หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1267 ลั่วหลีชนะ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1267 ลั่วหลีชนะ

ซ่า ซ่า!

แสงกระบี่เติมเต็มชั้นฟ้าและชั้นดินพร้อมกับเสียงน้ำกระเซ็น

สีหน้าเย็นเยือกของหลิงเฟยจื่อถูกแทนที่ด้วยความเคร่งเครียด ริ้วความกลัวพลุ่งพล่านในดวงตา นางไม่เคยคิดว่ากระบี่ของลั่วหลีจะน่ากลัวขนาดนี้

เมื่อกระบี่กวัดแกว่ง แสงกระบี่ก็อัดแน่นไปทั่วทุกมุมของสวรรค์และโลก เผชิญหน้ากับกระบี่นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง

“แย่ล่ะ!”

หลิงเฟยจื่อกัดฟันแววตาเย็นยะเยือก ในเมื่อมาไกลขนาดนี้ก็ไม่มีทางหนีให้นางแล้ว นางอยากดูด้วยว่าจะยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของลั่วหลีหรือไม่ หากนางต้านกระบี่นี้ได้

“เจ้าคิดจริงๆ หรือร่างมหาจักรพรรดินีของข้าจะปราบได้ง่าย?!”

หลิงเฟยจื่อกัดลิ้นตัวเอง ในปากเลือดกลั่นไหลพล่านซึ่งอัดแน่นไปด้วยคลื่นหลิงน่าเหลือเชื่อ

หลิงเฟยจื่อใบหน้าซีดขาว ชัดว่ากลุ่มเลือดนี้ทำให้นางเสียคลื่นหลิงไปมหาศาล

กลุ่มเลือดพุ่งออกไปโปรยลงบนดวงจันทร์ของร่างมหาจักรพรรดินี ทันใดนั้นเลือดสดก็ย้อมสี ดวงจันทร์ที่เปล่งประกายเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มพร้อมกับรัศมีน่ากลัวค่อยๆ แช่แข็งพื้นที่โดยรอบ

ฮึ่ม!

ดวงจันทร์สีแดงเข้มสั่นไหวพุ่งออกมาจากมือร่างมหาจักรพรรดินี ปลดปล่อยแสงสีแดงเข้มเชี่ยวกราก สุดท้ายกลายเป็นรัศมีแสงสีแดงเข้มพุ่งทะลุมิติ ทะยานเข้าใส่แสงกระบี่อย่างรวดเร็ว

ริ้วแสงสีแดงเข้มเปล่งประกายไอเย็นเยือก แม้แต่คลื่นหลิงในฟ้าดินก็กลายเป็นน้ำแข็งทันทีที่สัมผัสมัน จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

ตู้ม!

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน แสงกระบี่และดวงจันทร์สีแดงเลือดก็ปะทะกันในอึดใจต่อมา

ทันทีที่เกิดการกระทบ แสงแวววาวก็อัดแน่นทุกซอกมุมของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น เทือกเขาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นภายใต้แสงนี้

ทุกคนที่อยู่รอบรัศมีหลายพันลี้หนีกันจ้าละหวั่นพร้อมกับความสยองขวัญบนใบหน้า เพราะพวกเขารู้ว่าหากคลื่นกระแทกซัดเข้าละก็ ต่อให้ไม่ตายพวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บหนักแน่

แคว๊ก แคว๊ก!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง ดวงจันทร์สีแดงเลือดก็ฉีกเงากระบี่ออกเป็นชิ้นๆ ทว่าเมื่อแสงกระบี่ลดลง ดวงจันทร์สีแดงเข้มก็จางลงเช่นกัน

เคร้ง!

ทันใดนั้นเมื่อดวงจันทร์สีแดงเข้มกำลังตัดผ่าน กระบี่ยาวก็พุ่งเข้ามาสัมผัสกับดวงจันทร์

เสียงคมชัดดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า

แต่ใบหน้าของหลิงเฟยจื่อเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที ความกลัวพล่านในสายตา

แกร็ก!

เนื่องจากนางเห็นรอยแตกเริ่มกระจายไปบนดวงจันทร์สีแดงเข้ม เพียงสิบกว่าอึดใจรอยแตกก็พล่านไปทั่วแล้ว

ปัง!

ในที่สุดดวงจันทร์ก็มาถึงขีดสุดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ลั่วหลีแตะนิ้วอย่างเรียบเฉยในอากาศ ความผันผวนกระจายออกไป

วาบ!

กระบี่ยาวที่แทงทะลุดวงจันทร์หายไปอีกครั้ง

หลิงเฟยจื่อเหมือนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรีบล่าถอยออกมาทันทีโดยควบคุมร่างมหาจักรพรรดินี ม่านคลื่นหลิงจำนวนมากถูกรวมขึ้นเป็นแนวการป้องกัน

ชี่!

ทว่าเสียงเสียดแก้วหูก็ดังขึ้น ขณะที่นางถอยกลับทำเอาร่างกายนางแข็งทื่อไปเลย นางค่อยๆ ก้มศีรษะลงด้วยความยากลำบาก มองเห็นกระบี่ยาวแทงทะลุผ่านหน้าอกของร่างมหาจักรพรรดินี

แสงกระบี่คมกริบทำให้เกิดการระเบิดขึ้นภายในร่างทันที

ปัง!

ร่างมหาจักรพรรดินีระเบิดภายใต้แสงกระบี่ กระจายคลื่นหลิงลงมาราวกับพายุฝน

อ็อก!

หลิงเฟยจื่อได้รับบาดเจ็บหนัก กระอักเลือดเต็มปากก่อนที่ร่างจะกระแทกกับภูเขา จนภูเขาทั้งลูกพังทลายเป็นหน้ากลอง

แสงกระบี่เริ่มจางหาย

บนร่างเทพวารีลั่วหลีก็ค่อยๆ ดึงมือกลับอย่างเงียบๆ สายตาจ้องมองบนภูเขาที่ถล่มลงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “เจ้าแพ้แล้ว”

โห

ทุกคนในสนามรบตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่ากระทั่งทุ่มไปหมดหน้าตักหลิงเฟยจื่อก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีของลั่วหลีได้

เห็นได้ชัดว่าลั่วหลีเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย

ปัง

หินน้อยใหญ่กลิ้งหล่นลงมาจากภูเขา ก่อนที่ร่างของหลิงเฟยจื่อจะปรากฏขึ้นพร้อมรอยเลือดที่มุมปาก ดวงตาของนางวาววับด้วยความไม่เต็มใจพลางกัดฟันกรอด “ข้ายังไม่แพ้!”

ทว่าลั่วหลีไม่ได้สนใจอีกฝ่าย นางโบกมือคลื่นหลิงก็พล่านออกไป ป้ายสัประยุทธ์บินออกจากแขนเสื้อของหลิงเฟยจื่อ

เมื่อหลิงเฟยจื่อเห็นสิ่งนี้นางก็รู้สึกโกรธจนกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง นางได้รับบาดเจ็บหนักไม่มีพลังพอที่จะต่อกรกับลั่วหลีได้อีกต่อไป

เมื่อป้ายสัประยุทธ์ถูกยึดไป สภาพแวดล้อมรอบตัวหลิงเฟยจื่อก็เริ่มผันผวน นางกำลังจะถูกเตะออกจากสนามรบ สายตาแสดงความเกลียดชังจ้องเขม็งที่ลั่วหลีกัดฟันพูด “ลั่วหลีรอก่อนเถอะ! สักวันข้าจะเอาชนะแกได้แน่!”

ทว่าลั่วหลีไม่ได้ใส่ใจคำพูดของนางแม้แต่น้อย

ในที่สุดร่างของหลิงเฟยจื่อก็หายไปในกระแสมิติ ชัดว่านางสูญเสียคุณสมบัติไปแล้ว

หลังจากเอาชนะหลิงเฟยจื่อได้ ลั่วหลีก็กวาดสายตาไปยังค่ายหลิงเฟยจื่อ แตะฝ่าเท้าลง ร่างเทพวารีทะยานออกไปพร้อมกัน กระบี่แหลมคมพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าล้อมรอบจอมยุทธ์จากสำนักสู่ไว้

เผชิญหน้ากับการโจมตีของลั่วหลี จอมยุทธ์สามคนจากสำนักสู่ก็ยิ้มขมขื่น หลังจากต่อต้านไปพักหนึ่ง พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าแม้จะร่วมมือกันก็ไม่สามารถต่อสู้กับร่างเทพวารีนี้ได้

“พวกข้ายอมแพ้!”

หลังจากตระหนักถึงความเป็นจริงอันโหดร้าย ทั้งสามคนก็ยกมือยอมแพ้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าลั่วหลีไม่ใช่คนที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นจะสามารถเผชิญหน้าได้ ตอนนี้นางคือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อขั้นต้นที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปซีเทียน!

มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนางกับพวกเขา

พวกเขายิ้มอย่างขมขื่นกับความจริงนี้ พวกเขาถือตัวว่าเป็นอัจฉริยะ แต่หลังจากได้เห็นลั่วหลี พวกเขาก็เข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าอยู่เสมอ

เมื่อทั้งสามคนยอมจำนน ลั่วหลีก็หยุดยืนอยู่บนร่างเทพวารีแล้วมองไปที่พวกเขา ทั้งสามคนโยนป้ายสัประยุทธ์ทั้งหมดมาให้ด้วยท่าทางเศร้าซึม

เมื่อหลู่เฟิ่งเซียน เถิงขุยและหยูหู่เห็นว่าลั่วหลีสามารถทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของพวกเขาถูกฉาบด้วยแววซับซ้อน

หญิงสาวสะคราญโฉมคนนี้เป็นยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง พวกเขาที่ปกติมักถูกเรียกเป็นอัจฉริยะ ในวันนี้ได้รู้ซึ้งแล้วว่าเป็นเรื่องน่าตลกเพียงใด

เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงามปานล่มเมือง แม้กระทั่งคนที่มีความภาคภูมิใจอย่างหลู่เฟิ่งเซียนก็ยังรู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่า สตรีเช่นนี้ใครจะคู่ควรกับนางได้?

หยูหู่ก็ยิ้มขมขื่นระงับความชื่นชมในหัวใจไว้

“ไม่รู้ว่ามู่เฉินโชคดีอะไรขนาดไหนถึงได้รับความรักจากนาง?” พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันจากนั้นก็ถอนหายใจในใจ ตอนนี้พวกเขารู้สึกอิจฉามู่เฉินเกินจะบรรยาย

“ใครยังต้องการต่อสู้อีก” ขณะที่ทั้งสามคนถอนหายใจ ลั่วหลีก็หันไปมองจอมยุทธ์ค่ายหลิงเฟยจื่อ เสียงที่ดังนุ่มนวลกลับทำให้ใบหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนเป็นสีเทา

มาถึงตอนนี้ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าตนเองยืนอยู่ฝั่งผิด? ความพ่ายแพ้ของหลิงเฟยจื่อ ทำให้พวกเขาต้องจ่ายราคากับการยืนผิดข้าง

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ หลายคนก็หัวใจเย็นสะท้าน แต่พวกเขาก็ต้องส่งป้ายสัประยุทธ์ออกจากสนามรบไป

ไม่กี่นาทีค่ายหลิงเฟยจื่อก็เหลือคนสามสิบคนเท่านั้น พวกเขาเป็นคนที่ไม่ต้องการยอมแพ้และพยายามหนี

ลั่วหลีโบกมือ จอมยุทธ์กว่าหนึ่งร้อยคนทะยานออกมา ในเวลาชั่วก้านธูปคนเหล่านั้นก็ถูกกวาดล้างหมด

ตอนนี้มีเพียงสมาชิกค่ายลั่วหลีที่ยังอยู่ในสนามรบ พวกเขาเอาป้ายสัประยุทธ์ที่ได้มาซึ่งมีจำนวนหลายร้อยออกมาลอยอยู่บนท้องฟ้า

ลั่วหลีก็นำป้ายออกมาเช่นกัน นางมองไปรอบๆ และยิ้ม “ในเมื่อได้รับรางวัล เราก็จะแจกจ่ายตามผลงาน”

ทุกคนพยักหน้า ผลงานของพวกเขาถูกบันทึกไว้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขารับจำนวนป้ายที่พวกเขามีสิทธิ์

หลายสิบลมหายใจต่อมาก็มีเพียงป้ายสัประยุทธ์แปดสิบกว่าป้ายลอยอยู่บนท้องฟ้าซึ่งเป็นของลั่วหลี

ทว่านางไม่ได้แตะป้ายเหล่านั้น นางโบกมือกระจายป้ายส่งออกไป

ทุกคนไม่แปลกใจกับการกระทำของนาง เพราะพวกเขารู้ว่านี่หมายถึงอะไร ลั่วหลียกรางวัลในป้ายสัประยุทธ์ให้ เนื่องจากนางต้องการตำแหน่งนักรบทวีปเท่านั้น

ไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้เพราะนี่เป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว นอกจากนี้ก็มีเพียงลั่วหลีเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับตำแหน่งไปจากพลังของนางเอง

หากไม่ใช่ลั่วหลี พวกเขาคงถูกหลิงเฟยจื่อเตะออกจากสนามรบไปนานแล้ว จะได้รับป้ายสัประยุทธ์มามากมายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติได้อย่างไร?

ดังนั้นทุกคนจึงเงยหน้ามองลั่วหลีพูดด้วยเสียงแสดงความเคารพ “เราขอบคุณต่อจักรพรรดินีลั่ว!”

หลังจากแลกเปลี่ยนสมบัติแล้ว ทุกคนก็เริ่มออกจากสนามรบ จนสุดท้ายทั้งสนามรบเหลือเพียงลั่วหลีคนเดียว

เห็นได้ชัดว่าผู้ชนะของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นถูกตัดสินแล้ว

ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่าแล้วแย้มยิ้ม นี่เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สามารถล่มเมืองได้ แม้ว่านางจะไม่รู้ข่าวเกี่ยวสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่นางรู้สึกได้ว่า…

มู่เฉินน่าจะชนะแล้ว

เพราะนางมั่นใจในตัวเขามาตั้งแต่แรก

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset