หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – 887 ศาสตร์คลื่นจิต

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 887 ศาสตร์คลื่นจิต

แสงพวยพุ่งในมิติสีแดงฉานไล่ความมืดมิดออกไป

ขณะที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นโบกมือเบาๆ บนบัลลังก์หินโบราณเพื่อระงับเจตจำนงอันน่ากลัวจากกองทหารหิน เมื่อได้เห็นฉากนี้แม้แต่มู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็ต้องตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เนื่องจากร่างนี้สามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทหารหินได้ แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยในตัวตนของเขาแล้ว

หลังจากจักรพรรดิเทียนเจิ้นแสดงตัวตนก็กวาดสายตามากประสบการณ์ออกไป ทิวทัศน์ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่เขารู้ว่าตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในมหาพันภพแล้วแน่

สายตาของจักรพรรดิเทียนเจิ้นหยุดที่กองทหารหินเบื้องล่าง ความเศร้าโศกฉายบนใบหน้า ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้เพื่อจะช่วยเขายับยั้งวิญญาณชั่วร้ายในร่าง พวกเขายอมเสียสละตนเองกลายเป็นรูปปั้นหิน ผนึกอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์

มู่เฉินและจินไถหลิวหลีมองหน้ากัน ไม่กล้ารบกวนจักรพรรดิเทียนเจิ้นซึ่งยังคงรำลึกถึงความหลังอันโศกเศร้า นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายเหลือเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเท่านั้น หากพวกเขาแสดงความไม่พอใจ ก็จะทำให้อีกฝ่ายสลายหายไปได้ ความพยายามที่พวกเขาทำมาตั้งแต่ต้นก็จะสูญเปล่าทั้งหมด

โชคดีที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นไม่ได้อยู่ในอาการนี้นานเกินไป ครู่หนึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มไปให้มู่เฉินและจินไถหลิวหลี “พวกเจ้าทั้งคู่ยังเยาว์วัย แต่สามารถมาถึงที่นี่และจัดการวิญญาณชั่วร้ายนั่นได้ นี่ทำให้ข้าค่อนข้างแปลกใจ”

“ข้าโชคดีได้รับป้ายหินที่ท่านทิ้งไว้ ดังนั้นจึงสามารถเปิดใช้งานค่ายกลศึกที่จัดตั้งไว้ได้ มิฉะนั้นด้วยขุมพลังของพวกเราจะต่อสู้กับวิญญาณชั่วร้ายได้อย่างไรเจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีแบมือยื่นป้ายหินแตกร้าวออกไป นี่คือเศษของป้ายหินที่นางระเบิดทิ้งไป

จักรพรรดิเทียนเจิ้นยกมือขึ้น เศษหินบนมือของจินไถหลิวหลีก็ลอยมาตกลงบนมือเขา เขาเหลือบมองวูบหนึ่งก่อนจะยิ้ม “ที่แท้คือตราประทับรบศึกที่ข้าทิ้งไว้นี่เอง แม่นางน้อยมีโชคชะตาต้องกันกับข้านัก”

พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของจินไถหลิวหลีก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ จากนั้นนางก็มองไปที่มู่เฉิน “ท่านผู้อาวุโส ถ้าเขาไม่ได้ช่วยต้านวิญญาณชั่วนั้นไว้ได้ ข้าก็อาจไม่สามารถปลุกท่านได้…”

เมื่อมู่เฉินได้ยินว่าจินไถหลิวหลียกความดีเรื่องนี้ให้เขาด้วย เขาก็อึ้งไปก่อนที่จะพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงความขอบคุณ หญิงสาวไม่ได้โลภและไม่ได้ยึดผลงานทั้งหมดให้ตัวเอง การกระทำของนางเพิ่มความรู้สึกดีต่อกันอีกหลายส่วน นิสัยของจินไถหลิวหลีดีกว่าเซียวเทียนมาก นางเป็นคนที่ควรค่าแก่การผูกมิตรไมตรีไว้

จักรพรรดิเทียนเจิ้นหัวเราะร่า พูดด้วยความหมายกินลึก “แม้ว่าข้าจะอยู่ในห้วงนิทรา แต่หลังจากฟื้นก็รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น หากเจ้าเอาความดีใส่ตัว บางทีข้าอาจจะคลางใจกับเจ้าก็ได้”

เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความชื่นชม เห็นได้ชัดว่าการกระทำโดยไม่เจตนาของจินไถหลิวหลีได้รับคะแนนพิศวาสเพิ่มอีกหลายส่วน

จินไถหลิวหลีและมู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากัน นางแอบเอามือแตะหน้าอก ท่าทางดีใจนั้นทำให้มู่เฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อลบภาพแม่ทัพเจ้าเล่ห์ของนางทิ้งไป นางก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุมากกว่าเขานิดเดียวเท่านั้นเอง

“ข้าเป็นคนตายอยู่แล้ว การที่พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้ก็หมายความว่าโชคชะตาเราต้องกัน แม้ว่าตามกฎการสืบทอดของจั้นเจิ้นซือสามารถส่งผ่านให้กับคนคนเดียวได้เท่านั้น แต่ในเมื่อข้ากำลังจะหายไป กฎเหล่านี้ก็ไม่ต้องใส่ใจแล้ว” จักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดช้าๆ

มู่เฉินและจินไถหลิวหลีเกิดความปีติในหัวใจ จากนั้นก็เหมือนตระหนักรู้ว่าทำไมข้อมูลเกี่ยวกับจั้นเจิ้นซือถึงได้หายากมากนัก นั่นเพราะพวกเขาส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้นเอง

“เจ้าสองคนมีพรสวรรค์เกี่ยวกับศาสตร์รัศมีจั้นยี่ ต้นกล้าน้อยที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นจั้นเจิ้นซือได้” เมื่อจักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดขึ้น ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาพยายามเข้ามาในซากอารยธรรมความตายก็เพื่อข้อมูลของจั้นเจิ้นซือไม่ใช่เหรอ?

“จั้นเจิ้นซือมีพื้นฐานมาจากหลิงเจิ้นซือ แต่ในความจริงทั้งสองศาสตร์อยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกัน หลิงเจิ้นซือควบคุมพลังงานฟ้าดิน ขณะที่จั้นเจิ้นซืออาศัยพลังของผู้คน…” เสียงที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ของจักรพรรดิเทียนเจิ้นกระจายออกไปทั่วมิติมืดมิด โดยมีมู่เฉินและจินไถหลิวหลีจดจำทุกถ้อยคำเอาไว้ พวกเขาไม่กล้าที่จะละเลยส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจั้นเจิ้นซือหายากแสนยาก

“แต่เงื่อนไขในการเป็นจั้นเจิ้นซือโหดมาก หากจอมยุทธ์สามัญมีกระแสจิตที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง ก็สามารถสั่งการรัศมีจั้นยี่ของกองทัพได้ แต่พวกเขาก็มีข้อจำกัดและยากที่จะสั่งการเกินจำนวนหมื่นคน”

มู่เฉินและจินไถหลิวหลีพยักหน้าเงียบๆ มีคนมากมายสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ อย่างผู้บัญชาการหรือแม่ทัพต่างๆ ก็สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ แต่ปริมาณรัศมีจั้นยี่ที่พวกเขาสามารถควบคุมได้มีจำกัดมาก นั่นเป็นเพราะเมื่อรัศมีจั้นยี่ถึงขีดจำกัด กระแสจิตของพวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมเพิ่มได้อีก ถ้าหากฝืนเข้า ก็อาจถูกกลืนกินเอาได้

“เหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ยากที่จะเดา ก็แค่รัศมีจั้นยี่อ่อนแอหรือแข็งแกร่งเท่านั้น”

จักรพรรดิเทียนเจิ้นกล่าวเสียงเบาว่า “มิหนำซ้ำคลื่นจิตก็แตกต่างจากคลื่นหลิง มันไร้แบบแผน ไม่มีรูปร่าง เป็นภาพลวงตาที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเชื่อมโยงได้ พูดโดยทั่วไปก็คือความแข็งแกร่งของคลื่นจิตเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด ทว่าแม้แต่คนที่คลื่นจิตทรงพลังตั้งแต่เกิด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถควบคุมกระแสจิตของนักรบเป็นล้านคนได้”

“ถ้าเช่นนั้นทำไมจั้นเจิ้นซือถึงสามารถควบคุมกองทัพนับล้านหรือแม้แต่สิบล้านคนได้เจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะถาม

จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มบาง “นั่นเป็นเพราะจั้นเจิ้นซือสามารถเพาะบ่มคลื่นจิตของพวกเขาได้ไง”

เพาะบ่มคลื่นจิต?!

ดวงตาของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีหดลงในเวลาเดียวกัน ประกายไม่อยากเชื่อเผยบนสีหน้าของพวกเขา สิ่งลึกลับและลวงตาเช่นนั้นจะเพาะบ่มได้ยังไง?!

ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน!

“ท่านผู้อาวุโส มี…วิธีจะเพาะบ่มคลื่นจิตได้ยังไงเจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คลื่นจิตเป็นภาพลวงตาและไม่มีรูปร่างที่จอมยุทธ์ธรรมดาไม่สามารถจับต้องได้ ไม่ต้องพูดถึงการเพาะบ่มเลย

“ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนฝึกฝนได้ แล้วทำไมแค่คลื่นจิตจะฝึกไม่ได้ล่ะ?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นถามคำถามแทนการตอบ

จินไถหลิวหลีและมู่เฉินมองหน้ากันอย่างจนคำพูด พวกเขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น จักรพรรดิเทียนเจิ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาเข้าใจศาสตร์นี้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกยากที่จะเชื่อเพียงใด พวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงในข้อนี้เท่านั้น

“สำหรับจั้นเจิ้นซือทุกคน วิธีการเพาะบ่มคลื่นจิตของพวกเขามีค่าอย่างยิ่ง ตั้งแต่โบราณกาลวิธีการเพาะบ่มคลื่นจิตนี้เป็นสิ่งที่หายากมาก ถ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดรุ่นต่อไป ก็ไม่ง่ายที่จะถ่ายทอดให้” จักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดต่อ

มู่เฉินพูดไม่ออก ที่แท้มรดกของจั้นเจิ้นซือถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากภัยพิบัติในยุคโบราณจำนวนจั้นเจิ้นซือจึงมีน้อยลงมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ตราบใดที่ปิดประตูเฝ้าเองก็จะเป็นเรื่องยากที่จะกระจายออกไป

“นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมจั้นเจิ้นซือจึงหายาก เพราะวิธีการฝึกคลื่นจิตอันตรายยิ่งกว่าสิ่งใด หากการฝึกฝนล้มเหลวคลื่นจิตของคนคนนั้นก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายและได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นหากไม่พบคนที่เหมาะสม พวกเขาก็จะไม่ถ่ายทอดวิธีการเพาะบ่มไปให้ ไม่งั้นใครจะรับไหวถ้าศิษย์ต้องตายหลังจากรับไป?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นถอนหายใจเบา คิดว่าคงรู้สึกข่มขื่นใจกับความยากลำบากในถ่ายทอดวิธีการของจั้นเจิ้นซือ

คลื่นจิตที่ราวกับภาพลวงตา แม้กระทั่งยอดยุทธ์หลายคนยังรู้สึกไม่คุ้นเคย ดังนั้นคลื่นจิตของพวกเขาส่วนใหญ่มักยังอยู่ในสถานะเริ่มต้น หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักและส่งผลให้สติวุ่นวาย ราคาที่ต้องจ่ายทำให้ผู้คนสะพรึงกลัวเลยทีเดียว

ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พวกเขารู้สึกอึ้งไปกับความอันตรายของศาสตร์คลื่นจิตนี้ ถ้านี่เป็นวิทยายุทธเทพก็แค่ผ่านไปถ้าล้มเหลว แต่สำหรับศาสตร์คลื่นจิตนี้ ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าล้มเหลวพวกเขาก็จะถูกลดทอนเป็นคนปัญญาอ่อน…

นี่เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนกล้าจะฝึกฝน

ทว่าขณะที่มู่เฉินรู้สึกหวาดกลัวในใจ ก็รู้สึกถึงความวิเศษเช่นกัน มหาพันภพเต็มไปด้วยความลึกลับนานัปการ แม้ว่าคลื่นหลิงจะเป็นพื้นฐาน แต่ก็มีศาสตร์พิเศษอื่นๆ ที่สามารถเปิดเส้นทางอื่นได้ หากใครสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดในเส้นทางเหล่านั้น พวกเขาก็จะไม่อ่อนแอกว่าจอมยุทธ์สุดยอดในเส้นทางของคลื่นหลิงเลย เพียงแค่การมุ่งเน้นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

“ข้าได้บอกพวกเจ้าถึงความเสี่ยงของศาสตร์คลื่นจิตแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะไปต่อหรือไม่?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

จินไถหลิวหลีกำหมัดแน่นพลางพยักหน้า ความสามารถของนางในด้านคลื่นหลิงไม่โดดเด่นเลย ดังนั้นแม้ว่านางจะฝึกฝนอย่างตรากตรำตลอดชีวิต ก็ยากสำหรับนางที่จะได้รับความสำเร็จใดๆ หากนางต้องการเป็นยอดยุทธ์ที่แท้จริงที่มีพลังพอในการปกป้องตระกูลของตัวเอง นางก็ต้องเดินบนเส้นทางของจั้นเจิ้นซือ

มู่เฉินเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล ภาระที่เขาแบกรับไม่ได้น้อยเช่นกัน ในอนาคตเขาไม่เพียงแต่จะต้องไปเยือนตระกูลลั่วเสิน มิหนำซ้ำยังต้องไปขั้วอำนาจลึกลับที่กักตัวมารดาเขาไว้ เขาต้องการพลังที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อไปเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านั้น ดังนั้นเขาต้องรับทุกวิธีเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น

“ช่างกล้าหาญ”

จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มเหมือนจะพอใจกับความกล้าหาญที่ทั้งสองแสดงให้เห็น จากนั้นก็พูดต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะทดสอบว่าพวกเจ้าเข้ากันได้กับศาสตร์คลื่นจิตของข้าหรือไม่”

เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ ลูกผลึกแสงห้าลูกพุ่งออกจากฝ่ามือ แต่ละลูกมีสีที่แตกต่างกัน ทว่าล้วนแต่มีประกายลึกลับเปล่งออกมา

สายตาของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีถูกดึงดูดเข้าหาลูกผลึกแสงแบบไม่กะพริบตา ถ้าเป็นในโลกภายนอกลูกผลึกแสงทั้งห้าคงมีมูลค่ามหาศาล จนไม่สามารถใช้ของเหลวจื้อจุนนับล้านหยดซื้อได้

“ในบรรดาลูกผลึกแสงทั้งห้านี้ มีเพียงลูกเดียวที่เป็นศาสตร์คลื่นจิตแบบสมบูรณ์ที่ข้าทิ้งไว้ สำหรับอีกสี่ลูกเป็นสิ่งที่ข้าได้รับมาโดยบังเอิญตอนยังมีชีวิตอยู่ เจ้าสองคนจะต้องเข้าหาพวกมันด้วยคลื่นจิตที่มี หากเข้ากันได้ลูกผลึกแสงก็จะเรืองแสงขึ้นมา…”

จักรพรรดิเทียนเจิ้นจ้องมองทั้งสองคนพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “แต่สุดท้ายพวกเจ้าจะได้อะไรไปก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตนเองแล้ว…”

**สำนวน ปิดประตูเฝ้าเองแปลว่าเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset