หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1288 สองค่ายกล

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1288 สองค่ายกล

อีกหนึ่งเดือนต่อมา

มู่เฉินที่อยู่ในคุกก็เปิดดวงตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับเผยความเปล่งประกายที่ดูลึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ดวงตาของเขาสั่นไหวก่อนกลับมาเป็นปกติ

ฮา

ลมหายใจขาวขุ่นพรูออกมาจากปาก แต่ก็ไม่ได้จางหาย กลับรวมตัวกันที่เบื้องหน้ากลายเป็นค่ายกลขนาดเล็กจิ๋ว

แม้จะเป็นค่ายกลที่เรียบง่าย แต่นี่ถูกสร้างขึ้นด้วยลมหายใจของมู่เฉิน เพียงแค่นี้ก็สามารถบอกได้ว่ามู่เฉินได้รับพัฒนาการเพิ่มขึ้นมหาศาลกับความสำเร็จด้านค่ายกล

ในอดีตเขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างแน่นอน!

“แต่น่าเสียดายที่ยังห่างจากหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนอยู่ครึ่งก้าว”

มู่เฉินมองค่ายกลที่ก่อตัวจากหมอกสีขาวที่ค่อยๆ หายไปก็ถอนหายใจอย่างเสียดาย ทว่าความเสียดายครั้งนี้กินเวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป

เนื่องจากมู่เฉินสัมผัสได้ถึงการยกระดับอันน่าทึ่งจากความเข้าใจของตนเองเกี่ยวกับค่ายกลในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นี่ไม่ง่ายอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ที่จะเข้าไปในขอบเขตหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้

แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าตราบใดที่เขาเรียนรู้ประสบการณ์ที่มารดามอบให้ไปเรื่อยๆ การบรรลุเป็นหลิงเจิ้นจงซือก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา

ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่สร้างความก้าวหน้า แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ตนเองมีคุณสมบัติใช้ค่ายกลระดับจงซือขั้นสูงได้แล้ว เพียงแต่ว่าโอกาสในการล้มเหลวจะสูงขึ้น

ดังนั้นโดยภาพรวมเขาได้รับประโยชน์มากมายจากครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้สามารถบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้ในอีกไม่ช้า แต่เขายังเริ่มเข้าใจถึงทิศทางของการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซืออีกด้วย นี่จะเป็นประโยชน์มหาศาลและช่วยเขาแก้ปัญหามากมายในอนาคต

ยิ่งกว่านั้นมารดายังทิ้งสิ่งที่สำคัญสองอย่างไว้ให้เขา ภาพค่ายกลสองภาพ

ภาพแรกเป็นค่ายกลระดับจงซือขั้นสูง—ค่ายกลเพลิงคำราม

ส่วนภาพที่สองน่ากลัวยิ่งกว่าซึ่งเป็นค่ายกลระดับต้าจงซือ

ค่ายกลฆาตตะวัน!

เพียงแค่ชื่อก็ทำให้มู่เฉินต้องแอบเดาะลิ้นแล้ว แต่เขาก็ปรารถนาที่จะรู้ถึงพลังทำลายล้างของค่ายกลนี้เสียจริง

เพราะค่ายกลระดับนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังต้องหวาดกลัว

น่าเสียดายที่เขาสามารถเข้าใจค่ายกลระดับจงซือและลองสร้างได้เท่านั้น ส่วนค่ายกลระดับต้าจงซือ มู่เฉินถึงกับหัวใจสั่นสะท้านตั้งแต่การมอง ไม่ต้องพูดถึงการลองสร้าง กระทั่งวิถีการฝึกก็ยังไม่สามารถมองดูได้

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลระดับนั้นยังห่างไกล

ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงต้องปล่อยอยู่ในห้วงจิตไปก่อน รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาจะศึกษาได้ ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับเขาก็คือทำความเข้าใจค่ายกลเพลิงทะยาน เมื่อเขาสามารถจัดการได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาที่จะบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือแล้ว

ความคิดมากมายวาบผ่านในใจ จากนั้นมู่เฉินก็ก้มลงมองไปที่ก้อนหินสีดำพลางยิ้มให้ “ท่านแม่วางใจเถอะ วันใดที่ข้าบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือก็จะเป็นเวลาที่ข้าไปรับท่านออกจากเผ่าฝูถู!”

ในเวลานั้นเขาก็จะสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่เคยไกลเกินเอื้อมได้

วางมือลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล เขาก็ไม่อ้อยอิ่งลุกขึ้นยืนหายตัวไปทันที

ในศาลา

มู่เฉินปรากฏตัวเบื้องหน้าลั่วหลีและหลิงซี ดวงตาของพวกนางถึงกับแววแสงแห่งความดีใจ

“เป็นยังไงบ้าง?” หลิงซีถามขณะที่มองมู่เฉิน

“อีกก้าวเดียว” มู่เฉินยิ้ม

เมื่อหลิงซีได้ยินก็ไม่ผิดหวัง นางพยักหน้าเบาๆ ตัวนางมุ่งเน้นอยู่ในเส้นทางการฝึกศาสตร์ค่ายกลเป็นเวลานาน ดังนั้นนางจึงรู้ว่ายากแค่ไหนที่จะบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือ แม้ว่ามู่เฉินจะได้รับความเข้าใจและประสบการณ์ของท่านน้าจิ้ง แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินจะย่อยได้ในเวลาเพียงสองเดือน

นอกจากนี้มู่เฉินก็เหมือนจะเก็บเกี่ยวไม่น้อย ดูเหมือนเขามั่นใจว่าจะบรรลุระดับนั้นได้ในไม่ช้า

“ที่นี่ไม่สมควรอยู่นาน เรารีบไปกันเถอะ” มู่เฉินมองลั่วหลีกับหลิงซีขณะที่พูด

ที่นี่เป็นเขตของเผ่าฝูถู แม้ว่ากู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูจะหนีไปแล้ว แต่หากทางเผ่ารู้เรื่องเข้าละก็ จะต้องส่งผู้เชี่ยวชาญทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิมมาเยี่ยมเกาะนี้ ดังนั้นพวกเขาเดือดร้อนแน่หากอยู่ที่นี่นานเกินไป

แม้ว่าตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ก็ไม่ยโส เขารู้ว่าการเผชิญหน้ากับยักษ์อย่างเผ่าฝูถูแบบคนเดียวโดดๆ เป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด

ลั่วหลีกับหลิงซีแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะพูดว่า “เราวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังแดนเซิ่งยวน”

“แดนเซิ่งยวน?” มู่เฉินอึ้งไป เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่ที่พวกนางพูดถึง

ลั่วหลียิ้มบางเล่ารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับแดนเซิ่งยวนให้มู่เฉินฟัง ตามด้วยเรื่องที่นางตกลงกับชื่อเหยียนที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง

“เจ้าตกลงกับตาเฒ่านั่นว่าจะลงแข่งตำแหน่งธิดาเทพของเผ่าไท่หลิงเหรอ?” หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วหลี มู่เฉินก็ตกใจ เขาไม่ได้สนใจวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน กลับรีบถามอย่างกังวล

เขารู้ดีว่าการแข่งขันจะรุนแรงเพียงใดกับตำแหน่งธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง

เมื่อเห็นความกังวลของมู่เฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลั่วหลีก็รู้สึกหวานในใจนางยิ้มบาง “เผ่าไท่หลิงมีรากฐานที่ลึกซึ้ง ถ้าข้าได้เป็นธิดาเทพได้ก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเองเช่นกัน”

แม้ว่านี่คือเหตุผลที่นางให้มา เขาก็เข้าใจดี ในฐานะคนคล้ายคลึงกัน เราสองคนมีทั้งความอิสระและมั่นใจในตัว นางภาคภูมิใจในตัวเอง ดังนั้นแม้ว่านางจะต้องพึ่งพาตัวเองก็สามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก

ดังนั้นเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าในการตัดสินใจของนาง อาจเป็นเพราะต้องการให้ความช่วยเหลือเขาในอนาคต

เพราะฉะนั้นเขาจึงมองไปที่ลั่วหลีด้วยสายตาซับซ้อน ขณะที่หญิงสาวยิ้มกุมมือเขาไว้ ชัดว่านางตัดสินใจทำเรียบร้อย

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ดังนั้นจึงเลือกจดจำสิ่งที่ลั่วหลีทำเพื่อเขา ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เพราะในเมื่อนางตัดสินเช่นนี้ เขาก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสนับสนุน

“แต่ไม่คิดว่าวิชาเจดีย์แปดองค์และช่องแสงวิญญาณจะอยู่ในแดนเซิ่งยวน วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานที่สามารถสั่นสะเทือนมหาพันภพได้”

ตอนนี้มู่เฉินถึงได้หันเหความสนใจไปวิชาในตำนานทั้งสองแล้วอดที่จะเดาะลิ้นไม่ได้ สำหรับคนที่ฝึกฝนวิชาสามพิสุทธิ์ที่เป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานอย่างเขา เข้าใจถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่วิชาเหล่านี้มีได้ดี

วิชาเหล่านี้นับเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในมหาภพเลย

การเผชิญหน้ากับวิชายอดเทพเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเขาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังถูกล่อลวงไปด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงคงจะไม่ใช้ความพยายามมากมายในการได้รับวิชาทั้งสองมาครอบครอง

“หากข้าได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์ก็อาจจะสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้ขณะที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม”

สายตาของมู่เฉินวูบไหว ช่องว่างระหว่างระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มกับระดับเทียนจื้อจุนยากที่จะเติมเต็ม ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานอาจสามารถถมช่องว่างเหล่านั้นได้

“เฮ้ เจ้าช่างคิดดีจริงๆ พวกประมุขน้อยเผ่าฝูถูก็สนใจวิชาเจดีย์แปดองค์เช่นกัน ไม่ง่ายที่เจ้าจะคว้าจากพวกเขามาได้หรอก” ชื่อเหยียนมองเห็นความคิดของมู่เฉินก็หัวเราะเบาๆ

แม้ว่ามู่เฉินจะถือว่าโดดเด่น แต่ก็ขาดการสนับสนุนจากเผ่าฝูถู ดังนั้นเมื่อเทียบกับประมุขน้อยที่ได้เพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่มีในเผ่า เขาก็ยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย

แต่ตอบสนองต่อชื่อเหยียน มู่เฉินกลับยิ้ม “เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครจะเป็นคนสุดท้ายที่หัวเราะ ถ้าไม่ลอง”

ชื่อเหยียนรู้สึกประหลาดใจต่อปฏิกิริยาของมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีความคิดสุขุมด้วยวัยเท่านี้

“ไอ้หนู เจ้าใช้ได้เลยทีเดียว หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีสายเลือดเผ่าฝูถู ตาเฒ่าคนนี้ต้องลากเจ้าเข้าร่วมเผ่าไท่หลิงแน่นอน” ชื่อเหยียนลูบเคราเบาๆ

การที่สามารถเข้าถึงระดับปัจจุบันได้ตั้งแต่อายุยังน้อยโดยพึ่งพาตัวเอง ในบางแง่มุม เหล่าประมุขน้อยคนอื่นๆ ของเผ่าฝูถูไม่สามารถทำได้จริงๆ

“ฮ่าๆ ข้าละอยากเห็นปฏิกิริยาพวกเต่าล้านปีในวันที่เจ้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนจริงๆ… ฮ่าๆ ไอ้ผีเฒ่าพวกนั้นพูดว่าเผ่าไท่หลิงของข้าไม่ยืดตามคำสอนโบราณ ปนเปื้อนสายเลือดอันสูงส่ง ช่างหัวโบราณจริงๆ”

เมื่อเห็นท่าทางของชื่อเหยียน มู่เฉินก็รู้สึกจนใจก่อนจะประสานมือ “ท่านเซียนชื่อเหยียนต้องรบกวนเรื่องพาเข้าสู่แดนเซิ่งยวนด้วยนะขอรับ”

“นี่เป็นเรื่องที่ข้าสัญญาไว้กับลั่วหลี แต่ว่าข้าสามารถส่งพวกเจ้าเข้าไปได้เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าสองคนจะได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์และช่องแสงวิญญาณโบราณหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเองแล้ว” ชื่อเหยียนโบกมือ

มู่เฉินพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นเราจะไปกันได้เมื่อไร?”

“เวลาไม่คอยท่า ไปกันเลย!”

ชื่อเหยียนไม่ได้เป็นคนชักช้า จึงไม่พูดมากเพียงโบกมือ น้ำเต้าสีแดงก็ขยายขนาดเร็วรี่จนใหญ่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง ก่อนที่เขาจะวาบหายไปปรากฏที่ด้านบนทันที

มู่เฉิน ลั่วหลี หลิงซีและหลงเซี่ยงติดตามกระชั้นชิด ทะยานขึ้นไปบนน้ำเต้าเช่นกัน

“ออกเดินทาง!”

ชื่อเหยียนหัวเราะร่วน ตัวน้ำเต้าก็สั่นไหว มิติเบื้องหน้าบิดเบี้ยวกลายเป็นอุโมงค์มิติ จากนั้นน้ำเต้าก็บินเข้าไป

มู่เฉินนั่งอยู่บนน้ำเต้า มองไปแสงสีเข้มเดินทางมิติ ประกายไฟที่ไม่สามารถอธิบายได้วูบไหวในนัยน์ตา

“ประขุมน้อยเผ่าฝูถูเรอะ”

“ไม่ว่ายังไงข้าไม่ให้วิชาเจดีย์แปดองค์ไปหรอก”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset