หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1363 เหนือชั้น

บนท้องฟ้า

ร่างเงาสามร่างยืนอยู่พร้อมกับร่างสีดำและสีขาวที่ดูเหมือนกับมู่เฉินเปี๊ยบ นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจมากขึ้นก็คือความผันผวนของพลังงานที่มาจากทั้งสองไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามู่เฉินเลย!

“พวกนั้นคือร่างดวงจิตหรือ? ทำไมถึงมีพลังเทียบเท่าร่างหลักได้ล่ะ” มีคนร้องอุทานด้วยความไม่เชื่อ ร่างดวงจิตไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาด แต่การมีพลังเฉกเช่นร่างหลักนั้นไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน!

ทันใดนั้นใบหน้าของเจ้าเมฆาม่วงก็แข็งค้างครู่หนึ่ง ก่อนที่ความตกใจจะกะพริบในดวงตา เขารู้สึกถูกคุกคามโดยมู่เฉินที่มาใหม่ด้วย

‘เป็นไปได้ยังไง? ร่างดวงจิตของมันจะทรงพลังขนาดนี้ได้เหรอ?!’ เจ้าเมฆาม่วงคำรามในใจ หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉินที่ทรงพลังใกล้เคียงกันสามคนไม่ใช่หรือ?

แค่มู่เฉินคนเดียวก็แทบกระอักเลือดแล้ว ดังนั้นแม้แต่เจ้าเมฆาม่วงยังผวาที่จะต้องเผชิญหน้ากับสามคน

แต่มู่เฉินไม่ได้สนใจกับความตื่นตระหนกของอีกฝ่าย เขาโบกแขนเสื้อ ของเหลวจื้อจุนก็ไหลออกมาก่อนที่เขาจะดูดซับและกลั่นพวกมันเพื่อทดแทนพลังที่เสียไป

ขณะที่เขาเติมพลัง มู่เฉินชุดขาวและชุดดำก็ก้าวออกมาพร้อมกับธนูเล็งไปที่เจ้าเมฆาม่วง ก่อนที่จะปล่อยสายธนูโดยไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

ฮึ่ม ฮึ่ม!

สายธนูดีดออก รังสีสีทองสองสายก็ทะลุผ่านมิติด้วยความคมชัดที่น่ากลัว อึดใจต่อมารังสีทั้งสองก็ปะทะกับเมฆสีม่วงหนาทึบ

ครืน!

จังหวะนั้นเมฆสีม่วงก็สั่นไหวกลิ้งตัวไปมาอย่างรุนแรงพร้อมกับชั้นเมฆสลายไปภายใต้รังสีสีทอง

ก่อนที่เมฆสีม่วงจะสงบลง มู่เฉินชุดขาวและชุดดำก็ทำการโจมตีระลอกสอง รังสีสองสายกระทบกับเมฆสีม่วง ทำให้ชั้นเมฆเริ่มอ่อนตัวลง

ทุกคนที่เฝ้ามองฉากนี้ ท่าทางก็ดูซับซ้อนขึ้น มู่เฉินได้เปรียบในตอนนี้ ทำให้เจ้าเมฆาม่วงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในการปกป้องของเมฆสีม่วงเท่านั้น

ทว่าการป้องกันก็อ่อนแอลงอย่างช้าๆ หลังจากเผชิญหน้ากับการโจมตีของสามมู่เฉิน ไม่ว่าเจ้าเมฆาม่วงจะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็มีช่วงเวลาที่ไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป

ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนผ่านการเผชิญหน้าครั้งนี้ การปราบฝ่ายเดียวที่พวกเขาคาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ตรงข้ามมู่เฉินที่น่าจะแพ้กลับทำให้พวกเขาตกใจแทน

มู่เฉินพิสูจน์ด้วยความแข็งแกร่งแล้วว่าเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสามผู้นำจักรวรรดิเหนือ ในกรณีนี้เขามีคุณสมบัติและอำนาจพอที่จะนำตำหนักมู่เข้าเป็นหนึ่งในผู้นำจักรวรรดิเหนือได้

ทุกคนมองหน้ากันก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจำนวนผู้นำจักรวรรดิเหนือจะเพิ่มขึ้นเป็นสี่ที่หลังจากวันนี้…

เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ขั้วอำนาจคนอื่นๆ สมาชิกตำหนักมู่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงยินดี สายตาที่มองมู่เฉินเพิ่มความเคารพมากขึ้น พวกเขารู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่มีผู้นำทรงพลังเช่นนี้

“ประมุขน่าเกรงขามอย่างแท้จริง” หลิ่วเทียนเต้าอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

คนอื่นๆ ก็พยักหน้ารัวๆ ขณะนี้เกียรติยศของมู่เฉินในใจของทุกคนถึงจุดสูงสุดแล้ว

มั่นถัวหลัวมองทุกคนที่ตื่นเต้น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า นางมองมู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน

ตอนที่นางเจอมู่เฉินครั้งแรก เขาเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุน แต่ไม่กี่ปีต่อมาเด็กหนุ่มที่อ่อนแอก็ก้าวนำนางไปโดยไม่รู้ตัว

“ดูท่าข้าก็ต้องฝึกหนักแล้ว ไม่งั้นจะโดนเจ้านี่เหวี่ยงกลับมากกว่านี้” มั่นถัวหลัวพึมพำ

ในฐานะที่เป็นคนมั่นใจตัวเองสูง นางไม่ต้องการอยู่ภายใต้การคุ้มครองของมู่เฉินตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองไร้ประโยชน์ในอนาคต นางก็ต้องพยายามฝ่าฟันเส้นทางเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน

ขณะที่ความคิดสั่นไหวในหัวใจของขั้วอำนาจอื่นๆ เมฆสีม่วงก็ค่อยๆ สลายไปภายใต้การโจมตีของสามมู่เฉิน…

มู่เฉินยืนอยู่ระหว่างมู่เฉินชุดดำและชุดขาวพลางมองไปที่ร่างเจ้าเมฆาม่วงที่ค่อยๆ เผยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา

มู่เฉินยกมือขึ้นธนูสีทองก็รวมตัวอีกครั้ง รังสีสีทองพุ่งข้ามมิติก่อนที่จะกระแทกเข้ากับเมฆสีม่วง

ตู้ม!

ยามนี้แสงสีทองบานสะพรั่งทำลายเมฆสีม่วงได้ในที่สุด

ฟิ้ว!

เมื่อเมฆสีม่วงแตกสลาย ร่างเจ้าเมฆาม่วงก็ทะยานออกไป เขาอ้าปากดูดเมฆเข้าไปสถิตในร่างก่อนที่จะมองมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ดูเหมือนกระดองเต่าของเจ้าจะไม่น่ากลัวอย่างที่อ้างนะ” มู่เฉินยิ้มบาง

หากพูดประโยคนี้ก่อนหน้า มู่เฉินอาจจะดึงดูดการเยาะเย้ย แต่ขณะนี้ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด ผู้คนมากมายตัวสั่นสะท้าน

เพราะไม่มีใครคิดว่าเจ้าเมฆาม่วงจะถูกมู่เฉินบังคับให้อยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้…

โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับคำสั่งให้หยุดตำหนักมู่ ใบหน้าของพวกเขาซีดลงหลายส่วน ตอนแรกพวกเขายั่วยุอีกฝ่ายเพราะคิดว่าตำหนักมู่ถึงคราวล่มสลายในวันนี้ แต่เมื่อมองตอนนี้พลังของตำหนักมู่เกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล

ใบหน้าของเจ้าเมฆาม่วงดูเคร่งขรึม รูม่านตาสีม่วงกะพริบด้วยความโกรธ ทว่าหลังจากได้สัมผัสกับพลังของมู่เฉิน เขาก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรกับชายหนุ่มคนนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว

“ตอนนี้เจ้าคิดว่าตำหนักมู่ของข้ามีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งเจ้าจักรวรรดิเหนือหรือยัง?” มู่เฉินจ้องไปที่เจ้าเมฆาม่วงด้วยรอยยิ้มบางขณะที่ถาม

เจ้าเมฆาม่วงเค้นเสียง “ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของจักรวรรดิเหนือ ข้ากลัวว่าจะไม่มีที่สำหรับผู้นำคนที่สี่ได้!”

ผู้นำทั้งสามแบ่งแยกดินแดนมากกว่าแปดส่วนของจักรวรรดิเหนือไปแล้ว ดังนั้นหากคนที่สี่ปรากฏขึ้น นั่นจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ ทำลายสถานการณ์ปัจจุบันลงอย่างสิ้นเชิง

“งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ”

มู่เฉินส่ายหัวด้วยความเสียดายก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นคมกริบ ธนูสีทองปรากฏขึ้นจากนั้นธนูก็ขึ้นสายโดยไม่ลังเล

ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!

ในเวลาเดียวกันมู่เฉินชุดขาวและชุดดำก็ขึ้นสายธนู รังสีสีทองสามสายทะยานออกมาทันทีพร้อมกับความคมกริบที่ไม่สามารถอธิบายได้เล็งไปที่เจ้าเมฆาม่วง ปิดทางหนีทั้งหมด

เมื่อลูกศรสีทองแหลมคมสามดอกพุ่งออกมา สีหน้าเจ้าเมฆาม่วงก็เปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะหายใจเข้าลึกๆ แสงสีม่วงรวมตัวกันอย่างรุนแรงในดวงตา กลายเป็นรังสีสีม่วงพวยพุ่งออกมา

ปัง!

รังสีสีม่วงและสีทองสายหนึ่งปะทะกัน ระเบิดเสียงดังสนั่น ทั้งสองลบล้างกันและกัน

ทว่าอึดใจนี้ลูกศรสีทองอีกสองดอกก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าร่างเจ้าเมฆาม่วง แต่เมื่อลูกศรสีทองกำลังจะพุ่งทะลุอีกฝ่าย พลังงานไร้ขอบเขตสองสายก็พุ่งลงมาห่อหุ้มลูกศรสีทองไว้

ปัง ปัง!

พลังงานรุนแรงระเบิดออก ลูกศรสีทองแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับพลังงานสองสาย

ความโกลาหลปั่นป่วนในภูมิภาคนี้อีกครั้ง สายตานับไม่ถ้วนมองไปในทิศทางของเจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทอง ทั้งสองกำลังมองมาที่มู่เฉินโดยไม่แสดงท่าทางใดๆ ออกมา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนเป็นคนช่วยเจ้าเมฆาม่วงเอาไว้

“ในที่สุดก็ลงมือแล้วเรอะ?” คิ้วของมู่เฉินยกขึ้น ท่าทางไม่ได้แปลกใจมาก

เนื่องจากเขารู้ชัดว่าตนเองสั่นบัลลังก์ผู้นำทั้งสามเข้า หากตำหนักมู่ต้องการขึ้นเป็นหนึ่ง พวกเขามองว่าจักรวรรดิเหนือเป็นพื้นที่หวงห้าม แต่ตอนนี้มีใครบางคนพยายามจะแตะต้อง ทั้งสามคนก็จะมองว่าเขาเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ

“ประมุขมู่ ในเมื่อเจ้าอยู่ในตำแหน่งเหนือกว่าแล้ว ทำไมต้องก้าวล้ำกันด้วย” เจ้าภูเขาเหลยยิงมองไปที่มู่เฉินขณะพูดช้าๆ

มู่เฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นเจ้าสองคนคิดยังไงกับคำถามของข้า?”

เจ้าภูเขาเหลยยิงถอนหายใจกล่าวด้วยความสงสาร “ประมุขมู่สถานการณ์ในจักรวรรดิทางเหนือมั่นคงแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ขั้วอำนาจทั้งสามของพวกข้ารักษาไว้ ดังนั้นหากตำหนักมู่ต้องการอ้างสิทธิ์ในตำแหน่งเจ้าเหนือหัว ข้ากลัวว่าจะเกิดการนองเลือด”

“ดังนั้นพวกข้าหวังว่าประมุขมู่จะเล็งไปนอกจักรวรรดิเหนือ หากเป็นเช่นนั้นพวกข้าสามคนจะสนับสนุนเต็มที่”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายเหล่านั้นมู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ก่อนที่จะพูด “ถ้าข้ายืนยันคำพูดเดิมล่ะ?”

เจ้าภูเขาเหลยยิงแลกเปลี่ยนสายตากับเจ้าอินทรีทองและเจ้าเมฆาม่วง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจ “ถ้าเป็นเช่นนั้น ตำหนักมู่ก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกข้าสามคนจนกว่าจะหยุด”

เขาถอนหายใจพลางส่ายหัว ทว่าดวงตากะพริบอย่างเย็นชาด้วยเจตนาฆ่า พลังของมู่เฉินกระตุ้นความกลัวและเจตนาฆ่าของพวกเขา

เมื่อพูดประโยคนี้ออกมาก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าผู้นำทั้งสามจะร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อทำลายผู้ท้าชิงแล้ว…

หากเป็นเช่นนี้ตำหนักมู่ก็คงต้องตกอยู่ในอันตราย

แม้ว่ามู่เฉินจะแสดงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา มากจนสามารถผลักเจ้าเมฆาม่วงไปเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ทั้งเจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองออกโรงแล้ว ดังนั้นสถานการณ์นี้ก็น่าจะพลิกผัน

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็หรี่ตามองไปที่ทั้งสาม ทั่วบริเวณเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัด

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนที่มู่เฉินจะส่ายหัวมองไปที่ทั้งสามคน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”

“งั้นก็มาดูกันสิว่าพวกเจ้าสามคนมีความสามารถเพียงพอหรือไม่…”

แม้ว่าน้ำเสียงจะนุ่มนวล แต่ก็เหมือนเสียงคำรณที่ดังก้องทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหว ‘ประมุขตำหนักมู่คิดจะเผชิญหน้ากับผู้นำสามคนด้วยตัวคนเดียวรึ?!’

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset