หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1205 ลั่วเสิน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1205 ลั่วเสิน

มู่เฉินมองไปที่มั่นถัวหลัวด้วยสองมือสั่นเทา

เผยให้เห็นความวิตกกังวลในหัวใจของเขา

เขาจะไม่มีวันลืมความรู้สึกอ่อนแอตอนที่ภาพเงาแข็งแกร่งแก่ชราพาลั่วหลีไปจากเขาจากสำนักศึกษาเป่ยชาง

เขาไม่มีวันลืมน้ำตาแห่งความเสียใจที่เอ่อล่นในดวงตาของนาง เมื่อตอนที่จากลา

ตอนนั้นเขาไม่มีพลังอำนาจใด ได้แต่มองดูลั่วหลีหายไปจากครรลองสายตา

เขารู้ว่าการจากลาของเราสองคนต้องกินเวลาเนิ่นนานหลายปี

“ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ข้าจะไม่ยอมให้ใครพาเจ้าไปอีกแล้ว!”

เสียงมั่นคงของชายหนุ่มยังคงชัดเจนแม้ผ่านไปหลายปี หลังจากนั้นเขาก็ออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางท่องยุทธภพไปทั่วมหาพันภพ

ผ่านไปหลายปี เขาก็เติบโตขึ้นผ่านศึกเป็นตายมามากมาย ทำให้ความอ่อนโยนบนใบหน้าลดลงไม่น้อย อย่างไรก็ตามดวงตาของเขายังคงแน่วแน่เช่นเคย

เขาเปลี่ยนแปลงจากลูกเจี๊ยบตัวน้อยจนกางปีกหงส์ฟ้าได้อย่างสมบูรณ์

ตอนนี้เขาไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้ว่าลั่วเทียนเสินจะยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เขาก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย

ตอนนี้ถ้าเขาเปิดไพ่ตายทั้งหมด ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแท้จริงก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี!

ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะยืนต่อหน้าชายชราคนนั้นด้วยความภาคภูมิ

แต่มู่เฉินรู้ว่าการเติบโตของตนเองนั้นไม่ได้เพื่อต่อต้านชายชราคนนั้นที่คิดแทนลั่วหลี ตนแค่อยากจะบอกตาแก่คนนั้นว่าชายหนุ่มที่หลานสาวเขาเลือกไม่ใช่กรวดหิน แต่เป็นเพชรเม็ดงามเมื่อได้รับการเจียระไน!

เขาทำงานหนักมาตลอดเพื่อให้ถึงวันนั้น

มู่เฉินสูดหายใจลึกๆ สงบอารมณ์ในใจลง ม่านตาสีดำก็กลับมาเป็นประกายเรืองรอง

มั่นถัวหลัวมองรัศมีคมชัดที่มาจากมู่เฉินก็ยกคิ้วขึ้น ใบหน้านางฉาบด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าคนรักของเจ้าจะเป็นคนสำคัญมาก”

หลังจากรู้จักมู่เฉินมานานนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเขาเกิดอารมณ์รุนแรงต่อหญิงสาวคนหนึ่ง

มู่เฉินยิ้มเขินแต่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่มั่นถัวหลัว

เมื่อถูกจ้องมองมั่นถัวหลัวก็หุบยิ้ม นางเอามือแตะคางถามกลับว่า “เจ้ารู้เกี่ยวกับตระกูลลั่วเสินมากแค่ไหน?”

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะส่ายหัว ในอดีตตระกูลลั่วเสินเป็นดินแดนสวรรค์ที่ไกลเกินเอื้อมมือ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อก่อน จากการประเมินรากฐานพลังของตระกูลลั่วเสินน่าจะเทียบเท่าขั้วอำนาจระดับสูงสุดของทวีปเทียนหลัว

“ปัจจุบันตระกูลลั่วเสินเสื่อมโทรมลงไปมาก ตอนที่อยู่ในจุดสุดยอดไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้เลย” มั่นถัวหลัวอธิบาย

“สมัยโบราณมีความงามล้ำหาที่เปรียบไม่ได้อยู่บนยอดคทาของตระกูลลั่วเสิน ในแง่ของความแข็งแกร่งและชื่อเสียงแม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังด้อยกว่านาง”

ความตกตะลึงฉาบบนใบหน้าของมู่เฉินตามคำพูดนี้ ตระกูลลั่วเสินมีอัจฉริยะทรงพลังที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังด้อยกว่ารึ?

มั่นถัวหลัวเบ้ปากพลางถอนหายใจ “นางรู้จักกันในนามลั่วเสิน ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ แต่ยังเป็นที่รู้จักในฉายาเทพธิดาแห่งมหาพันภพ จุ๊ๆ ว่ากันว่าเทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนกี่คนตกหลุมรักความงามของนาง”

มู่เฉินตกตะลึง ไม่คิดว่าบรรพบุรุษของตระกูลลั่วเสินจะเป็นเทพธิดาแห่งมหาพันภพ

“ตระกูลลั่วเสินมีมรดกตกทอดมายาวนาน ถ้าไม่ใช่เพราะจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ตระกูลลั่วเสินคงเป็นหนึ่งในเผ่าโบราณไปแล้ว” มั่นถัวหลัวถอนหายใจอย่างเสียดาย

มู่เฉินพูดไม่ออก เฉพาะเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดเท่านั้นถึงจะเป็นที่รู้จักในฐานะเผ่าโบราณแห่งมหาพันภพ เช่นเผ่าหมัวเฮอและเผ่าฝูถู ไม่คิดว่าตระกูลลั่วเสินจะมีรากฐานเช่นนี้เหมือนกัน

“ลั่วเสินเสียชีวิตหรือ?” มู่เฉินถามเสียงต่ำ

ใบหน้าเคร่งขรึมของมั่นถัวหลัวพยักเบาๆ “เล่ากันว่าลั่วเสินขัดขวางจอมปีศาจขั้นเทียนสองคนที่อยู่ในอันดับที่แปดและเก้า”

มู่เฉินหดดวงตาจากการจำแนกตำแหน่งของจอมปีศาจขั้นเทียน ทั้งสองจะต้องเป็นราชันปีศาจที่ไม่ธรรมดาในจักรวรรดิปีศาจต่างมิติแน่นอน

เพราะเขาเคยได้เห็นพลังของจอมปีศาจทุนเทียน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าราชันปีศาจน่ากลัวมากเพียงใด

ทว่าลั่วเสินกลับเผชิญหน้าสิ่งมีชีวิตไร้เทียมทานสองคน ดังนั้นสามารถบอกได้ว่านางกล้าหาญเพียงใดรวมถึงตำแหน่งอันตรายของนางด้วย

“หลังมหาสงครามจบ ลั่วเสินเสียชีวิต แต่สำหรับจอมปีศาจขั้นเทียนทั้งสอง คนหนึ่งตายอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ” มั่นถัวหลัวถอนหายใจ ในคำพูดแสดงความชื่นชมต่อเทพธิดาแห่งมหาพันภพ

มู่เฉินตกตะลึงอย่างที่สุดกับความสำเร็จของลั่วเสิน เพราะแม้แต่จักรพรรดิฟ้าทำได้ดีที่สุดก็เพียงผนึกจอมปีศาจทุนเทียนเอาไว้ สำหรับลั่วเสินนางสามารถฆ่าได้คนหนึ่งและซัดอีกคนจนบาดเจ็บ ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าพลังของลั่วเสินแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิฟ้า

“ตอนที่นางเสียชีวิต ร่างทอดเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อแม่น้ำลั่ว ซึ่งตระกูลลั่วเสินปกปักเอาไว้ มีข่าวลือว่าลั่วเสินได้ทิ้งมรดกไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือร่างเทพวารี หนึ่งในร่างเทห์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สั่นสะเทือนผู้คนมากมายในมหาพันภพ”

“ลำดับที่สิบเอ็ด—ร่างเทพวารี?!” ท่าทางของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง เขาไม่เคยคิดเลยว่าร่างลึกลับนี้จะเป็นของตระกูลลั่วเสิน!

เมื่อเทียบกับร่างเทพวารีแล้วร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาก็อาจไม่ได้เปรียบอะไรมากมาย

ขณะนี้เขาตระหนักได้ว่าตนเองประเมินตระกูลลั่วเสินต่ำเกินไป

“แต่…” มั่นถัวหลัวส่ายหน้าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ตลอดหลายปีไม่มีสมาชิกตระกูลสามารถฝึกร่างเทพวารีนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครได้รับมรดก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลลั่วเสินถึงตกต่ำจนถึงจุดนี้”

มู่เฉินจนคำพูดไปเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายที่จะฝึกฝนร่างเทพวารี ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาไม่เคยได้ยินใครที่ครอบครองร่างเทห์สวรรค์นี้ในอดีต

“พวกเขามีสมบัติล้ำค่า แต่อยู่ในตำแหน่งต่ำลง ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจเป็นเรื่องปกติ” มั่นถัวหลัวพูดต่อไปว่า “ในดินแดนซีเทียนมีตระกูลเทพสี่ตระกูลได้แก่ ตระกูลลั่วเสิน ตระกูลเสี่ยเสิน ตระกูลลี่เสินและตระกูลกู่เสิน อดีตถึงแม้ว่าตระกูลลั่วเสินจะเสื่อมโทรมไปแล้ว แต่อูฐที่หิวโหยก็ยังคงมีขนาดใหญ่กว่าม้าดังนั้นพวกเขาจึงยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำหนึ่งในสี่ตระกูลเทพเอาไว้ได้”

“แต่หลังจากที่สามตระกูลเทพขยายอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ บารมีของตระกูลลั่วเสินก็ถดถอยลงไป วันนี้ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนซีเทียนกลายเป็นตระกูลเสี่ยเสินไปแล้ว”

“มิหนำซ้ำตระกูลเสี่ยเสินยังมีความแค้นอย่างยิ่งกับตระกูลลั่วเสิน เกิดการปะทะกันระหว่างสองตระกูลมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว ทำให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกัน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลเสี่ยเสินกดดันหนักมาก ส่งผลให้ตระกูลลั่วเสินตกอยู่ในสภาพย่ำแย่”

“ส่วนภายในตระกูลลั่วเสินเองก็ย่ำแย่นัก ภายใต้ภัยคุกคามนี้กลับไม่สามัคคีกัน ต่างฝ่ายปกครองกันเอง เห็นได้เลยว่ากำลังจะล่มสลาย”

พูดถึงจุดนี้มั่นถัวหลัวก็ยิ้มมองมู่เฉิน “แต่คนรักของเจ้านั่นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมแท้จริง นางพึ่งพาพลังของตนเองทำให้ตระกูลมั่นคงขึ้นและเป็นผู้นำทัพตระกูลลั่วเสินเข้าห้ำหั่นกับตระกูลเสี่ยเสินเอง”

มู่เฉินไม่รู้สึกดีใจเลย เขากลับกำหมัดแน่นสาดสีหน้าเย็นชา แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ข้างกายลั่วหลี แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่านางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน

“ตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าบอกว่าสภาพของนางไม่ดีใช่ไหม?” มู่เฉินสูดหายใจลึกๆ ขณะที่ถามเสียงเบา

ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะที่พยักหน้าเบาๆ “จากข้อมูลที่ได้รับตระกูลลั่วเสิน วางแผนที่จะให้นางเข้าพิธีเทพธิดาลั่ว เพื่อดูว่านางจะได้รับมรดกหรือไม่”

“หากลั่วหลีสามารถรับมรดกของลั่วเสินและฝึกร่างเทพวารีได้สำเร็จ ด้วยพรสวรรค์นางก็จะกลายเป็นลั่วเสินคนที่สองในอนาคต ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเทพอีกสามตระกูลอยากที่จะเห็น ดังนั้นข้ากลัวว่าจะมีปัญหาในพิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้”

“นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่ามีคลื่นใต้น้ำในตระกูล ไม่ใช่ทุกคนที่สนับสนุนคนรักของเจ้า สายของนางอ่อนแอและถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลั่วเทียนเสินละก็…”

“พิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ แน่”

ฮา

แสงเย็นเยือกวาววับในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกระงับอารมณ์ “พิธีเทพธิดาลั่วจะเริ่มเมื่อไร?”

“หนึ่งเดือนนับจากนี้”

มู่เฉินมองมั่นถัวหลัวถามว่า “ข้าใช้พลังตำหนักมู่ได้ไหม?”

ตระกูลลั่วเสินเส้นสายโยงใยซับซ้อนมากเกินไป แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง

มั่นถัวหลัวยิ้มบางขณะที่ยืนขึ้น

“ตอนนี้เจ้าเป็นประมุขตำหนักมู่แล้ว เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

มู่เฉินพูดเสียงเบา “ขอบคุณ”

เขารู้ดีว่าตนเองเป็นเหตุผลว่าทำไมมั่นถัวหลัวจึงตั้งใจสลายพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือเพื่อจัดตั้งตำหนักมู่

มั่นถัวหลัวเหยียดเอวพูดอย่างทรงอำนาจ

“ใครให้เจ้าเป็นศิษย์น้องของข้าล่ะ ในเมื่อมีใครกล้ามารังแกน้องสะใภ้ก็ซัดให้มันตายไปเลย!”

มู่เฉินยิ้มกว้าง ทว่ากลับมีแสงเหี้ยมเกรียมวูบไหวในดวงตา

ลั่วหลี รอข้า!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset