืนดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นกระแทกที่มองเห็นด้วยตาเปล่าแผ่ระลอกออกมาโดยมีเซี่ยหงอยู่ตรงกลาง เมฆฝุ่นยกตัวขึ้น

ผืนดินพังทลาย

แสงสีทองและสีดำเขมือบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร คลื่นลูกแล้วลูกเล่าระเบิดออกทั่วพื้นที่ ในที่สุดภายใต้สายตาของฝูงชนคลื่นหลิงก็สลายลง ขณะเดียวกันทุกสายตาก็พุ่งตรงไป

ลมพายุกวาดข้ามขอบฟ้าทำเกิดเมฆฝุ่นขึ้น เมื่อทิวทัศน์บนลานประลองชัดเจนขึ้น ทุกคนก็เห็นเซี่ยหงยืนในท่าเดิม ไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้าแต่ดวงตากะพริบด้วยไอโหดเหี้ยม

ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่เซี่ยหงที่ยืนนิ่ง ราวกับว่าผลกระทบยิ่งใหญ่จากการปะทะไม่สามารถทำให้เขาสั่นไหวได้ แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ได้เผยิบผยาบจากคลื่นกระแทก

ทว่ามีคนที่มีสายตาแหลมคมมองไปที่บัลลังก์สีทองด้านหลัง

เมื่อลมพัดวูบหนึ่ง บัลลังก์มั่นคงก็กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวออกไปในสายลม

ผู้ชมดวงตาหดเกร็ง แม้ว่าหมัดของมู่เฉินไม่ได้สร้างภัยคุกคามกับเซี่ยหงมากนัก แต่ก็สามารถทะลวงแนวป้องกันและทำลายบัลลังก์ที่อยู่ข้างหลังสลายเป็นอากาศธาตุ

มู่เฉินกำลังแสดงอำนาจด้วยหมัดลุ่นๆ หมัดนี้

นอกจากนี้วิธีการขู่ของเขาดูเหมือนว่าจะได้ผลดีเลยทีเดียว อย่างน้อยหลายคนแววตาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อมองไปที่มู่เฉิน ทุกคนบอกได้ว่าแม้ขุมพลังของเขาจะอยู่ในระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเท่านั้น แต่พลังที่มีก็เกินกว่าที่มองเห็นภายนอกไปไกล

“เจ้านี่มีความสามารถมากนะเนี่ย” มู่ซันยิ้มขณะที่ดวงตาหรี่ลง เขากับเซี่ยหงขุ่นเคืองกันหลายเรื่อง ดังนั้นเขารู้สึกเพลิดเพลินที่เซี่ยหงโดยกดขี่โดยธรรมชาติ

“ช่างเป็นเรื่องไม่คาดคิด…แต่เซี่ยหงคงจะระวังมากขึ้น การที่เขาจริงจังก็ไม่ง่ายที่จะรับมือ” ชิ้งหย่าตอบด้วยรอยยิ้ม

มู่ซันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชิ้งหย่า เขาและเซี่ยหงต่อสู้กันมาหลายปี แต่เขาก็ยังไม่เคยได้เปรียบ มากจนแม้แต่อยู่ต่ำกว่าในทำเนียบอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเซี่ยหงที่จริงจังรับมือยากลำบากเพียงใด แม้ว่ามู่เฉินจะดูไม่เคี้ยวง่าย แต่ก็เร็วไปที่จะบอกถึงผู้ชนะคนสุดท้าย

ภายใต้เสียงกระซิบทั้งหมด เซี่ยหงเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาราวกับใบมีด ก่อนที่จะถอนฝ่ามือออกพูดไม่แยแสว่า “ไม่เลว”

เขาต้องยอมรับความจริงว่ามู่เฉินสามารถผ่าแนวป้องกันของเขามาได้

“ตอนแรกข้าคิดว่าการต่อสู้วันนี้คงน่าเบื่อ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่แย่เหมือนอย่างที่คิดไว้” เซี่ยหงเดินขึ้นหน้า ขณะที่ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวเพิ่มขึ้นไปในระดับใหม่ เดินไม่กี่ก้าวทั้งลานประลองก็ถูกห่อหุ้มด้วยแรงกดดัน ซึ่งทำให้สีหน้าของผู้เฒ่าไป๋ ถานชิวและผู้บัญชาการสือซีดขาวลง คลื่นพลังในร่างก็เหมือนหมุนเวียนช้าลง

นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าของแท้!

สายตาแหลมคมของเซี่ยหงมองตรงไปที่มู่เฉิน เสียงน่าขนลุกเอ่ยว่า “แต่ถ้าแกมีความสามารถเท่านี้ก็อย่าหวังว่าจะออกจากที่นี่ไปได้”

ทันทีที่เซี่ยหงพูดจบ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตอีกสายก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้แรงกดดันคลื่นพลังที่ก่อตัวไว้โดยเซี่ยหงกระจัดกระจายหายไป

ดวงตาของเซี่ยหงหดลง จากนั้นก็หันกลับไปมองอย่างช้าๆ จ้องมองที่จิ่วโยวที่ปลดปล่อยพายุคลื่นหลิงแผ่ไปรอบตัว

จิ่วโยวมองเซี่ยหงกลับด้วยสายตาเย็นชา เพลิงโปร่งใสลุกโชนอยู่ในมือ พร้อมกับอารมณ์เย็นเยือก ทันใดนั้นนางก็ชี้นิ้วออกมา เพลิงโปร่งใสกลายเป็นลำแสงซัดใส่เซี่ยหง

ฟิ้ว!

ทว่าเมื่อลำแสงพุ่งออกมา เกลียวสีเทาก็แล่นแปลบปลาบที่เบื้องหน้าเซี่ยหง ชายชราชุดเทาเผยตัวขึ้น ฝ่ามือแห้งเหี่ยวกำลำแสงเอาไว้ คลื่นหลิงทรงพลังพล่านออกมาจากฝ่ามือดับลำแสงเพลิงลง

“ฮ่าๆ ในเมื่อองค์ชายเลือกเหยื่อแล้ว ก็อย่าเข้ามาขวางหูขวางตาดีกว่านะ” หวังกงยิ้มตาหยีขณะปัดลำแสงเพลิงออกไป

เมื่อมองไปที่หวังกง สายตาของจิ่วโยวก็มืดครึ้มลง นางรู้สึกได้ถึงพลังหยินเยือกเย็นรอบตัวตาเฒ่าคนนี้ที่ทรงพลังมาก ดูเหมือนว่าชายคนนี้อีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด ความแข็งแกร่งของเขาไปไกลเกินกว่าขั้นเก้าทั่วไป

วาบ!

เสียงลมกรูกันออกมาด้านหลังลานประลอง ร่างคนสิบกว่าคนพุ่งออกจากล้อมกรอบลานประลอง ปิดล้อมกลุ่มของจิ่วโยวจากระยะไกลและตัดเส้นทางการถอยหนีทุกช่อง

ผู้บัญชาการทั้งสามเมื่อเห็นร่างเงาเหล่านั้น สีหน้าก็อดเปลี่ยนแปลงโดยควบคุมไปไม่ได้ เนื่องจากพบว่าในกลุ่มคนนั้นมีจอมยุทธ์สี่คนอยู่ในขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า ที่เหลือก็อยู่ในขั้นเจ็ดขั้นแปดแล้ว

การรวมตัวของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก

ขณะนี้ทั้งพื้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบแคว้นเซี่ย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะล่าถอยไปอย่างราบรื่น

“ในเมื่อมาแล้ว ก็สายเกินไปที่จะหนีนะ”

เซี่ยหงคลี่รอยยิ้มบางจาง ก่อนจะสำรวจเรือนร่างเพรียวบางของจิ่วโยว จากนั้นก็ยกสายตาไปที่หลินจิ้งด้วยความปรารถนาพล่านในดวงตา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ “แต่การต่อสู้แบบนี้น่าเบื่อเสียจริง เรามาวางเดิมพันกันไหมล่ะ?”

มู่เฉินมีสีหน้าสงบนิ่งเมื่อได้ยิน เห็นชัดว่าเขาไม่สนใจ

แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ดวงตาของหลินจิ้งก็สว่างวาบ นางถามด้วยความสนใจ “เดิมพันอะไร?”

“พนันว่าใครจะชนะระหว่างเขากับข้า?” เซี่ยหงชี้ไปที่มู่เฉินจากนั้นก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มตาหยี “ถ้าข้าแพ้ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าไปพร้อมกับมอบอาวุธเสมือนมหสวรรค์สามชิ้นเป็นของกำนัล”

เมื่อผู้ชมโดยรอบได้ยินน้ำเสียงของเซี่ยหงก็อดอุทานไม่ได้ อาวุธเสมือมหสวรรค์สามชิ้น เซี่ยหงช่างฟุ่มเฟือยจริงๆ…

“ถ้าเจ้าชนะล่ะ?” หลินจิ้งถามพลางกะพริบตาวิบวับ

“งั้นก็ขอให้สาวงามทั้งสองมาแนบกายไง” เซี่ยหงยิ้ม

หลินจิ้งจือปากหัวเราะเบาๆ “พวกข้าสองคนมีค่าเพียงอาวุธเสมือนมหสวรรค์สามชิ้นเองหรือ? องค์ชายแห่งราชวงศ์เซี่ยขี้เหนียวจริง”

เซี่ยหงอึ้งไปก่อนจะเลิกคิ้ว “งั้นเจ้ามีข้อเสนออะไรล่ะคนสวย?”

หลังจากคิดครู่หนึ่งหลินจิ้งตอบแบบสบายๆ “เขียนใบรับรองลูกหนี้แล้วก็ประทับตราไว้ ถ้าเจ้าแพ้จะเป็นหนี้ของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดกับข้า”

โอ้!

ผู้ชมขากรรไกรอ้าค้างเมื่อนางพูดจบ แม้แต่เซี่ยหงก็อดใบหน้ากระตุกไม่ได้ ของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดอาจทำให้คลังของแคว้นเซี่ยว่างเปล่าเลยนะ

ของเหลวร้อยล้านหยดนี้สามารถซื้ออาวุธมหสวรรค์ของจริงได้เลยทีเดียว!

เซี่ยหงใบหน้าแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแห้ง “แม่นางน้อยคำพูดนี่เกินจริงไปหน่อยนะ นอกจากนี้พูดอย่างไม่เกรงใจ ต่อให้ข้าเขียนใบรับรองลูกหนี้ให้เจ้า ข้าเกรงว่าเจ้าก็ไม่สามารถได้รับของเหลวจื้อจุนจากแคว้นเซี่ยแม้แต่หยดเดียว”

คำพูดของเขาเป็นความจริง หากใครก็ตามที่ถือใบรับรองลูกหนี้ไปอ้างสิทธิ์กับแคว้นเซี่ย บิดาของเขาอาจจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่างูที่พยายามจะกลืนช้างเป็นอย่างไร รนหาที่ตาย…

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถนำของเหลวจื้อจุนปริมาณเท่านั้นออกจากแคว้นเซี่ยไปได้

เมื่อหลินจิ้งได้ยินคำพูดนั่นก็เบ้ปากออก “ถ้าใจไม่ถึงก็อย่าพนันตั้งแต่ต้นสิ สู้กันตามปกติ ให้เสียเวลาไปเล่นๆ”

ครั้นได้ยินน้ำเสียงของหลินจิ้งที่อัดแน่นด้วยอาการดูถูก เซี่ยหงก็ขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง “ก็ได้ ในเมื่อแม่นางน้อยสนใจเรื่องนี้มาก งั้นข้าว่าตามเจ้าแล้วกันนะ!”

พูดจบเขาก็หยิบม้วนกระดาษทองคำออกมา นิ้วตวัดไปมาสลักลงไปด้วยคลื่นหลิง จากนั้นก็หยดเลือดสร้างรอยประทับเป็นอันเสร็จขั้นตอน

พอเรียบร้อยแล้วเซี่ยหงก็ยิงม้วนกระดาษทองคำเข้าในสิงโตหินในลานประลอง

“ถ้าข้าแพ้ พวกเจ้าก็เอามันไปเลย แต่ข้าขอเตือนถ้าเจ้าคิดจะนำไปที่แคว้นเซี่ยจริงๆ ก็รนหาที่ตายแล้ว” เซี่ยหงยิ้มบาง

เขาถือว่านี่เป็นเรื่องเด็กเล่นของหลินจิ้งเท่านั้น จึงไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องนี้ นอกจากนี้เขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะแพ้ ก้าวถอยหลังหนึ่งหมื่นก้าวแม้ว่าเขาจะแพ้ แต่ก็เป็นเรื่องโง่ที่จะไปที่แคว้นเซี่ยด้วยเรื่องใบแจ้งหนี้นี้

“ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะไปทวงหนี้อย่างไร” หลินจิ้งหัวเราะคิกคักราวกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

“มู่เฉิน ข้าฝากความหวังไว้ที่เจ้านะ ถ้าเจ้าชนะข้าจะแบ่งของเหลวจื้อจุนให้ครึ่งหนึ่ง!” หลินจิ้งมองไปที่มู่เฉินโบกมือหยอยๆ ให้กำลังใจเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นการกระทำของนางก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี แต่สุดท้ายก็พยักหน้าพลางมองเซี่ยหงด้วยความเห็นอกเห็นใจ

ถ้าเซี่ยหงรู้ว่านางเป็นธิดาของเทพจักรพรรดิสงครามแห่งแคว้นหวูที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในมหาพันภพ สีหน้าท่าทางจะตลกขนาดไหน?

แม้ว่าแคว้นเซี่ยจะทรงพลัง แต่ถ้าพวกเขากล้าเบี้ยวหนี้กับองค์หญิงน้อย ก็คงไม่ใช่แค่จอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนสองสามคนจะมาเคาะประตูบ้าน…

หากนางโกรธขึ้นมาจริงๆ จนถึงขั้นเรียกบิดามาช่วยละก็ ฮ่องเต้เซี่ยก็ได้แต่กลืนความคับข้องใจลงไปในท้อง

เซี่ยหงกระโดดลงไปในหลุมพรางที่หลินจิ้งขุด…

มู่เฉินกับจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะส่ายหัวเงียบๆ

“ไอ้หนุ่มโชคร้ายนั่น… ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset