หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1245 เผยแพร่ชื่อเสียง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1245 เผยแพร่ชื่อเสียง

มู่เฉินยิ้มกริ่มในมือมีม้วนคัมภีร์สีแดง

ตอนนี้ราชันเมฆเพลิงหายไปแล้ว เขาถูกเตะออกจากการแข่งขันเนื่องจากการสูญเสียป้ายสัประยุทธ์ไป

ด้วยการข่มขู่จากมู่เฉิน ทำให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย เขาได้รับวิชาเพลิงกระโจนมาตามต้องการ

นี่ไม่ยากเกินไปที่จะทำสำเร็จ เนื่องจากชะตากรรมของราชันเมฆเพลิงอยู่ในมือเขา ในสมรภูมิแบบนี้ความตายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้แม้ว่ามู่เฉินจะฆ่าคนก็ตาม

บางทีราชันเมฆเพลิงอาจมีไพ่ตาย แต่เขาคงต้องจ่ายราคาด้วยการได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งมีผลสะท้อน ดังนั้นเมื่อเลือกระหว่างชีวิตกับคัมภีร์วิชา ราชันเมฆเพลิงเลือกชีวิตแบบไม่ต้องคิดเลย

“วิชาเพลิงกระโจน…”

มู่เฉินเทคลื่นหลิงลงไปในม้วนคัมภีร์ ข้อมูลมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาในห้วงจิต วิชานี้เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นต่ำเท่านั้น ในแง่ของการจัดลำดับก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินถูกล่อลวง ทว่าวิชานี้มีความเร็วและความสามารถทะลวงผ่านปราการของค่ายกลได้ นี่ทำให้มู่เฉินเกิดความสนใจอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่บีบเอามาจากราชันเมฆเพลิงหรอก

ต้องมีคลื่นหลิงที่มาจากไฟเพื่อฝึกฝนวิชานี้ โชคดีคลื่นหลิงของมู่เฉินหลอมรวมกับเพลิงอมตะแล้ว ซึ่งนี่ถือว่าเหมาะเหม็งเลยทีเดียว

มู่เฉินเก็บม้วนคัมภีร์รู้สึกค่อนข้างพอใจกับการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาได้ป้ายสัประยุทธ์สองป้าย เขายังได้รับอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำและวิชาเพลิงกระโจนอีกด้วย

“ป้ายสัประยุทธ์สามป้าย ป้ายหนึ่งเป็นของข้า ดังนั้นหมายความว่าข้าต้องการอีกสองป้ายเพื่อแลกเปลี่ยนกับค่ายกลรบสามกำลัง” มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง

“แต่ตอนนี้ในเมื่อข้ามีสามป้ายก็คงไม่จำเป็นต้องไปหา ปล่อยให้พวกเขามาหาข้าเอง ดังนั้นข้าแค่เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรอคนมาเท่านั้น…”

มู่เฉินยิ้มกริ่มก่อนที่เหาะเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าบินออกไปไกล สถานที่นี้วินาศสันตะโรอย่างมีนัย ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะตั้งค่ายกล เขาต้องมองหาสถานที่อื่น

เมืองซีเทียนจั้น

เมื่อฉากการต่อสู้ของมู่เฉินจบลง หน้าจอเหนือจัตุรัสก็หายไป ทว่าผู้คนยังคงจ้องมองอย่างอึ้งทึ่งอยู่ที่จุดที่หน้าจอหายไป

ไม่กี่อึดใจก่อนหน้าพวกเขายังเห็นราชันเมฆเพลิงไล่ล่ามู่เฉิน แต่ใครจะคิดว่าจะกลับตาลปัตรแบบนี้ มู่เฉินใช้ค่ายกลทรงพลังบังคับให้ราชันเมฆเพลิงต้องถอยตัวโก่งแล้วหนีไป แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดมู่เฉินยังออกจากค่ายกลไล่ตามอีกฝ่ายไป ด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่มี!

ตอนที่เห็นฉากนี้ ผู้คนจำนวนมากเยาะเย้ยมู่เฉินเพราะเขาประเมินความสามารถของตัวเองมากเกินไปและมองข้ามจุดที่ได้เปรียบ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดเยาะอะไรเพิ่ม ดวงตาของพวกเขาก็แทบถลน เมื่อเห็นราชันเมฆเพลิงไร้พลังในกำมือของมู่เฉินในสิบกว่าอึดใจเท่านั้น…

ไม่นานหลังจากหน้าจอหายไป พวกเขาก็ฟื้นจากอาการตะลึงงัน พากันแลกเปลี่ยนสายตาก็เห็นริ้วความเคร่งเครียดและความกลัวอยู่ในแววตาของกันและกัน

หากก่อนหน้าพวกเขายังรู้สึกว่ามู่เฉินใช้อุบายบางอย่างเพื่อเอาชนะสงป้า จากการต่อสู้ครั้งนี้คนเดียว มู่เฉินแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่สามารถคุกคามคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้

“ไม่คิดว่ามู่เฉินจะเชี่ยวชาญสูงในศาสตร์ค่ายกล… ค่ายกลเมื่อครู่อยู่ในระดับจงซือขั้นกลางแน่นอน” บางคนแอบถอนหายใจ จากข้อมูลที่ได้รับมาพวกเขารู้ว่ามู่เฉินเคยแสดงศักยภาพทางศาสตร์ค่ายกลที่ไม่ธรรมดาตอนที่อยู่ในตระกูลลั่วเสิน แต่ตอนนี้พลังของมู่เฉินเพิ่มขึ้นทบทวีอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับก่อนหน้า

“ชายคนนี้แปลกจริงๆ เขามีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น แต่กลับมีความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่แปลกใจที่เขากล้ากระโดดเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายนี้”

“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นม้ามืดตัวจริง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถไปไกลได้แค่ไหน เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้เขายังค่อนข้างห่างจากกลุ่มคนอันดับต้นๆ…”

“ใช่แล้ว หลิงจั้นจื่อได้รับป้ายสัประยุทธ์หกป้ายแล้วตอนนี้…”

“…”

เสียงซุบซิบดังก้อง แต่คราวนี้ไม่มีเสียงพูดเยาะเย้ยอีกแล้ว เนื่องจากทุกคนเข้าใจแล้วว่ามู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้

ลั่วเทียนเสินรู้สึกโล่งใจในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับวิธีของมู่เฉินบ้าง แต่เขาก็ค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นว่ามู่เฉินเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้

จากการคาดการณ์ กระทั่งเขายังมีโอกาสสูงที่จะพ่ายแพ้มู่เฉินเลย

การคาดการณ์นี้ทำให้เขายิ้มขมขื่น หวนคิดถึงหลายปีก่อนตอนที่พบกับมู่เฉินครั้งแรก ชายหนุ่มไม่มีอะไรโดดเด่นในสายตาของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูถูก แต่ก็ไม่ได้เอามู่เฉินมาใส่ใจ

แต่ใครจะคาดได้ว่าไม่กี่ปีต่อมาชายหนุ่มที่ทำอะไรไม่เป็นคนนั้นจะเติบโตได้ไกลขนาดนี้

ลั่วเทียนเสินถอนหายใจ ระงับอารมณ์ที่ซับซ้อนในหัวใจ ก่อนที่จะพึมพำ “ต่อไปก็ต้องดูว่าเจ้าหนุ่มนี่จะไปได้ไกลแค่ไหน…”

บนบัลลังก์เบื้องหน้าตำหนัก จักรพรรดิสัประยุทธ์จ้องมองหน้าจอที่แสดงฉากการต่อสู้ของมู่เฉินก็ยิ้มบาง “มิน่าล่ะเทพจักรพรรดิอัคคีถึงให้มู่เฉินเข้าสู่สมรภูมิตี้จื้อจุนขั้นปลาย ที่แท้ตัวเขาเป็นหลิงเจิ้นต้าซือขั้นตี้ด้วยนี่เอง”

“แต่นั่นพิสูจน์ได้ว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั่วไปได้เท่านั้น ข้ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะคว้าชัยชนะ”

น้ำเสียงของจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่แยแส หากตัวตนของหลิงเจิ้นจงซือขั้นตี้เป็นไพ่ตายสำหรับมู่เฉินแล้ว งั้นเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับตำแหน่งนักรบทวีปแน่นอน

เนื่องจากหลิงจั้นจื่อและคนอื่นๆ ต่างเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะสามารถพึ่งพาค่ายกลเพื่อจัดการกับราชันเมฆเพลิง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคุกคามหลิงจั้นจื่อและคนอื่นๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิสัประยุทธ์ เซียวเหยียนก็ยิ้ม “ข้ารู้สึกว่ามู่เฉินจะไม่ปล่อยให้ข้าสูญเสียยาเทวะมังกรหงส์เปล่าประโยชน์แน่นอน”

จักรพรรดิสัประยุทธ์หรี่ตามองที่หน้าจอพลางพยักหน้าด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “งั้นขอข้าดูหน่อย หวังว่าเจ้าเปี๊ยกนี่จะไม่ทำให้เทพจักรพรรดิอัคคีผิดหวังนะ…”

ในมุมมองของเขาดีมากแล้วถ้ามู่เฉินสามารถคงอยู่จนถึงช่วงสุดท้าย แต่ถ้าคิดจะคว้าชัยชนะ ฮ่าๆ เทพจอมยุทธ์ทั้งสามของตำหนักซีเทียนจะสอนมันให้รู้ถึงขอบเขตของตัวเอง

หลังจากมู่เฉินออกจากพื้นที่ก่อนหน้า

เขาก็ค่อยๆ ชะลอตัวลง จำนวนป้ายสัประยุทธ์สามป้ายทำให้ตำแหน่งของเขาปรากฏบนป้ายของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น เขารู้สึกถึงความผันผวนของคลื่นหลิงหลากหลายที่พุ่งมาในทิศทางของเขา ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

“มาเร็วดีแฮะ”

มู่เฉินพูดพึมพำก่อนที่จะพลิ้วตัวลงมาอย่างรวดเร็ว แขนเสื้อของเขาสะบัดพรึบพรับ สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็บินฉวัดเฉวียนออกมายราวกับผีเสื้อ รวมเข้ากับมิติทันที

แม้ว่าเขาจะสามารถตั้งค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารที่สมบูรณ์แบบได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ ดังนั้นเขาจะต้องเตรียมการล่วงหน้า ศัตรูคงไม่ให้เวลาเขาในการจัดการตอนที่ต่อสู้หรอก

ตามคาดมู่เฉินผิดพลาดสองครั้งก่อนที่จะสามารถจัดตั้งค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารได้สำเร็จอีกครั้ง

เขานั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเริ่มหมุนคว้าง ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังเล็ดลอดออกมา ทำให้ระลอกคลื่นคำรามเสียงลั่น

คราวนี้เขาไม่ได้ซ่อนค่ายกลเหมือนที่ทำเมื่อก่อนหน้าในการล่อราชันเมฆเพลิง แต่ครั้งนี้ศัตรูมาเคาะประตูหน้าบ้านแล้ว

พวกเขาจะต้องระมัดระวังมาก ดังนั้นค่ายกลยิ่งใหญ่นี้จะถูกค้นพบไม่ว่าจะพยายามซ่อนขนาดไหนก็ตาม

ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อน เขาเผยให้รู้ทันทีเพื่อดูว่าใครกล้าพอที่จะท้าทาย

หลังจากที่ตั้งค่ายกลเสร็จ มู่เฉินก็หลับตารอศัตรูเข้ามา

การรอคอยไม่ได้กินเวลานาน เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังสี่สาย ซึ่งกวาดข้ามมาจากสี่ทิศทางที่แตกต่างกัน ก่อนที่พวกเขาจะหยุดในท้องฟ้าที่ห่างไกล

พวกเขาทั้งสี่รู้สึกถึงกันและกัน ดังนั้นแต่ละคนก็เฝ้าระวังกัน ในการแข่งขันทุกคนถือเป็นศัตรู

พวกเขาถอนสายตาอย่างรวดเร็ว มองไปที่มู่เฉินในป่าจากนั้นก็อึ้งไป

“ระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น?”

“ไอ้นอกคอก มู่เฉิน…”

“เขาตั้งค่ายกลไว้รอบตัว ที่แท้เขาเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นตี้ด้วย ไม่แปลกใจที่เขากล้าที่จะเข้าสู่สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย”

เมื่อพวกเขาเห็นมู่เฉิน สายตาก็วูบไหวด้วยความคิดที่แตกต่างกัน

“ใครอยากได้ป้ายสัประยุทธ์ของข้า ก็เข้ามาแย่งได้เลย”

ขณะที่ผู้มาใหม่จ้องมองมู่เฉินจากระยะไกล เขาก็เปิดตาขึ้นพร้อมกับระเบิดหัวเราะเสียงสดใสดังกังวาน

เมื่อได้ยินคำพูดท้าทายของมู่เฉิน ทั้งสี่ก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่มีใครกล้าขยับตัวเพราะพวกเขารู้สึกถึงไอคุกคามที่มาจากค่ายกลทรงพลังรอบตัวมู่เฉิน

นอกจากนี้พวกเขายังรักษาระวังซึ่งกันและกัน กลัวว่าจะมีคนรอเก็บผลประโยชน์ขณะที่คนอื่นทำงานอยู่

“ถ้าไม่มีใครกล้าก็ออกไปอย่ามาเสียเวลา” เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทางเคลื่อนไหว มู่เฉินก็โบกมือ

“ฮึ่ม ไอ้จอมหยิ่ง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ชายเสื้อคลุมสีม่วงก็หัวเราะเสียงเยือกเย็น สายตาจับจ้องไปที่ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารรอบร่างมู่เฉิน ก่อนที่จะมองจอมยุทธ์อีกสามคน “ถ้าพวกเจ้าไม่มีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหว งั้นข้าขอแล้วกันนะ แต่ว่าพวกเจ้าคงต้องออกไปก่อน”

ทั้งสามคนกะพริบตาก่อนที่จะยิ้ม “นี่คงเป็นเจ้าสำนักจื่อซัน พวกข้าได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำลายค่ายกล ในเมื่อเจ้าหมายตาเขาไว้ ก็เอาไปเลย”

พูดจบทั้งสามก็ถอยออกไปทันที เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่ามู่เฉินแกล้งทำหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงพวกเขาคงไม่มีเวลาง่ายดายแน่นอน หากเป็นเรื่องโกหกพวกเขาก็ใช้เจ้าสำนักจื่อซันปะทะกับมู่เฉิน รอจนกระทั่งทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ…

ทว่าทั้งสามกระจ่างแจ้งว่าเจ้าสำนักจื่อซันจะต้องกันพวกเขาทั้งสามคนไว้แน่ ดังนั้นพวกเขาจึงไปจากที่นี่ตามที่สัญญา

เมื่อสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงสามสายเคลื่อนตัวห่างไกลออกไปแล้ว เจ้าสำนักจื่อซันก็มองมู่เฉินอย่างเยือกเย็นเค้นเสียงขึ้นว่า “ไอ้เด็กโง่ แกคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลนี้สามารถปกป้องตัวเองได้? ข้าจะให้แกดูว่าข้าคนนี้จะทำค่ายกลของแกยังไง!”

พูดจบก็พุ่งเข้าไปในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร ภายใต้รอยยิ้มไม่เชิงยิ้มของมู่เฉิน

จอมยุทธ์สามคนหยุดเคลื่อนไหวหลังจากอยู่ไกลออกมาก่อนที่ปิดตา พวกเขาสัมผัสถึงความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงพวยพุ่งมาจากสถานที่แห่งนั้น

“เจ้าสำนักจื่อซันเคลื่อนไหวแล้ว ไอ้เหลือขอนั่นซวยแน่นอน…”

ทั้งสามยิ้มรอคอยให้เจ้าสำนักจื่อซันได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะหาโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์

การรอเวลาของพวกเขาใช้เวลาหนึ่งก้านธูป ก่อนที่การแสดงออกจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

“เสร็จแล้วรึ? รวดเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?”

ทั้งสามตกใจไปก่อนที่ใบหน้าจะมืดครึ้มลง ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะแกล้งข่มขู่พวกเขาแล้ว

“สิ่งที่เป็นประโยชน์ตกไปในมือเจ้าสำนักจื่อซันเลย” ทั้งสามสาปแช่ง ก่อนที่จะเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าไปเพื่อดูว่าตนเองจะได้รับประโยชน์ใดๆ บ้าง

ไม่นานพวกเขาก็เข้าใกล้ป่าบริเวณนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายเป็นวงกว้าง แต่ละคนยืนอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะยกสายตาไปข้างหน้า ฉับพลันดวงตาก็แคบลง

พวกเขาเห็นเงาร่างนั้นนั่งเงียบๆ บนต้นไม้ใหญ่ แม้ว่าค่ายกลรอบตัวจะขาดรุ่งริ่งไปบ้าง แต่ก็ยังคงหมุนคว้าง

เมื่อทั้งสามคนเห็นชายหนุ่ม แววหวาดผวาก็วาบขึ้นในดวงตา พวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะเป็นคนที่ยืนอยู่ที่นี่!

ในทางกลับกันไม่มีร่องรอยของเจ้าสำนักจื่อซัน นั่นหมายความว่าการดวลนี้มู่เฉินเป็นผู้ชนะ!

ความกลัวและเคร่งเครียดลุกลามขึ้นมาในดวงตาทั้งสาม

พลังของพวกเขาทัดเทียมกับเจ้าสำนักจื่อซัน ในเมื่อมู่เฉินสามารถจัดการกับเจ้าสำนักจื่อซันได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็หมายความว่าคงจะใช้เวลาไม่นานสำหรับเขาที่จะจัดการกับพวกเขาเช่นกัน

“เจ้าสามคนอยากลองดูด้วยหรือ?” มู่เฉินเล่นป้ายสัประยุทธ์ที่เพิ่งได้มาในมือ ขณะที่ยิ้มให้ทั้งสามคน

ทว่าขณะที่เขาเผยรอยยิ้มก็ต้องตะลึงไปเพราะจอมยุทธ์ทั้งสามหนีไปโดยไม่ลังเลใดๆ พริบตาก็หายไปในเส้นขอบฟ้าแล้ว

เมื่อมองทั้งสามที่หนีไป มู่เฉินก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะยืนขึ้นมองไปที่ป้ายสัประยุทธ์ในมือพร้อมถอนหายใจ

“ต่อไปคงไม่ง่ายที่จะเจอพวกโง่แล้ว…”

เขารู้ว่าทั้งสามคนนี้จะเผยแพร่ชื่อเสียงให้กับเขาในสนามรบแห่งนี้แน่นอน

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset