หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1365 บรรลุในศึก

“บางครั้งการเฉลิมฉลองไปก่อนอาจทำให้เจ้ากลายเป็นตัวตลก…”

เสียงหัวเราะเบาๆ ที่แฝงด้วยเจตนาฆ่าของมู่เฉินดังออกมา ทำเอาดวงตาของเจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองหดลงขณะจ้องมู่เฉินเขม็งราวกับใบมีด

จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังคงยืนหยัดอยู่ โดยไม่ได้แสดงความกลัวอะไรออกมาเลย

“ดูเหมือนว่าประมุขมู่เตรียมจะเดินไปตามทางยมโลกนะ” เจ้าภูเขาเหลยยิงส่ายหัวพลางพูดอย่างช่วยไม่ได้

แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของเจ้าอินทรีทองก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “อย่าพูดกับเขามาก เขาแค่พยายามถ่วงเวลา”

“จัดการมันเลย!” เจ้าเมฆาม่วงกล่าวเสียงเคร่งขรึม เจ้าภูเขาเหลยยิงจ่ายราคาแพงเพื่อดักจับร่างรองทั้งสองของมู่เฉินไว้ หากปล่อยให้พวกเขาหลุดออกมาได้ละก็ เท่ากับศึกนี้จะกลับไปเป็นสามต่อสามอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นความได้เปรียบของพวกเขาจะลดลง

“งั้นก็ลงมือกันเถอะ”

เจ้าภูเขาเหลยยิงก็พยักหน้า ชัดว่าไม่ต้องการให้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจากความล่าช้า

ตู้ม!

เมื่อทั้งสามคนบรรลุข้อตกลงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ให้เวลามู่เฉินพูดพล่ามอีก พวกเขาส่งแรงไปที่ฝ่าเท้า พายุคลื่นหลิงสร้างความหายนะระหว่างสวรรค์และโลก ขณะที่ทั้งสามพุ่งเข้าหามู่เฉิน

เมื่อมองไปที่เงาทั้งสาม มู่เฉินก็วาดตราประทับเรียบเฉยด้วยมือข้างเดียว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ระเบิดแสงมหาศาลออกมาห่อหุ้มร่างเขาไว้

“แกคิดว่าสามารถป้องกันตัวเองได้จนกว่าไอ้ร่างพวกนั้นจะเป็นอิสระเรอะ?”

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน ทั้งสามก็แสยะยิ้มเยาะเย็นชา จากนั้นแขนเสื้อของพวกเขาโบกสะบัด เริ่มปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวใส่ปราการสีทอง

ครืนๆๆๆ!

แม้ว่าการป้องกันที่เกิดจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์จะทรงพลัง แต่ก็ยังสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับระลอกคลื่นกระจายออกไปภายใต้การโจมตีป่าเถื่อนของสามจอมยุทธ์

มองไปก็ดูเหมือนว่าคงจะแตกในไม่ช้า

เมื่อขั้วอำนาจอื่นๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็แอบเดาะลิ้น การโจมตีจากผู้นำทั้งสามนั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริง แม้แต่มู่เฉินซึ่งได้เปรียบก่อนหน้าก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมู่เฉินก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของทั้งสาม เมื่อการป้องกันของเขาถูกทำลายก็จะไม่สามารถหลบหนีได้

เวลานี้ผลลัพธ์ที่น่าสมเพชของตำหนักมู่ก็ถูกกำหนดแล้ว…

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของหลายๆ คนก็เริ่มเย็นเยือกลง ช่วงเวลาที่มู่เฉินเสียชีวิตนั่นหมายความว่าเสาหลักของตำหนักมู่ก็จะล้มครืน สมาชิกจากตำหนักมู่คงไม่สามารถหลบหนีจากที่ราบเป่ยยู่ได้เลย

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอย่างดุร้ายจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ ใบหน้าของจอมยุทธ์ตำหนักมู่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน พวกเขาขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงผันผวนไปทั่วบริเวณ ขณะที่มองมั่นถัวหลัวนิ่ง

มั่นถัวหลัวไพล่มือไว้ด้านหลังขณะอยู่ในอาการสงบ นางเพียงเงยหน้าขึ้นมองดูการต่อสู้รุนแรงบนท้องฟ้าโดยไม่มีความตื่นตระหนกในสายตา

เมื่อเห็นท่าทางสงบของนาง ร่างกายของทุกคนก็คลายลง สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้คือเชื่อมั่นในตัวมู่เฉิน

ตั้งแต่ติดตามประมุขมายังที่ราวเป่ยยู่ พวกเขาก็รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าการเดินทางครั้งนี้มีความเสี่ยง?

เพื่ออนาคตของตำหนักมู่และอนาคตของพวกเขา

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ติดตามประมุขไปจนถึงจุดสิ้นสุดเถอะ

ตู้ม ตู้ม!

ท่ามกลางสายตาตั้งมั่นของสมาชิกตระกูลมู่ การปะทะกันครั้งใหญ่ก็ดังก้องบนท้องฟ้า การโจมตีรุนแรงกระแทกเข้ากับปราการสีทอง

ร่างมู่เฉินถูกปกคลุมไปด้วยแสง ขณะมองไปที่ภาพเงาทั้งสามโดยไม่มีระลอกคลื่นใดๆ ในดวงตา เขาเพียงก้มศีรษะลงมองไปที่เจดีย์ผลึกใส

“หนักเกินไปที่จะใช้วิชาเจดีย์แปดองค์ด้วยขุมพลังที่มีตอนนี้”

มู่เฉินยิ้มบางดูเหมือนเขาจะต้องเลือกที่จะบรรลุแล้ว วันนี้เขาต้องการที่จะทำลายความมั่นใจของทั้งสาม เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่กล้าต่อกรกับตำหนักมู่ตลอดกาล!

เม็ดยาเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วซึ่งมีกลิ่นหอม

นี่ก็เม็ดยาเซิ่งหว่า

นอกปราการสีทอง ผู้นำทั้งสามก็สังเกตเห็นการกระทำของมู่เฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มพยายามจะทำอะไร แต่ด้วยความระมัดระวังพวกเขาจึงเพิ่มความเร็วในการโจมตีทันที

มู่เฉินยกนิ้วโยนเม็ดยาเซิ่งหว่าเข้าปากและหลับตา

ยาไหลลงคอก่อนที่จะระเบิด ราวกับพายุแพร่กระจายไปทั่วสรรพางค์กายของมู่เฉินในทันที

พลังงานหลิงผันผวนภายในร่างกาย เนื้อหนังเปล่งแสงแวววาวประหนึ่งเขาถูกสลักจากอัญมณี

ในเวลาเดียวกันเจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานที่แผ่ออกมาจากร่างกายของมู่เฉิน ช่างพลุ่งพล่านด้วยความเร็วที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

คลื่นหลิงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ซ่านอยู่รอบๆ ร่างของมู่เฉิน

“เขาพยายามจะบรรลุขุมพลัง!”

เจ้าเมฆาม่วงอุทานด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

ชายหนุ่มคนนี้บ้าบิ่นแท้จริง มันกล้าที่จะบรรลุขุมพลังต่อหน้าพวกเขา!

“หยุดเขา!”

ทั้งสามแผดเสียงพร้อมกัน แค่เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มมู่เฉินก็เป็นตัวปัญหามากแล้ว ถ้าเขาสามารถบรรลุขั้นเต็มได้ละก็ จะเหนียวเคี้ยวยากเกินกว่าจะรับมือแค่ไหน?

ดังนั้นพลังงานหลิงจึงรวมตัวกันอยู่เบื้องหลังทั้งสามคน ก่อเป็นเงาร่างสามร่างอย่างรวดเร็วซึ่งสร้างแรงกดดันที่น่ากลัว

ทั้งสามเร้าร่างเวทสวรรค์ออกมาแล้ว!

ขณะที่ร่างเวทสวรรค์ทั้งสามยืนตระหง่านระหว่างฟ้าดิน พลังงานหลิงก็ครางกระหึ่มราวกับพายุ

ตู้ม!

ร่างเวทสวรรค์ของทั้งสามเคลื่อนไหว กำปั้นมหึมาเหมือนได้รวบรวมพลังงานที่น่ากลัวไว้ภายใน ขณะที่เหวี่ยงซัด มิติก็แตกสลาย สุดท้ายกำปั้นก็พุ่งเข้าหาปราการสีทอง

ตึง ตึง!

ปราการสีทองผันผวนรุนแรงก่อนที่จะถึงขีดสุด อึดใจก็ระเบิดออก

“ตายซะ!”

เมื่อปราการสีทองแตกเป็นเสี่ยงๆ หมัดสามหมัดก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าตรงไปที่มู่เฉินที่ยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ขณะที่มิติยุบลงอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนเฝ้ามองฉากนี้ด้วยเปลือกตากระตุกไม่หยุด มู่เฉินจะเอาชีวิตรอดภายใต้การโจมตีนี้ได้อีกหรือ?

หมัดพุ่งลงมา ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา มู่เฉินบนไหล่ของร่างสีม่วงทองก็ลืมตาโพลง

รูม่านตาสีดำของเขาลึกซึ้งบรรจุด้วยพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้

ขณะนี้ทุกคนรู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากมู่เฉินมาถึงจุดสูงสุดที่น่ากลัวแล้ว

“เขาทำได้จริงเหรอ?! นี่ไม่เร็วเกินไปรึไง?!” ทั้งสามตัวสั่นสะท้าน หากเป็นจอมยุทธ์ธรรมดาจะต้องใช้เวลานานในการบุกทะลวงขุมพลังแต่ละขั้น แต่ทำไมถึงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับมู่เฉิน?!

ทว่าที่พวกเขาไม่รู้คือมู่เฉินมีคุณสมบัติในการบรรลุนานแล้ว เขาแค่ละการทำเช่นนี้เอาไว้ เพราะเขาต้องการให้รากฐานพลังแข็งแรงมากขึ้นก่อน ดังนั้นเมื่อมียาเซิ่งหว่าเป็นตัวกระตุ้นก็คล้ายกับความกดดันคลายตัวลง ทำให้เกิดพัฒนาการได้อย่างง่ายดาย

“หึ ต่อให้แกจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม วันนี้ก็ต้องตาย!”

แต่ทั้งสามคนที่ตกใจก็กลับมาสงบลงได้อย่างรวดเร็ว ความดุร้ายในการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่เฉินแค่บรรลุขั้นเต็ม ต่อให้มันสัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุนเหมือนกับพวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะ!

ครืน!

ขณะที่เกิดความคิดนี้ การโจมตีที่ดุเดือดก็ได้ซัดลงไปแล้ว

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมือวาดตราประทับ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ส่งเสียงคำราม แสงสีม่วงทองพวยพุ่งก่อนที่จะซัดออกไป แสงพัฒนาเป็นโล่สีทองปะทะกับหมัดทั้งสาม

ตู้ม!

จังหวะที่ปะทะกันฟ้าดินก็เงียบงันไป วินาทีต่อมาคลื่นกระแทกกวาดออกไปในระยะหลายแสนจั้งระเบิดไปทั่วท้องฟ้า ลบหมู่เมฆจนหมดสิ้น

ทุกคนจับจ้องไปที่จุดปะทะ

ตรงจุดนนั้น ร่างสีม่วงทองถอยออกไปหลายพันจั้ง ส่วนหมัดทั้งสามก็ถูกต้านทานไว้ได้

“หึ”

ทั้งสามคนครวญครางด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม้ว่าพวกเขาจะเหนือกว่าในการเผชิญหน้าครั้งก่อน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะมู่เฉินได้

ต้องรู้ว่าแม้แต่คนที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีนี้!

แต่ตอนนี้มู่เฉินเพียงแค่ถูกผลักถอยกลับเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ

ความโกลาหลกวนตัวพร้อมกับจอมยุทธ์หลายคนส่ายหัวด้วยความอัศจรรย์ใจ ชัดเจนที่พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถรับการโจมตีทั้งสามได้จริงๆ

“ช่างน่าเกรงขามนัก เผชิญหน้ากับสามจอมยุทธ์ยิ่งใหญ่ยังเสียเปรียบเพียงเล็กน้อย ประมุขมู่ดุดันจริงๆ!” แม้แต่ขั้วอำนาจที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้นำทั้งสามยังอดถอนหายใจไม่ได้

“แต่ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถต้านทานได้ ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว เวลาต่อจากนี้ไปผู้นำทั้งสามจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน!”

ขณะที่เสียงสนทนาดังสะท้อน สายตาของผู้นำทั้งสามก็จับจ้องไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา เจตนาฆ่าไหลพล่านออกมาจากดวงตาพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจกับการได้เปรียบก่อนหน้า

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชานั่น มู่เฉินบนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็โบกมือเบาๆ “มีความสามารถอยู่จริงๆ นะเนี่ย”

มู่เฉินยิ้มขณะเงยหน้ามองไปที่ทั้งสามคน “อวดกันจบแล้ว งั้นต่อไปก็ควรถึงตาข้าบ้างแล้วมั้ง?”

เมื่อพูดจบเขาไม่ได้รั้งรอให้ทั้งสามพล่ามอะไร เจดีย์ผลึกใสก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่เงาขนาดใหญ่จะพลิ้วลงมาโอบล้อมทั้งสามคนไว้พร้อมกับร่างเวทสวรรค์…

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset