หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1264 สนามรบของหญิงสาวสองคน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1264 สนามรบของหญิงสาวสองคน

มิติบิดเบือนถึงขีดสุด

มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวน เมื่อภาพเบื้องหน้าสว่างขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

มู่เฉินกวาดสายตาออกไปก็พบว่าตนเองยืนอยู่ในจัตุรัสที่อัดแน่นด้วยความเคารพและสายตาพุ่งตรงมาจ้องมองที่เขา

ตอนที่มู่เฉินเข้าสู่สนามรบไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย ในเวลานั้นมีเพียงเทพจอมยุทธ์ทั้งสาม หลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินเท่านั้นที่เป็นจุดสนใจของผู้คน

แม้ว่ามู่เฉินจะมีชื่อเสียง แต่ในสายตาหลายคน ผลลัพธ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่กล้าไปสู้ในสนามรบขั้นปลายมีทางเดียว นั่นก็คือถูกเตะออกมาราวกับลูกหนัง

ดังนั้นหลายคนจึงมองมู่เฉินอย่างขบขันตอนที่เขาก้าวเข้าสู่สนามรบ

ทว่าใครจะคิดว่าดาวฤกษ์น้อยนี้จะทำให้ทุกคนตกตะลึงกับความไม่เชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า

มากจนแม้แต่คนที่มีพลังอย่างหลิงจั้นจื่อยังพ่ายแพ้ให้มู่เฉิน กลายเป็นหินรองเท้าให้มู่เฉินก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

ขณะนี้เมื่อทุกคนมองมาที่มู่เฉินอีกครั้ง แม้แต่จอมยุทธ์ชั้นยอดก็ยังรู้สึกหวาดกลัวในใจ เพราะพวกเขารู้ว่าอนาคตของคนอย่างมู่เฉินไม่มีขีดจำกัด มากจนอาจมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน

ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะไม่ไปแหย่สัตว์ประหลาดแบบนี้

สำหรับผู้ที่เข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายที่สูญเสียตราสัประยุทธ์ให้กับมู่เฉิน ก็ได้แต่ระงับความทุกข์และความเป็นปฏิปักษ์ไว้ในใจ

อย่าได้เป็นศัตรูกับจอมยุทธ์เช่นนี้เลย

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองมาด้วยความเคารพ มู่เฉินก็สงบใจก่อนที่จะมองขึ้นไปบนบันไดก็เห็นร่างผู้ยิ่งใหญ่สองคนพุ่งสายตามายังเขา

สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังคงไม่แยแสเหมือนเดิม แม้มู่เฉินจะแสดงศักยภาพน่าทึ่งในการต่อสู้ ซ้ำยังได้รับตำแหน่งนักรบทวีปของสนามรบตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วย

ความสำเร็จดังกล่าวถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ แต่สำหรับจอมยุทธ์อย่างจักรพรรดิสัประยุทธ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงมากได้ เพราะมีจอมยุทธ์อัจฉริยะมากมายในมหาพันภพ แต่ก็มีไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้

ตราบใดที่มู่เฉินยังไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่มีอะไรในสายตากับคนแบบจักรพรรดิสัประยุทธ์

ทว่าเผชิญหน้ากับสายตาไม่แยแสของจักรพรรดิสัประยุทธ์ มู่เฉินก็ไม่สนใจเพราะเขารู้ว่าจอมยุทธ์ชั้นยอดก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีความคิดและสายตากว้างไกลเช่นเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

นอกจากนี้เขายังไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะให้จอมยุทธ์เทียนจื้อจุนมองเขาอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบีบบังคับ เพราะมู่เฉินเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะไปไกลเกินกว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ รอแค่เพียงเวลาที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น

ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ เซียวเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มพยักหน้าให้มู่เฉิน รอยยิ้มช่างพอใจอย่างยิ่ง เพราะตัวเขาเป็นคนแนะนำมู่เฉินให้เข้าร่วมการแข่งขัน แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จได้เต็มร้อย แต่ผลลัพธ์ก็พิสูจน์ได้ว่าสายตาของเขาไม่ได้แย่

มู่เฉินเคารพเซียวเหยียนมาก ดังนั้นเขาจึงประสานมือโค้งคำนับ “ผู้น้อยคนนี้โชคดีพอที่จะยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย ไม่ได้ทำให้ท่านผู้อาวุโสเสียหน้า”

เซียวเหยียนยิ้ม “เจ้าต้องขอบคุณความใจกว้างของจักรพรรดิสัประยุทธ์ เพราะตำแหน่งนักรบทวีปของเจ้ามาจากทวีปซีเทียน”

มู่เฉินยิ้มพยักหน้าหันไปหาจักรพรรดิสัประยุทธ์พลางประสานมือ “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์”

ริมฝีปากของจักรพรรดิสัประยุทธ์กระตุก เมื่อคิดว่าหนึ่งในสามของตำแหน่งนักรบทวีปจะตกอยู่ในมือของมู่เฉิน เขาก็รู้สึกปวดใจ

นั่นคือนักรบทวีปที่มีโอกาสบรรลุระดับเทียนจื้อจุนของมหาพันภพ!

แม้ว่าจะไม่ใช่นักรบทวีปทุกคนที่สามารถเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน แต่โอกาสของพวกเขาก็สูงกว่าคนอื่น

พิธีชำระล้างเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หลังจากรอมาหลายร้อยปี เดิมทีเขาต้องการที่จะมอบให้กับผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของเขา ซึ่งจะทำให้พลังของตำหนักซีเทียนเพิ่มขึ้น หากมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนปรากฏตัวขึ้นในอนาคต

ดังนั้นจักรพรรดิสัประยุทธ์จะสบายใจได้ยังไงที่มู่เฉินคว้าเอาไป?

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกลืนความไม่พอใจลงไป เมื่อปะหน้ากับเทพจักรพรรดิอัคคี หากเขารู้เรื่องนี้ก็คงไม่คิดจะรับยาเทวะมังกรหงส์ตั้งแต่ต้นแล้ว

แม้ว่าเม็ดยาจะมีค่า แต่เมื่อเทียบกับตำแหน่งนักรบทวีปก็ยังด้อยกว่า

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของมู่เฉิน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ได้แต่พยักหน้าโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใด “ในเมื่อเจ้าชนะด้วยความสามารถที่มี ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด รอจนกว่าการแข่งขันทั้งหมดจะสิ้นสุดลง ข้าก็จะบอกเจ้าเกี่ยวกับการรับชำระล้าง”

มู่เฉินรู้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์รู้สึกไม่พอใจในหัวใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจในน้ำเสียง เขาถอยออกจัตุรัสด้วยรอยยิ้ม กลับไปหาลั่วเทียนเสิน

ลั่วเทียนเสินจ้องมองเขาด้วยดวงตาระยิบระยับเป็นเวลานานก่อนที่จะตบไหล่ของมู่เฉินแย้มยิ้ม “ทำได้ดีมาก หลานสาวข้าสายตาดีจริงๆ”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะจ้องมองลึกซึ้งไปที่ลั่วเทียนเสินบอกเป็นนัยว่าตอนนั้นที่สำนักศึกษาเป่ยชางท่านไม่ได้พูดอย่างนี้น้า

เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน ลั่วเทียนเสินก็อดไม่ได้ที่จะอึดอัดจนกระแอมไอออกมา “เจ้าจัดการกับเสี่ยหลิงจื่อช่างเป็นบุญคุณใหญ่หลวงกับตระกูลลั่วเสินนัก… ลั่วหลีต้องรู้สึกขอบใจเจ้ามากเช่นกัน”

เมื่อพูดจบสายตาของเขาก็ดิ่งลง ในอดีตบิดาของลั่วหลีก็ตายด้วยน้ำมือเสี่ยหลิงจื่อ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส

มู่เฉินตอบเสียงเบา “เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้หรอก ในอนาคตตระกูลลั่วเสินจะกลับมายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้งแน่”

ลั่วเทียนเสินระงับอารมณ์พลางพยักหน้า ตระกูลลั่วเสินตอนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของลั่วหลีบวกกับนางได้รับมรดกของลั่วเสิน ในอนาคตนางอาจจะกลายเป็นเทพธิดาลั่วคนที่สอง เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลลั่วเสินก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง

“อีกสองสนามรบยังไม่มีผลหรือขอรับ?” มู่เฉินเปลี่ยนหัวข้อ

“สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มจบไปนานแล้ว ผู้ชนะก็ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้า เขาคือผู้เฒ่าตงแห่งตำหนักซีเทียน” ลั่วเสินเทียนบอก

“เขารึ?” มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะเดาะลิ้น หากไม่ใช่เขากับลั่วหลีเข้าร่วมการแข่งขัน ตำแหน่งทั้งสามคงตกอยู่ในมือตำหนักซีเทียนทั้งหมดเลยมั้ง?

“แล้วสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นล่ะ?” มู่เฉินถาม

“ยังไม่มีผลลัพธ์ตอนนี้ เพราะมีจอมยุทธ์มากมายเข้าร่วม แต่ก็ไม่ได้น่าสนใจน้อยไปกว่าสนามรบของเจ้าหรอก” พอพูดถึงสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นดวงตาของลั่วเทียนเสินก็โค้งเป็นรอยยิ้ม

“ทำไมรึ?” มู่เฉินถามอย่างสงสัย

“ต่างจากการต่อสู้ชุลมุนในสนามรบของเจ้า ตอนนี้ในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแบ่งออกเป็นสองค่าย มีจอมยุทธ์นับร้อยคนในแต่ละค่าย… ” ลั่วเทียนเสินกล่าวด้วยดวงตาแคบลงเป็นรอยยิ้ม

“สองค่าย?” มู่เฉินอึ้งไป มีเพียงหนึ่งตำแหน่งเดียวในสนามรบ ดังนั้นทำไมถึงมีสองค่าย? ตำแหน่งจะจัดสรรยังไง?

“ผู้นำค่ายหนึ่งคือหลิงเฟยจื่อ พอนางเข้าสู่สนามรบก็เริ่มสรรหาคนโดยใช้ชื่อของตำหนักซีเทียน เริ่มฉกฉวยแย่งชิงป้ายสัประยุทธ์ของคนจำนวนมาก”

“ภายหลังมีหลายคนเดือดดาลกับการกระทำหลิงเฟยจื่อ พวกเขาเริ่มร่วมมือกัน แต่นั้นก็ยังพ่ายแพ้ต่อหลิงเฟยจื่อหลายต่อหลายครั้ง”

“แต่ในเวลานั้นลั่วหลีก็เริ่มชักชวนผู้คนที่มีเรื่องกินแหนงแคลงใจกับหลิงเฟยจื่อ จัดตั้งค่ายที่ไม่อ่อนแอกว่าขึ้นมา”

ดวงตาของมู่เฉินวูบไหวก่อนที่จะยิ้ม “หลิงเฟยจื่อทำเช่นนี้ก็คงเพื่อจัดการกับลั่วหลี ซึ่งนางจะต้องรู้สึกเช่นกัน ดังนั้นนางจึงนำการโต้ตอบที่คล้ายกันมาใช้”

หลิงเฟยจื่ออคติต่อลั่วหลีตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นก็เป็นปกติที่นางไม่ต้องการเห็นลั่วหลีเจิดจรัสในสนามรบ ดังนั้นจึงเลือกใช้มาตรการแบบนี้

นอกจากนี้นางน่าจะยังไม่มีความมั่นใจในการจัดการกับลั่วหลี ดังนั้นนางจึงเลือกวิธีการดังกล่าวเพื่อผูกมัดผู้คนเพื่อจัดการแทน

ทว่าลั่วหลีไม่ใช่คนอ่อนแอ หลังจากรับรู้ถึงแผนการของหลิงเฟยจื่อ นางก็เริ่มตอบโต้

แม้ว่าหลิงเฟยจื่อจะใช้ชื่อตำหนักซีเทียนเพื่อดึงหลายคนเข้ามา แต่ก็ประเมินลั่วหลีต่ำเกินไป ลั่วหลีเลือกที่จะหมอบต่ำปล่อยให้หลิงเฟยจื่อวิ่งวนไปรอบๆ ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจกับผู้อื่น ก่อนที่นางจะเริ่มดึงคนเข้ามา ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ทุกคนคุยกันว่าสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นกลายเป็นเวทีสำหรับหญิงสาวสองไปแล้ว” ลั่วเสินเทียนไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือยิ้มดี การต่อสู้ชุลมุนกลับกลายเป็นการสู้กันระหว่างค่ายของหลิงเฟยจื่อและลั่วหลี

“แต่ดูจากสถานการณ์ก่อนหน้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ใกล้จะถึงแล้ว เพราะตอนนี้นอกเหนือจากสองค่ายนี้ก็ไม่มีใครอยู่ในสนามรบอีกแล้ว”

มู่เฉินพยักหน้าขณะที่กำลังจะพูดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอขนาดใหญ่เหนือจัตุรัส

ในหน้าจอฉายภาพสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น

ตอนนี้ในสนามรบ ทั้งสองฝ่ายกำลังทะยานขึ้นไปบนภูเขาซึ่งแยกฝั่งกันอย่างชัดเจน

มู่เฉินกวาดสายตาก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นร่างคุ้นเคยยืนอยู่ด้านหน้า นี่เป็นสมรภูมิรบของสตรีสองคนแล้วจริงๆ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset