หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1249 วิญญาณสงครามเต่าดำ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1249 วิญญาณสงครามเต่าดำ

ครืนๆๆๆ!

ท่ามกลางค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร คลื่นหลิงที่แปรปรวนรุนแรงกวาดออกมาขณะที่มังกรพยายามดิ้นรนต่อสู้ ทว่าพวกมันก็ถูกผูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยโซ่ตรวน แสงเย็นเยือกวูบวาบบนหนามแหลมกลืนกินคลื่นหลิงในร่างของมังกรเหล่านั้นไป

ขณะที่ถูกกลืนกิน ทุกคนสามารถรู้สึกได้ว่าค่ายกลก็อ่อนกำลังลง

ในตอนนี้มู่เฉินที่ถูกเสี่ยหลิงจื่อโรมรันพันตูไม่หยุดก็ไม่สามารถแบ่งสมาธิออกมาควบคุมค่ายกลได้ ทำให้อาจารย์ผีพบช่องโหว่และทำลายค่ายกลได้ง่าย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงอีกไม่นานค่ายกลก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อมู่เฉินเห็นก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเสี่ยหลิงจื่อเทหมดหน้าตักและตัดสินใจที่จะจัดการเขา แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นภัยคุกคามต่อเขาไม่น้อย

“ทำไมไม่หยิ่งอีกต่อไปล่ะ?” เมื่อเห็นสีหน้าของมู่เฉิน เสี่ยหลิงจื่อก็เยาะเย้ยพร้อมกับความสะใจพลุ่งพล่านในดวงตา

เขายอมจ่ายราคาแพงเพื่อฆ่ามู่เฉิน ดังนั้นนี่บอกได้ว่าเขาเกลียดมู่เฉินขนาดไหน

ทว่าเผชิญกับการเยาะเย้ยของเสี่ยหลิงจื่อ มู่เฉินก็แค่สะบัดแขนเสื้อ การโจมตีของวิญญาณสงครามทั้งสองบ้าคลั่งขึ้น ทำให้ร่างเงาโลหิตอมตะสั่นสะเทือนไม่หยุด

ชัดว่ามู่เฉินต้องการฆ่าเสี่ยหลิงจื่อก่อนที่อาจารย์ผีจะทำลายค่าลกลได้

ทว่าร่างเงาโลหิตอมตะไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง มันสามารถเปลี่ยนสถานะของสสารได้ หากได้รับการโจมตีรุนแรงก็จะเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาเพื่อลบล้างความเสียหายบางส่วน

แต่ถ้ามันโจมตีก็จะมีรูปแบบแท้จริง มีความสามารถทั้งรุกและรับยากที่จะจัดการนัก

“ฮ่าๆ แกคิดจะจัดการข้าก่อนเรอะ? เป็นไอ้หนูที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ ร่างเงาโลหิตอมตะของข้าเป็นสิ่งที่แกจะทำลายได้เรอะ?” เสี่ยหลิงจื่อล้อเลียนหลังจากเห็นความตั้งใจของมู่เฉิน

จอมยุทธ์ที่เฝ้ามองโดยรอบก็ส่ายหัว ร่างเงาโลหิตอมตะของเสี่ยหลิงจื่อยุ่งยากเป็นพิเศษในการจัดการ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ยังต้องเผชิญกับความยากลำบาก

แม้ว่ามู่เฉินจะมีวิญญาณสงครามทรงพลังเคียงข้าง แต่ชัดว่ายังไม่ถึงระดับที่สามารถปราบร่างเงาโลหิตอมตะได้

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีต่อมู่เฉินมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

มู่เฉินก็รู้สึกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงโบกมือเรียกอสรพิษและเต่าให้มาอยู่รอบตัว

“จะยอมแพ้รึ?” เสี่ยหลิงจื่อเค้นเสียง ในที่สุดมู่เฉินก็รู้แล้วว่าตนเองพยายามอย่างไร้ประโยชน์

มู่เฉินเหลือบมองเสี่ยหลิงจื่ออย่างไม่แยแส จากนั้นฝ่ามือก็วาดตราประทับ วิญญาณสงครามทั้งสองกวาดลงมากลายเป็นมหาสมุทรพลังหนาแน่น

คลื่นก่อต่อขึ้นเหนือมหาสมุทรอย่างต่อเนื่อง กระแสน้ำวนมหึมาก็ปรากฏ ทุกคนรู้สึกได้ว่ารัศมีจั้นยี่ของกองทัพทั้งสองพยายามรวมเข้าด้วยกันในเวลานี้

ความผันผวนที่น่าอัศจรรย์ของรัศมีก็กระเพื่อมออกไป

“หืม?”

เมื่อเสี่ยหลิงจื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาก็หดลงก่อนที่จะเค้นเสียง “ที่แท้แกก็คิดจะหลอมรวมรัศมีจั้นยี่ของกองทัพทั้งสองเข้าด้วยกัน นั่นเป็นความคิดที่ดีทีเดียว แต่แกก็ไร้เดียงสาเช่นกัน”

ผลลัพธ์ไม่ธรรมดาแน่หากรัศมีจั้นยี่ทั้งสองกองทัพสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จ

ถ้ามู่เฉินเป็นคนที่สร้างกองทัพทั้งสองขึ้นมาเอง อาจเป็นไปได้ที่จะหลอมรวมรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาไว้ด้วยกัน แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความสามารถในการสร้างกองทัพดังกล่าว ดังนั้นจึงยากที่เขาจะทำได้

ผู้ชมก็พากันส่ายหัว ชัดว่ามองการกระทำมู่เฉินเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายโดยที่มีโอกาสล้มเหลวสูง

ซ่า ซ่า

ภายใต้ความสนใจ มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็กระเพื่อมไหวอย่างต่อเนื่อง รัศมีทั้งสองสายเริ่มติดต่อกัน ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เกิดความพยายามที่จะหลอมรวมก็จะเกิดการปฏิเสธซึ่งกันและกัน ทำให้ล้มเหลว

“ดูเหมือนว่าแกจะล้มเหลวแล้ว” รอยยิ้มเย้ยหยันของเสี่ยหลิงจื่อหนาแน่นขึ้น ขณะที่ดวงตาหรี่แคบลง

มู่เฉินยกเปลือกตาขึ้น “จริงเหรอ?”

ทันใดนั้นมือของเขาก็กำแน่น กระบี่แก้วปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นเขาก็เฉือนไปที่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่

“หลอมรวม!”

เสียงคำรามดังก้อง ลำแสงกระบี่ถูกยิงเข้าสู่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ ทำให้มหาสมุทรเดือดพล่านสงบลง พลังงานที่แตกต่างกันสองสายเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ราวกับแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน

ตู้ม!

ช่วงเวลานั้นทุกคนก็ได้เห็นการหลอมรวมของรัศมีจั้นยี่สุดจะพรรณนาพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและปกคลุมทั่วทั้งภูมิภาคด้วยแรงกดดัน

ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นวังวนรัศมีจั้นยี่หมุนคว้าง ก่อนที่สัตว์ประหลาดตัวมหึมาจะยาตราออกมาอย่างช้าๆ

รูปร่างคล้ายเต่าแต่ช่วงกรามดูเหี้ยมโหดขึ้นมาก ส่วนหางเป็นอสรพิษขดอยู่รอบๆ กระดอง มันส่งเสียงขู่ดังลั่นขณะที่กระจายรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตออกไป

ร่างกายเป็นเต่า หางเป็นอสรพิษ นี่ก็คือเทพอสูรเต่าดำ

ร่างมหึมาของเต่าดำถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินที่หนาแน่นซึ่งมีจำนวนถึงหกล้านลาย!

วิญญาณสงครามที่ทรงอำนาจนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังเกรงกลัว

เมื่อรัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณและกองทัพดับปีศาจควบรวมเป็นวิญญาณสงครามใหม่ ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อก็แข็งค้างก่อนที่จะพึมพำด้วยความกลัวและสิ้นหวัง “เป็นไปได้ยัง?! เป็นไปได้ยังไง?!”

เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จ นี่เป็นสิ่งที่มันไม่ควรทำได้!

แต่ต่อให้จะไม่เชื่อขนาดไหน เรื่องมันก็เป็นจริงแล้ว

เสี่ยหลิงจื่อรู้สึกถึงไอคุกคามจากวิญญาณสงครามเต่าดำ แม้แต่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย วิญญาณสงครามที่มีลวดลายจั้นเหวินราวหกล้านลายก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด

“อาจารย์ผีทำลายค่ายกลเร็วเข้า!”

เวลานี้เสี่ยหลิงจื่อได้แต่คำรามอย่างรีบร้อน

อาจารย์ผีที่กำลังทำลายค่ายกลอย่างสบายๆ ก็ต้องตกใจ ก่อนที่สีหน้าจะเคร่งเครียดลงหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะบรรลุเป้าหมายเช่นนี้

เขาสูดหายใจเข้าลึกไม่กล้าลากเวลาอีกต่อไป สัญลักษณ์หลิงยิ่งมากมายพุ่งออกมาจากแขนเพิ่มความเร็วในการเจาะทำลายค่ายกล

เขารู้ว่าถ้าเสี่ยหลิงจื่อพ่ายแพ้ในมือของมู่เฉิน ตัวเขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มคนนี้

ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อมากมาย มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจเมื่อมองวิญญาณสงครามเต่าดำ ที่จริงก็เป็นไปตามที่เสี่ยหลิงจื่อคาดการณ์ไว้ ปัจจุบันตัวเขายังไม่ได้มีความสามารถในการหลอมรัศมีจั้นยี่ของสองกองทัพเพื่อสร้างวิญญาณสงครามใหม่

แต่โชคดีที่เขามีกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ… และสิ่งนี้มีรัศมีของจักรพรรดิฟ้าเคลือบอยู่ ดังนั้นเขาจึงใช้รัศมีนี้เพื่อบังคับให้เกิดการหลอมรวม

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ประสบความสำเร็จ

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยหลิงจื่ออย่างเย็นชา อีกฝ่ายไม่มีท่าทางอวดดีโดยที่ใบหน้าซีดเผือดไปหมดแล้ว

“ฉีกมันเป็นชิ้นๆ ซะ!”

มู่เฉินยิ้มเหี้ยม มือโบกลง วิญญาณสงครามเต่าดำแผดเสียงเปิดปากกว้าง กระแสรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่กวาดออก ซึ่งภายในมีเสียงคำรามแห่งการเข่นฆ่าไม่มีที่สิ้นสุด

“ปราการแม่น้ำโลหิต!”

เผชิญหน้ากับวิญญาณสงครามเต่าดำ เสี่ยหลิงจื่อก็ไม่กล้าชักช้า ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ร่างเงาโลหิตอมตะก็เปิดปาก แม่น้ำสีแดงเลือดขนาดใหญ่พุ่งออกมากลายเป็นแนวป้องกัน

ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่ปะทะกับปราการ ทำให้ปราการละลายเป็นชั้นๆ ทันที จากนั้นก็เจาะทะลุกระแทกร่างเงาโลหิตอมตะจังใหญ่

ในช่วงเวลาวิกฤต เสี่ยหลิงจื่อควบคุมร่างเงาโลหิตอมตะเปลี่ยนแปลงเป็นภาพลวงตาทันที ดังนั้นแม้ว่ากระแสรัศมีจ้นยี่จะปะทะเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ก็ทะลุผ่านไป หลังจากที่กลายเป็นภาพลวงตา

ด้วยเหตุนี้กระแสรัศมีจั้นยี่ที่ตอนแรกสามารถทำร้ายร่างเงาโลหิตอมตะได้อย่างหนักหน่วงก็ทิ้งรอยหลุมแผลเอาไว้เท่านั้น ซึ่งมันได้เริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อเสี่ยหลิงจื่อเห็นฉากนี้ ร่างกายที่เกร็งเครียดก็ผ่อนลง ดูเหมือนว่ากระทั่งรัศมีจั้นยี่ที่รวมตัวกันก็ไม่สามารถจัดการกับร่างเงาโลหิตอมตะของเขาได้อย่างง่ายดาย

ตู้ม!

ทว่ามู่เฉินยังเผยท่าทางสงบก่อนที่จะสะบัดนิ้ว กระแสรัศมีจั้นยี่ครางกระหึ่มพุ่งออกไปปะทะกับร่างเงาโลหิตอมตะอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเสี่ยหลิงจื่อเห็นการโจมตีนี้ เขาก็เข้าสู่สถานะการป้องกันเปลี่ยนร่างเงาโลหิตอมตะให้กลายเป็นภาพลวงตาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง

ตอนนี้เขาต้องลากเวลาให้กับอาจารย์ผีเพื่อทำลายค่ายกล พวกเขาจะได้ร่วมมือกันจัดการ ในเวลานั้นแม้จะมีรัศมีจั้นยี่ มู่เฉินก็ถึงวาระต้องตาย!

รัศมีจั้นยี่ส่งเสียงหวีดหวิวในท้องฟ้า สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นมาก ทว่าจอมยุทธ์ที่เฝ้ามองอยู่ก็ต้องขมวดคิ้ว เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่าถึงแม้จะมีการครอบงำของเต่าดำ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลกับร่างเงาโลหิตอมตะของเสี่ยหลิงจื่อสักเท่าไร

ด้วยสิ่งนี้เสี่ยหลิงจื่อสามารถลากเวลาออกไปได้ ขณะที่ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเริ่มทลายลงแล้ว

“ตู้ม!”

เกิดการกระแทกกันอีกครั้ง แต่ร่างเงาโลหิตอมตะที่อยู่ในสภาวะลวงตาก็ส่งผลกระทบออกไปเกือบทั้งหมด เสี่ยหลิงจื่อยืนอยู่ด้านบนอดไม่ได้ที่จะกลั้วเสียงหัวเราะ “ไอ้เด็กเหลือขอ แกจะพยายามอย่างไร้ประโยชน์ไปถึงเมื่อไร? โง่หรือเปล่าเฮอะ?”

ได้ยินเสียงตะเบ็งของเสี่ยหลิงจื่อ รอยยิ้มเย้ยหยันก็โค้งขึ้นบนใบหน้าสงบนิ่งของมู่เฉิน ขณะที่จ้องมองอีกฝ่าย “ไร้ประโยชน์จริงเหรอ?”

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น เสี่ยหลิงจื่อก็อึ้งไปก่อนที่จะก้มหัวลงมองร่างเงาโลหิตอมตะ แสงหลิงรวมเข้าด้วยกันในดวงตา วินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาเห็นลูกแก้วผลึกแสงนับไม่ถ้วนในร่างเงาโลหิตอมตะ โดยที่เขาไม่รู้ตัว พวกมันบินว่อนคล้ายกับหิ่งห้อย

เมื่อมองไปที่ผลึกเหล่านั้น เสี่ยหลิงจื่อก็คิดบางอย่างออก ใบหน้าซีดเผือดไปเลยทีเดียว

ขณะที่ใบหน้าเขาไร้สี มู่เฉินก็ยิ้มบางก่อนที่จะวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว เสียงดังก้องขึ้นในใจ

“ผนึก”

เมื่อเสียงของเขาจบลง ลูกแก้วผลึกแสงก็เปล่งประกาย ปกคลุมร่างเงาโลหิตอมตะไว้ทั้งหมด อึดใจต่อมาเสี่ยหลิงจื่อก็ต้องตะลึงหวาดหวั่นเมื่อเห็นว่าสูญเสียการควบคุมร่างเงาโลหิตอมตะ ทำให้มันมืดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังหดตัวไม่ว่าเขาจะพยายามเทพลังงานเข้าไปเท่าใดก็ตาม

“นั่นเป็นคลื่นหลิงที่ผิดปกติของมัน!”

“บุกเข้าร่างเงาโลหิตอมตะตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“ช่วงเวลาที่ทะลุผ่านร่างไปเรอะ?!”

ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อเปลี่ยนไปรุนแรง ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินจึงยังโจมตีไม่ยั้งแม้ร่างเงาโลหิตอมตะจะไม่ได้รับผลอะไรก็ตาม ที่แท้มู่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะทำลายร่างเงาโลหิตอมตะของเขาโดยรัศมีจั้นยี่ กระบวนท่านี้ เขาแค่ต้องการอัดคลื่นหลิงที่ผิดปกติลงไป!

“ข้าต้องสร้างร่างเงาโลหิตอมตะใหม่!”

เสี่ยหลิงจื่อกัดฟันแน่นตัดสินใจลบการเชื่อมโยงกับร่างนี้อย่างเด็ดขาด ทว่าทันใดนั้นม่านผลึกก็บีบลงมาหาเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเจดีย์ผลึกแก้วใสขนาดใหญ่กดลงมา จากนั้นก็กลืนทั้งเขาและร่างเงาโลหิตอมตะเข้าไป

เจดีย์หดตัวลงอย่างรวดเร็วแล้วลอยลงมาบนฝ่ามือของมู่เฉิน

ผู้ชมต่างตกตะลึงกับฉากนี้ แม้แต่อาจารย์ผีก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก

ไม่มีใครคาดว่าเสี่ยหลิงจื่อและร่างเงาโลหิตอมตะที่ยืนตั้งมั่นก่อนหน้าจะถูกกักขังไว้ในเจดีย์ผลึกแก้วใสของมู่เฉินในพริบตา

มู่เฉินไม่สนใจสายตาเหล่านั้น เขาก้มมองเสี่ยหลิงจื่อที่ตื่นตระหนกอยู่ในเจดีย์ มุมปากเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจฆ่าก่อนเสียงจะดังก้อง

“ไอ้หมาแก่ ไหนแกลองวิ่งให้ข้าดูอีกครั้งสิ?!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset