หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1109 ป้ายทางทหาร

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1109 ป้ายทางทหาร

“ข้าเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่จักรพรรดิฟ้าปลูกไว้”

มู่เฉินมองไปที่รอยยิ้มของมั่นถัวหลัวก็ตัวแข็งทื่อขึ้นอย่างช้าๆ กับคำพูดของนาง ซึ่งดูตลกมาก

แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ภายนอกเท่านั้น กระทั่งหัวใจของมู่เฉินก็กลิ้งเป็นลอนคลื่นขณะมองไปที่มั่นถัวหลัวด้วยความไม่เชื่อ แม้ว่าเขาจะงงงวยว่าทำไมมั่นถัวหลัวถึงรู้ข้อมูลของวังสวรรค์บรรพกาลมากนัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่านางจะเป็นดอกไม้ที่จักรพรรดิฟ้าปลูกไว้

ดอกไม้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“ยากที่จะเชื่อหรือ?” มั่นถัวหลัวยิ้มขณะที่ม่านตาสีทองคำมองไปที่วังโบราณที่ปรากฏเลือนรางก็พูดต่อ “ในอดีตความทรงจำของข้าถูกปิดกั้นไว้ แต่เมื่อเข้าใกล้วังสวรรค์บรรพกาลมากขึ้นความทรงจำก็เริ่มกลับมาและตอนนี้เกือบทั้งหมดได้รับการฟื้นฟู”

“แล้วร่างหลักของเจ้าคืออะไร?” หลังจากเงียบไปนานในที่สุดมู่เฉินก็หายจากอาการตื่นตะลึงขณะกลืนน้ำลายเอ่ยถามอย่างยากลำบาก

มั่นถัวหลัวมองมู่เฉินด้วยความลึกซึ้งในดวงตาพูดช้าๆ “เจ้าน่าจะคุ้นเคยกับมันดี ดูจากชื่อข้าเจ้ายังเดาไม่ได้อีกเหรอ?”

ซี้ด!

มู่เฉินสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ร่างหลักของเจ้าคือดอกแมนดาลาโบราณ?!”

มีดอกไม้เทพในมหาพันภพที่ชื่อว่าแมนดาลา ซึ่งเป็นดอกไม้ที่วิเศษและมีสติปัญญาโดยกำเนิด หากเติบโตเต็มที่จะไม่ด้อยไปกว่าเทพอสูร บางทีอาจมีพลังมากกว่าในบางแง่มุม

เพียงแค่จำนวนดอกแมนดาลามีน้อยแสนน้อย ดังนั้นเมื่อปรากฏตัวก็จะดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน หากดอกไม้เหล่านี้ถูกนำกลับมาได้รับการเลี้ยงดูก็อาจจะเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้เลย

ตอนนี้มู่เฉินเข้าใจแล้วว่าทำไมสายตาของมั่นถัวหลัวจึงดูแปลกๆ นั่นเป็นเพราะมีหน้ารายการนิรันดร์อยู่ในร่างกายของเขาซึ่งเป็นบันทึกทักษะการฝึกฝนร่างเทพสุริยะพร้อมกับลวดลายศักดิ์สิทธิ์ของดอกแมนดาลา

ในอดีตถ้าไม่ใช่เพราะลวดลายเหล่านั้น มู่เฉินคงถูกจิ่วโยวเขมือบไปแล้ว ร่างเขาจะถูกครอบครองโดยนาง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขาก็มีความสัมพันธ์กับดอกแมนดาลาหลายส่วน

“ร่างนี้ของข้าเป็นดอกตูม เมื่อพิจารณาจากระดับหนึ่งข้าไม่ใช่ร่างดวงจิตอย่างที่เจ้าคิดไว้หรอก แต่ว่ามีอยู่จริง” มั่นถัวหลัวยิ้มขณะพูดต่อ “นี่คือส่วนที่น่าอัศจรรย์ของดอกแมนดาลาโบราณ ตราบใดที่ไม่ถูกทำลายจนหมดก็สามารถอยู่รอดได้ในอีกลักษณะอื่น”

มู่เฉินเดาะลิ้น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่สามารถบรรลุสิ่งนั้นได้

“แค่ร่างรองของเจ้าก็มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้ว แบบนี้ร่างหลักจะทรงพลังแค่ไหน?” มู่เฉินถามคำถามสำคัญทันที สำหรับมนุษย์ถ้าร่างดวงจิตอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ร่างจริงก็น่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนแล้วมั้ง!?

หรือว่าร่างหลักของมั่นถัวหลัวอยู่ในระดับเทียนจื้อจุน?

มั่นถัวหลัวรู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ก็ส่ายหัว “ที่จุดสูงสุดร่างหลักของข้าอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ร่างหลักข้าอ่อนแอลงแน่นอน ทว่าโชคดีที่ข้าไม่ได้ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาอย่างไร้ประโยชน์ ดังนั้นก็น่าจะชดเชยความสูญเสียและรักษาขุมพลังไว้ได้”

“ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเรอะ…” มู่เฉินถอนหายใจ แค่นั้นก็ทรงพลังในตัวเองมากพอแล้ว เพราะกระทั่งปัจจุบันจอมยุทธ์ระดับนี้ในทวีปเทียนหลัวก็มีน้อยยิ่ง

“ตอนนั้นที่ข้าเพิ่งแยกออกจากร่างหลักก็อยู่ในสภาพอ่อนแอมากบวกกับคำสาป ดังนั้นขุมพลังจึงอยู่ที่ระดับจื้อจุนขั้นห้าถึงขั้นหกเท่านั้น ข้าต้องขอบคุณเจ้า ถ้าไม่ใช่เจ้าตอนนี้ข้าก็ยังคงนิทราเพื่อระงับคำสาปในร่างกาย ไม่ต้องพูดถึงการบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งถ้าข้าไม่สามารถมาถึงพลังระดับนี้ ข้าก็ไม่กล้ามานี่แม้ว่าวังสรรค์บรรพกาลจะปรากฏขึ้นก็ตาม” มั่นถัวหลัวมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณในสายตา

มู่เฉินเกาหัวแกรกกรากแก้เขิน เนื่องจากไม่รู้ว่าได้ช่วยเหลือมั่นถัวหลัวไว้มากแต่เมื่อคิดลึกซึ้งลงไปก็ถามว่า “ทำไมถึงไม่กล้ามา ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับตี้จือจุนขั้นปลาย?”

เขาสัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมในคำพูดของมั่นถัวหลัว

“เจ้าลืมศัตรูข้าไปแล้วหรือ?” มั่นถัวหลัวเอ่ยขึ้น

หัวใจมู่เฉินสั่นสะท้าน “เจ้าห่วงเรื่องลู่หยวนจากตำหนักเทพปีศาจเรอะ?”

เพราะเหตุนี้นี่เอง ลู่หยวนมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหากมั่นถัวหลัวไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญหน้าก็จะดึงดูดปัญหาอย่างแน่นอน

“เจ้านั่นเป็นใครกันแน่?” มู่เฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตามที่มั่นถัวหลัวเคยบอก นางและลู่หยวนมาจากวังสวรรค์บรรพกาล แล้วทำไมต่างฝ่ายถึงมองต่างคนเป็นศัตรูกันจนถึงขั้นสาปแช่ง?

มั่นถัวหลัวหรี่ตาลงพร้อมกับแววอันตรายวูบไหวตอบว่า “มันเป็นเจียวโลหิตโบราณที่เป็นพาหนะของจักรพรรดิฟ้า”

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านและตกตะลึง ลู่หยวนเป็นพาหนะจักรพรรดิฟ้ารึ?

แล้วทำไมมั่นถัวหลัวที่เป็นดอกไม้น้อยถึงได้สู้กับพาหนะจนไม่สนเรื่องความเป็นตายกันแล้ว?

มู่เฉินฉงนไปเลยทีเดียว ไม่ว่าจะยังไงทั้งคู่ก็มาจากวังสวรรค์บรรพกาลไม่ใช่เหรอ?

“ตอนที่จักรพรรดิฟ้าต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจ สุดท้ายก็ได้ปิดผนึกสุสานจักรพรรดิฟ้าและวังทั้งหมดถูกทำลายล้างราบเรียบ ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจรายละเอียดแต่ตอนที่คืนสติวังก็ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นข้ากับลู่หยวนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหลือที่ยังมีสติปัญญาอยู่”

“แต่ตอนที่กำลังตรวจสอบวัง จู่ๆ ลู่หยวนก็โจมตีข้าด้วยคำสาปแช่ง ท้ายที่สุดข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปิดผนึกตัวเองโดยให้ร่างรองหนีออกมา”

“ทำไมมันถึงทำอย่างนั้น?” สีหน้ามู่เฉินเปลี่ยนไป

มั่นถัวหลัวขมวดคิ้วตอบว่า “จอมพลทั้งหมดสิ้นชีพอยู่ในวังโบราณ หากมันได้รับสมบัติและมรดกจักรพรรดิฟ้าก็มีโอกาสที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน ข้าว่ามันคงต้องการครอบครองมรดกของวังสวรรค์บรรพกาลทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว”

มู่เฉินผงกศีรษะเนื่องจากประโยคนี่สมเหตุสมผลดี เพราะมรดกของวังสวรรค์บรรพกาลเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง ความทะเยอทะยานของลู่หยวนไม่น้อยจริงๆ

“ข้าจะพยายามช่วยเจ้าเก็บรายละเอียดระหว่างการเดินทางไปยังวังสวรรค์บรรพกาลครั้งนี้” มู่เฉินกล่าว ไม่ว่ามั่นถัวหลัวในปัจจุบันจะเป็นเพียงร่างรองหรือร่างหลักก็ไม่สำคัญ ถ้าเขาช่วยนางฟื้นร่างหลัก ความแข็งแกร่งของนางก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขา

มั่นถัวหลัวพยักหน้า นางไม่แปลกใจกับคำพูดของมู่เฉิน เพราะยังไงก็รู้จักกันหลายปีแล้ว นางไว้วางใจเขามาก มิฉะนั้นนางคงไม่คิดบอกความลับนี้หรอก

“ใช่แล้ว… ช่วยข้าดูหน่อยว่านี่มาจากไหน” ทันใดนั้นมู่เฉินก็นึกถึงป้ายลึกลับที่ได้จากการประมูล เขาหยิบออกมาส่งให้มั่นถัวหลัว ไม่ว่ายังไงมั่นถัวหลัวก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์บรรพกาล ดังนั้นนางน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างล่ะมั้ง?

ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวมองไปที่ป้ายลึกลับพร้อมกับความคิดวูบไหวในดวงตา จากนั้นครู่หนึ่งดวงตานางก็เปล่งประกาย

“เจ้ารู้สิ่งนี้หรือ?” เมื่อเห็นปฏิกิริยานาง มู่เฉินก็อึ้งไปพลางถามด้วยความดีใจ

มั่นถัวหลัวยังไม่ตอบอะไร นางหยิบป้ายดูปราดหนึ่งก่อนจะมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาประหลาด “เจ้าไปเอาสิ่งนี้มาจากไหน?”

“เพราะป้ายนี่แหละที่ทำให้เกิดเรื่องกับเซี่ยหงน่ะ” มู่เฉินกล่าว

“ต้องบอกว่าคุ้มค่ามาก” มั่นถัวหลัวพูดช้าๆ พูดต่อว่า “เจ้าโชคดีจนข้ายังอิจฉาเลย”

“แล้วนี่คืออะไร?” หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวจากคำพูดของนาง รีบเอ่ยถาม

มั่นถัวหลัวลูบป้ายโบราณอยู่นานก่อนจะพูด “ถ้าข้าเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นป้ายทางทหาร”

“ป้ายทางทหาร?” หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน

“พูดให้ถูกต้องก็คือป้ายบัญชาการกองทัพสังหารวิญญาณภายใต้สังกัดจอมพลสอง ซึ่งเป็นกองทัพชั้นยอดที่เคยสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมาแล้ว” มั่นถัวหลัวกล่าว

“กองทัพสังหารวิญญาณ? เคยสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน?” หัวใจของมู่เฉินกระเด้งขึ้นเมื่อได้ยินจากนั้นความปีติดีใจก็ปะทุในดวงตา มิน่าล่ะเขาถึงสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่ถูกปกคลุมอย่างคุ้นเคย เมื่อสัมผัสให้ละเอียดก็จะพบว่านี่คือรัศมีจั้นยี่!

แต่ความสุขก็คงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มู่เฉินจะขมวดคิ้วอีกครั้ง แม้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณจะทรงพลัง แต่เวลาผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว ไม่ว่ากองทัพจะน่าเกรงขามขนาดไหน แต่ตอนนี้ก็อาจจะเป็นขี้เถ้า ดังนั้นจะใช้อะไรได้?

มั่นถัวหลัวรู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรก็ไตร่ตรองชั่วครู่ “นั่นก็ไม่ถูกซะทีเดียว กองทัพวังสวรรค์บรรพกาลได้รับการฝึกฝนทักษะลับที่พิเศษ หลังจากการตายคลื่นหลิงของพวกเขาจะรวมเข้ากับร่างกายกลายเป็นนักรบหุ่นเงาที่ไม่มีสติปัญญาใดๆ หุ่นพวกนั้นฟังคำสั่งของผู้ที่ครอบครองป้ายบัญชาการเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาอาจจะยังดำรงอยู่ในหอสองก็ได้”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวพลางพยักหน้า จำคำพูดของมั่นถัวหลัวไว้ในใจ ดูเหมือนว่าถ้าเขาสามารถไปที่หอสองได้ เขาก็ควรให้ความสนใจกับสิ่งนี้ ตราบใดที่เขาสามารถสั่งการกองทัพสังหารวิญญาณได้ แม้ว่าเขาจะเผชิญกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน เขาก็ยังมีพลังที่จะต่อสู้

พอนึกถึงเรื่องนี้หัวใจของมู่เฉินก็ค่อยๆ ลุกเป็นไฟ

“เมื่อไรเราจะเข้าไปได้?”

มั่นถัวหลัวเงยหน้าขึ้นมองไปยังมิติแตกร้าวก่อนจะยิ้ม “อีกห้าวัน มิติจะคงที่ขึ้นและเป็นเวลาที่จะส่งพวกเจ้าเข้าไป”

มู่เฉินพยักหน้ามองไปที่วังโบราณที่ปรากฏเลือนรางในมิติแตกร้าวด้วยสายตาเร่าร้อน

รอมาหลายปีในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset