หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1324 เจดีย์สี่เทวะ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1324 เจดีย์สี่เทวะ

เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง

เมืองที่เป็นจุดรวมตัวก็ปะทุขึ้น เพราะผู้คนมากมายเห็นกลุ่มโดดเด่นรวมตัวกันก่อนที่จะมุ่งหน้าออกไปพร้อมกัน

การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ทำให้เกิดความตกตะลึงกับกลุ่มอื่นๆ เพราะสาเหตุเรื่องความแข็งแกร่งที่ยังไม่เข้าขั้น บางกลุ่มจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการชุมนุม ดังนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตำนานบรรพชนทั้งสี่ ไม่ต้องพูดถึงการรู้เหตุผลของความปั่นป่วนนี้

ทว่าก็มีบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตามหลังคนกลุ่มใหญ่ไปในระยะไกล

คนกลุ่มใหญ่ก็ไม่ได้สนใจกลุ่มที่ติดตามมา ตามที่ฉิงปูป้ายกล่าวจอมยุทธ์เผ่าปีศาจต่างมิติก็จะมารวมตัวกันที่ขุมทรัพย์โบราณ หากการต่อสู้ระเบิดขึ้น คนโลภมากก็จะได้รับทุกข์ทรมานเอง

มู่เฉิน เวินชิงเฉวียนและพรรคพวกตามหลังคนกลุ่มใหญ่

พวกเขาพยายามรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากกลุ่มอื่น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่กลุ่มอื่นทำเช่นกัน

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะถือว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่ทุกคนก็ชัดเจนว่ามรดกทั้งสี่ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทั้งหมด ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ กลุ่มอื่นก็นับเป็นคู่แข่งทั้งสิ้น

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องรักษาความระมัดระวังกับคู่แข่งไว้

“การเคลื่อนไหวนี้น่ากลัวแท้จริง”

มู่เฉินมองไปที่การแคลื่อนตัวยิ่งใหญ่ ก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้ ตามการประเมินของเขามีกลุ่มชั้นยอดอย่างน้อยหลายสิบกลุ่มที่นี่ ทุกคนได้รับการพิจารณาว่าแข็งแกร่งที่สุดในแดนเซิ่งยวนโบราณตอนนี้แล้ว

“หมายความว่ามรดกบรรพชนทั้งสี่อันตรายอย่างยิ่ง” ลั่วหลีพูดเบาๆ ท่าทางเคร่งเครียดมาก

มู่เฉินพยักหน้า เขารู้ว่าอันตรายนี้ไม่ใช่สิ่งที่มรดกภูตผีเสื้อโอสถสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ หากเขาต้องการได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์ ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งเหล่านี้ เขายังต้องจัดการกับเผ่าปีศาจต่างมิติด้วย

“สถานการณ์มรดกในตำนานยังไม่ชัดเจน หากเราถูกแยกออกจากกันก็อย่าฝืนตัวเองมากนะ” มู่เฉินพูดอย่างเคร่งเครียดเมื่อมองไปที่ลั่วหลี ตัวนางก็มีภารกิจที่จะต้องคว้าวิชาช่องแสงวิญญาณของเผ่าไท่หลิงมาให้ได้ แต่นางเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันในแดนเซิ่งยวนโบราณกับพวกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มมากนัก

หากลั่วหลีอยู่กับเขา เขาจะสามารถช่วยนางได้ แต่กลัวว่าสถานการณ์ในตอนนั้นจะผิดแผกไป ถ้าแยกจากกัน เขากังวลว่าลั่วหลีจะมีปัญหา

ลั่วหลีรู้สึกถึงความห่วงใยของมู่เฉินดี นางยิ้มบางพร้อมกับความงามเอิบอาบไปทั่วขณะที่พยักหน้า “วางใจเถอะ ข้าไม่ฝืนตัวเองแน่นอน”

“นอกจากนี้… อย่าประมาทเพียงเพราะข้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นนะ ข้าก็มีวิธีการของตัวเองเช่นกัน” ลั่วหลีกะพริบตาวิบวับมองมู่เฉินอย่างหยอกล้อ

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะพยักหน้า ในเมื่อลั่วหลีพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ นั่นหมายความว่านางต้องเตรียมพร้อมแล้ว

“ถ้าข้าเดาถูก ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เฉวียนหลัวน่าจะเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง เป้าหมายของนางก็คือวิชาช่องแสงวิญญาณเช่นกัน” ลั่วหลีพูดเบาๆ ขณะที่กวาดสายตามองออกไป

“โอ้?” ม่านตามู่เฉินหดลง มองไปที่หญิงสาวทรงเสน่ห์ข้างเฉวียนหลัว ด้วยรูปลักษณ์จัดว่างดงามมาก

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

ลั่วหลียิ้มตอบ “สัญชาตญาณของผู้หญิง… นางแอบมองข้าหลายครั้งแล้ว”

มู่เฉินพูดไม่ออก จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอ่อนใจ สัญชาตญาณผู้หญิงเป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง กระทั่งสายตาที่ซ่อนเร้นยังสามารถตรวจจับเอาไว้ได้

“ผู้หญิงคนนั้นหลักแหลมใช้ได้”

มู่เฉินพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดสั้นๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนาง แต่เขาก็เห็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอยู่รอบตัวนางตลอดเวลา

นางไม่เหมือนลั่วหลี ในเมืองที่เป็นจุดรวมตัวก็มีจอมยุทธ์ทรงพลังหลายคนที่เข้ามาอยากสร้างความสัมพันธ์กับลั่วหลีเนื่องจากรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่สุดท้ายก็โดนนางปฏิเสธอย่างเย็นชาทั้งหมด ไม่มีความคิดที่จะดึงพวกเขามาเป็นพวก

ลั่วหลีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงคนนั้นมีฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะระวังนาง”

มู่เฉินพยักหน้า เสมือนธิดาเทพคนนั้นอาจจะฉลาด แต่ลั่วหลีก็ดูถูกไม่ได้ ลั่วหลีสามารถดึงตระกูลลั่วเสินกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องและเติบโตขึ้น นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความฉลาดกับความงามของนางทัดเทียมกัน

ตราบใดที่ลั่วหลีระวัง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามได้

ขณะที่ทั้งสองพูดกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ากลุ่มด้านหน้าเริ่มเร่งความเร็ว เห็นได้ชัดว่าฉิงปูป้ายที่นำทางเร่งความเร็วขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดบทสนทนาไว้ ติดตามกลุ่มใหญ่ต่อ

พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางตลอดหนึ่งวันเต็มๆ เมื่อท้องฟ้ายามราตรีปกคลุมไปทั่ว ทั้งกลุ่มก็พลิ้วลงไปที่ภูเขาเพื่อพักผ่อนรอเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเดินทางต่อไป

ภายใต้ความเร็วนี้มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็พบว่ากลุ่มเริ่มช้าลงในเวลาพลบค่ำของวันที่สอง

“ทุกคนอีกไม่นานก็จะถึงปลายทางแล้ว!”

เสียงทรงพลังของฉิงปูป้ายดังก้อง

ทั้งกลุ่มถึงกับปั่นป่วน ก่อนที่สายตาจะจ้องมองไปยังระยะไกล มองเห็นเหวลึกไร้กันบนพื้นดินเบื้องหน้า

ขนาดของเหวไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อมองจากระยะไกลราวกับหลุมดำขนาดมหึมาที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้กระดูกสันหลังของคนมองเย็นเยือกลง

ด้านหนึ่งของเหวลึกสว่างไสวราวกับมีดวงอาทิตย์สาดส่องแสงไม่สิ้นสุด

ส่วนอีกด้านหนึ่งถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมิดราวกับอาณาจักรปีศาจ

ความสว่างและความมืดกัดเซาะกันอย่างต่อเนื่อง มิติก็ถูกทำลายจนมีสภาพแตกสลาย พายุกาละปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว

“นี่คือเหวเทพร่วง!” ขณะที่มู่เฉินและคนอื่นๆ กำลังมองไปที่ก้นเหวไม่มีที่สิ้นสุดด้วยความเหม่อลอย เสียงของเวินชิงเฉวียนก็ดังขึ้น

“เหวเทพร่วง” มู่เฉินอึ้งไป

“ในสมัยโบราณบรรพชนทั้งสี่ต่อสู้กับจอมปีศาจทั้งสี่ที่นี่ และหุบเหวไร้ก้นแห่งนี้ก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทิ้งไว้ต่างหน้าของพวกเขา” เวินชิงเฉวียนพูดอธิบาย

“นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาสละชีพ มิน่าล่ะเจตจำนงที่เหลืออยู่ของพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่นี่หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ปณิธานของพวกเขาจะต้องลึกเกินหยั่ง ตั้งสัตย์สาบานว่าจะทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นซาก”

มู่เฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาหรี่ตาลงมองเข้าไปในความมืด จอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็น่าจะมารวมตัวกันที่นั่นแล้วใช่ไหม?

ขณะที่พูดกัน ทั้งกลุ่มก็เข้ามาใกล้ขอบเหวค่อยๆ พลิ้วลงมาขณะที่ร่างถูกห่อหุ้มด้วยแสง

เมื่อแต่ละคนลงมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงโบราณซึ่งดูเหมือนว่าจะทะลุผ่านเวลา ดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขา

“ผู้ช่วยเหลือแห่งมหาพันภพ ในที่สุดพวกเจ้าก็มา”

มู่เฉินและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน เสียงโบราณนี้คงเป็นหนึ่งในสี่ของบรรพชน

“ท่านอาวุโส ต้องการให้เราทำอะไร?” ฉิงปูป้ายกล่าวพร้อมประสานมือ

“เศษเสี้ยวของเจตจำนงที่เหลืออยู่ของจอมปีศาจระดับเทียนทั้งสี่ถูกแยกระงับโดยพวกเราทั้งสี่คนเพื่อลบล้างไปตามกาลเวลา ทว่าช่วงนี้พวกมันรู้สึกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป จึงได้เรียกรวมเผ่าปีศาจเพื่อทำลายการระงับของเรา ปลดปล่อยวิญญาณที่เหลืออยู่ของพวกมันให้เป็นอิสระ”

“หากพวกมันทำสำเร็จก็จะสามารถเชื่อมต่อกับเผ่าปีศาจ แดนเซิ่งยวนโบราณจะถูกดึงเข้าสู่โลกปีศาจอย่างสมบูรณ์ ซึ่งพวกมันจะสามารถใช้เป็นเส้นทางเพื่อเข้าโจมตีมหาพันภพของเราได้”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นสะเทือนรุนแรง สีหน้าเปลี่ยนไปมาก หากเป็นเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะถูกดึงเข้าสู่โลกปีศาจด้วยเหรอ?

“ดังนั้นเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าเพื่อหยุดเผ่าปีศาจ!”

เมื่อเสียงนั้นจบลง มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็สัมผัสอะไรได้บางอย่างเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เห็นเจดีย์สูงตระหง่านที่มีสีดำขาว

แม้จะมีเพียงสี่ชั้น เจดีย์ก็ให้ความรู้สึกไม่สามารถทำลายลงได้

“ทุกๆ ชั้นจะมีวิญญาณที่เหลืออยู่ของจอมปีศาจระดับเทียน ทุกวิญญาณที่หนีออกไปก็หมายความว่าหนึ่งในสี่ของพวกข้าถูกทำลาย หากมีสามวิญญาณของจอมปีศาจได้รับการปล่อยตัวเจดีย์สี่เทวะก็จะถูกทำลาย จอมปีศาจก็จะถูกปล่อยออกมา” พูดถึงจุดนี้เสียงโบราณก็เคร่งขรึมลงมาก

“ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถปกป้องเจดีย์สี่เทวะได้สองชั้น ก็จะสามารถรักษาเจดีย์ไว้ได้จนกว่าพวกมันจะถูกทำลาย”

“ดังนั้นความล้มเหลวหรือความสำเร็จทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดร้ายแรง เนื่องจากไม่คิดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแบบนี้ นี่เป็นการต่อสู้เดิมพันชีวิตอย่างแท้จริง

“ใครก็ตามที่สามารถปกป้องผนึกได้ ก็จะได้รับมรดกในชั้นนั้นไป!”

เมื่อประโยคนี้ดังก้อง คนจำนวนมากก็มีสายตาอัดไปด้วยเพลิงปรารถนาและความโลภหนาแน่น นั่นหมายความว่าคนที่ประสบผลจะสามารถได้รับมรดกของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง?!

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาเปล่งประกายแผดเผา เขาหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มตัวเองพร้อมเอ่ยเสียงเบา

“เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนตัว”

เพื่อวิชาเจดีย์แปดองค์ เขาไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญกับเฉวียนหลัว มั่วซิน หรือแม้แต่เผ่าปีศาจ

เงินสามารถกระตุ้นจิตใจของมนุษย์ วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้รับ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset