หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1513 สุขสงบ

ทวีปเทียนหลัว วังสวรรค์บรรพกาล

สายธารพลังงานหลิงลอยอวลทำให้เกิดการกระเซ็นและเอิบอาบด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์กลายเป็นหมอกกระจายออกไป บรรยากาศทั่วบริเวณทั้งสดชื่นและสะอาด

แท่นหินที่ตั้งอยู่สองฝั่งของสายธารมีร่างเงาอ่อนเยาว์จำนวนมากนั่งอยู่ด้านบนดูดซับคลื่นหลิงเข้าไปเพื่อชำระร่างกายพวกเขา…

มีลานประลองอยู่ไกลออกไปพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก

วังสวรรค์บรรพกาลไม่ได้เงียบสงบดังเดิม กลับมีความมีชีวิตชีวาไหลเวียน มากจนบรรยากาศเปรียบได้กับจุดสูงสุดเมื่อในอดีต

เพราะแม้วังสวรรค์บรรกาลจะมีชื่อเสียงมากในสมัยโบราณ แต่ทุกอย่างแบกรับโดยจักรพรรดิฟ้าเท่านั้น แม้ว่าเหล่าจอมพลจะเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงที่มีความสามารถ แต่ไม่รอให้พวกเขาได้พัฒนาจนมีศักยภาพได้เต็มที่ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติก็บุกเข้ามาก่อน…

ไกลออกไปมีร่างเงานอนเอกเขนกบนเนินเขาสูงขณะที่สายตากวาดมองผู้คนรอบๆ ทะเลสาบ

นี่ก็คือมู่เฉิน

เมื่อมองเหล่าเยาวชนรุ่นใหม่ที่กำลังฝึกฝน ดวงตาของมู่เฉินก็วาวแสงพึงพอใจ ตำหนักมู่ค่อยๆ ทรงพลังมากขึ้นในมือเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้จัดการโดยตรง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จที่น่าภาคภูมิ

เพราะเขาเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตำหนักมู่ที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้นจะเติบโตขึ้นเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังในมหาพันภพ

ขณะที่มู่เฉินมองฉากนี้อย่างเกียจคร้าน ร่างสะคราญโฉมก็ย่างกรายเข้ามาซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน

นางสวมชุดสีดำเดินด้ายทองเนื้อผ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ช่างเป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่ง รูปร่างมีโค้งเว้า ดวงหน้าบอบบางมีรอยยิ้มประดับ ขณะกวาดมองไปในสถานที่แห่งนี้

ชายหนุ่มทั้งหลายแอบมองไปที่ร่างงดงาม แต่เมื่อนางกวาดมองมา ใบหน้าของพวกเขาก็แดงซ่านไม่กล้าสบตากับนางโดยตรง

สำหรับพวกหญิงสาวมองไปที่จอมยุทธ์หญิงคนนี้ด้วยความปรารถนาว่าในอนาคตจะครอบครองความสง่างามและความงดงามเช่นนี้เหมือนกัน

ขณะที่ร่างนั้นเดินผ่านไป สายตาที่จ้องมองอยู่ก็ถูกดึงกลับด้วยความไม่เต็มใจ

มู่เฉินฉายรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อมองไปที่ร่างงดงามที่กำลังเดินมาหา นางหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา ดวงตากวาดมองรอบวังสวรรค์บรรพกาลพลางยิ้ม “ตำหนักมู่ของเจ้าดีทีเดียว”

มู่เฉินพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำเพื่อลูกๆ ของเรา”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาใบหน้าของลั่วหลีก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอายพลางถลึงตาใส่มู่เฉิน “จะ…เจ้าพูดไร้สาระอะไรเนี่ย! ใครจะมีลูกกับเจ้า!”

ลั่วหลีที่ปกติจะไว้สง่าก็หน้าแดงเถือกจากคำพูดของมู่เฉิน เรายังไม่ได้เข้าพิธีแต่เจ้านี่คิดจะข้ามไปอีกหลายขั้นแล้ว…

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำด้วยไฟปรารถนาในใจ ทันใดนั้นเขาก็โผเข้าหาโอบแขนรอบเอวบาง ล้มลงบนสนามหญ้าด้วยกัน

ตอนที่ล้มลงมามู่เฉินก็พลิกตัวลงก่อนโดยที่มีลั่วหลีแนบทับอยู่บนร่าง

การจู่โจมกะทันหันทำให้ลั่วหลีตกใจ นางผลักหน้าอกมู่เฉินดึงตัวออก ร่างกายส่วนบนแอ่นไปทางด้านหลังพร้อมกับขบปากจ้องมองไปที่มู่เฉิน

เมื่อสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มบนร่างกายตนเอง สายตามู่เฉินก็ลุกโชน เขามองไปที่ลั่วหลีด้วยความรักเต็มหัวใจ “เราพยายามกันหน่อยไหม?”

“พยายามอะไร?” ลั่วหลีคิดไม่ทันกับคำถาม

“ลูกๆ ไง!” มู่เฉินตอบแบบหน้าด้าน

เมื่อได้ยินคำพูดนั่นใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมกอดเขาก็แดงแก่ก่ำไปเลยทีเดียว

บึก!

จากนั้นศอกของลั่วหลีก็กระแทกเข้าที่ท้องของมู่เฉิน ทำเอาเขาต้องสูดลมหายใจเย็น ใบหน้าที่หล่อเหลาก็บิดเบี้ยว

“เจ้าคนพาล!” ใบหน้าของลั่วหลีแดงเป็นตับหมูขณะถลึงตาใส่มู่เฉิน

ตั้งแต่ยังเด็กนางก็คือจักรพรรดินีตระกูลลั่วเสิ่น ตอนนี้ก็ดำรงตำแหน่งธิดาเทพเผ่าไท่หลิง ทุกคนให้ความเคารพและไม่มีใครกล้าทำให้ขุ่นเคือง

ดังนั้นเมื่อเจอมู่เฉินจอมเจ้าเล่ห์ ลั่วหลีก็รู้สึกตะลึงงันไปหมด

ศอกที่ถ่องลงมา ทำให้ใบหน้ามู่เฉินบิดเบ้อย่างขมขื่นขณะโอดครวญ “ข้าจะพาลกับฮูหยินตัวเองไม่ได้เลยหรือ?”

ลั่วหลีกลอกตาบนหัวเราะเบาๆ “พูดเรื่องนี้หลังจากที่เจ้าตกลงเรื่องงานแต่งงานกับตระกูลลั่วเสิน”

มู่เฉินถูท้อง ใบหน้าบูดบึ้ง จากนั้นก็ทิ้งตัวนอนบนพื้นพลางจ้องมองไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาหมดหวัง

เมื่อเห็นท่าทางของเขา ลั่วหลีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มรู้สึกหน่วงเล็กน้อยในใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาแกล้งทำ

ดังนั้นนางจึงก้มศีรษะลงจูบมู่เฉิน

ความรู้สึกอบอุ่นกะทันหันทำให้มู่เฉินอึ้งไป ก่อนที่เขาจะเลียริมฝีปากด้วยความโลภพลางมองไปที่ริมฝีปากสีแดงชาดของลั่วหลี

แต่เผชิญกับแววตาของเขา ลั่วหลีก็ไม่สนใจ นางลุกขึ้นนั่งอย่างสง่างาม

เมื่อมองไปที่ร่างเพรียวบางรวมกับกลิ่นหอมเฉพาะตัว มู่เฉินก็ยิ้มขณะที่ไฟปรารถนาลดลง ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบ

เขาวางศีรษะลงบนตักนางนอนเหยียดตัวหลับตาลง “ข้ารอคอยช่วงเวลานี้นับตั้งแต่ที่เจ้าออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางแล้ว”

ร่างกายของลั่วหลีสั่นสะท้านขณะลดศีรษะลงมองใบหน้าอ่อนเยาว์ แม้ว่าในเวลานี้จะเต็มไปด้วยความเฉียบคม แต่ก็มีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดจากดวงตาที่ปิดลงของเขา

จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าจมูกเปรี้ยวขึ้น ตอนนี้มู่เฉินเป็นยอดยุทธ์ที่แท้จริงแห่งมหาพันภพพร้อมกับชื่อเสียงที่ขจรขจายไปทั่วหล้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้บรรลุสิ่งที่มีในวันนี้

นางยังจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นดูว่างเปล่าเพียงใดเมื่อลั่วเทียนเสินพานางกลับไป…

ในเวลานั้นเขาบอกนางว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นยอดยุทธ์และจะไม่มีใครพรากนางไปจากเขาได้…

เพียงแต่ว่าเส้นทางที่ก้าวเดินนั้นเต็มไปด้วยอันตราย

นางตกหลุมรักเด็กหนุ่มที่พบกันในสงครามเทพยุทธ์ รอยยิ้มมั่นใจของเขาส่งผลต่อนางเสมอ ทำให้นางกล้าพุ่งเข้าชนกับปัญหาใดๆ

ดังนั้นนางจึงกังวลเหลือเกินว่ามู่เฉินอาจสูญเสียรอยยิ้มที่นางรักในเส้นทางแห่งยอดยุทธ์และถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล

โชคดีที่สิ่งที่นางกังวลไม่ได้เกิดขึ้น

ลั่วหลียิ้มมือบางลูบไล้ใบหน้าของมู่เฉิน รอยยิ้มที่เผยออกมาทำให้ขอบฟ้าไร้สีสันไปเลยทีเดียว

“มู่เฉิน เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่โชคดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับข้าในชีวิตคืออะไร? ไม่ใช่การช่วยตระกูลลั่วเสิน ไม่ใช่การเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิง… แต่เป็นการพบเจ้าที่สงครามเทพยุทธ์”

สายลมพัดผ่านภูเขา เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวก็ดังกระทบหัวใจมู่เฉิน เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย

มู่เฉินลืมตาขึ้นมองไปที่คนรักก่อนที่จะมองไปที่ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ริมทะเลสาบพลางยิ้ม

มีสิ่งดีงามมากมายในชีวิตที่ควรค่าแก่การปกป้อง

แล้วเขาจะยอมให้ใครมาทำลายได้อย่างไร? แม้ว่าศัตรูของเขาจะเป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว…

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ จ้องมองไปที่ลั่วหลี “ลั่วหลี ถ้าเราผ่านสนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพได้ แต่งงานกับข้านะ”

ลั่วหลีมองไปที่รอยยิ้มของมู่เฉินที่นางรักก็กัดริมฝีปากพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ นางพยักหน้า ผมสีเงินเปล่งประกายภายใต้แสงตะวัน

“ข้ายินดี!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset