หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – 894 ป่นปี้

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 894 ป่นปี้

เมื่อสายตาเย็นชาของมู่เฉินจ้องไปที่ฟังยี่

สีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดลงหลายส่วน จากนั้นเขาก็สั่งการให้กองทัพหมาป่าเพลิง หมีเวหนและอื่นๆ ให้เข้ามาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทว่ากองทัพพวกนี้ไม่ได้ควบคุมโดยอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่ ดังนั้นแม้จะมีความสามารถในการต่อสู้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถสร้างวิญญาณสงครามได้ ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาจำกัดมาก

“หลิวหลีร่วมมือกับข้าจัดการมู่เฉิน มันสู้เราไม่ได้แน่!”

ทว่าฟังยี่ก็ตระหนักดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดมู่เฉินด้วยกองทัพที่ไม่สามารถสร้างวิญญาณสงครามได้ ดังนั้นเขาจึงรีบหันไปมองจินไถหลิวหลี ตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับมู่เฉินได้

เผชิญหน้ากับคำขอร้อง ใบหน้าของจินไถหลิวหลีก็ยังไร้สีเลือดขณะที่พูดเสียงระโหยว่า “ด้วยสภาพร่างกายข้าตอนนี้ ถ้าข้าบัญชากองทัพผลึกฟ้าเพื่อปะทะกับมู่เฉิน ข้ากลัวว่าผลลัพธ์คงไม่ต่างกับหน่วยรบสุดนภา”

“ตอนนี้เราต้องถอย ไม่งั้นจะต้องสูญเสียแน่นอน” จินไถหลิวหลีเอ่ยแนะนำ

“ไม่ได้!”

ฟังยี่ตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด พวกเขาพยายามอย่างมากในการบีบบังคับให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ตกอยู่ในสถานะน่าสมเพช อีกไม่กี่ก้าวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว หากเขาสามารถกำจัดผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ที่นี่ ก็เป็นข้อดีอย่างไม่ต้องสงสัย ฐานะของเขาในสำนักก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก

ดังนั้นกระทั่งคนที่ใจเย็นตลอดอย่างเขาก็ยังปฏิเสธคำแนะนำของจินไถหลิวหลีโดยไม่ลังเล

พอได้ยินคำพูดดังกล่าว จินไถหลิวหลีก็เงียบลง ทว่าแววเยาะเย้ยและเย็นชาพล่านในจุดลึกสุดของดวงตานาง

“งั้นก็ไม่ต้องหนีไปแล้ว”

ทันใดนั้นเสียงไม่แยแสของมู่เฉินก็สะท้อนทั่วขอบฟ้า ไอเย็นเยือกในดวงตาจับจ้องไปที่ฟังยี่ จากนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกระเพื่อมผ่านขอบฟ้า กลายเป็นคลื่นพลังยิ่งใหญ่ราวกับมังกร ยิงเข้าใส่ฟังยี่

ฟิ้ว!

จินไถหลิวหลีถอยออกไปโดยไม่ลังเลกับภาพเบื้องหน้า เวลาเดียวกันกองทัพผลึกฟ้าก็ถอยออกจากขอบเขตการรบภายใต้คำสั่งของนาง ดูท่าว่านางไม่คิดจะทำอะไรเลย

“สกัดไว้!” เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของฟังยี่ เขาแผดเสียงใส่กองทัพทั้งหลาย

เมื่อได้ยินเสียงนี้ กองทัพก็ปั่นป่วนไปหมด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะฐานะของฟังยี่ ดังนั้นแม่ทัพบางคนจึงสั่งการกองทัพให้ปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่ ก่อร่างเป็นม่านพลังแผ่ออกไปเป็นแนวป้องกัน

ตู้ม! ตู้ม!

พลังรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ไม่ลังเลพุ่งลงมากระแทกกับม่านพลัง ทันใดนั้นก็เกิดผลกระทบ มิติโดยรอบแผ่ซ่านเป็นลอนคลื่น ม่านแสงพังทลายลงทันที

ในสายตาของมู่เฉิน กองทัพที่ไม่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ไม่เป็นภัยคุกคามอะไรเลย ฟังยี่โง่มากที่คิดใช้กองทัพเหล่านั้นเพื่อสกัด

“ตึง!”

ลำแสงรัศมีจั้นยี่ปกคลุมลงมา ทันใดนั้นก็ปรากฏตรงหน้าฟังยี่ ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำขณะวาดตราประทับในมืออย่างรวดเร็ว คลื่นหลิงไร้ขอบเขตปะทุออกมาจากร่าง ร่างมหึมาปกคลุมรอบตัวเขาเอาไว้

นั่นก็คือ ร่างแสงดาวปฐมกาลที่เขาฝึกฝนมา

ตู้ม!

เมื่อลำแสงรัศมีจั้นยี่กระแทกลงอย่างโหดร้ายบนร่างดาวปฐมกาลก็เกิดเสียงดังลั่นแผ่ออกมา ร่างเทห์สวรรค์ที่ดูทรงพลังไม่สามารถคงอยู่ได้นาน ครู่เดียวก็สลายกลายเป็นละอองดาว

ขุมพลังของฟังยี่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้า ต่อให้เขาจะยกระดับพลังเพิ่มโดยร่างดาวปฐมกาล แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับระดับจื้อจุนขั้นหก ยามนี้ด้วยความช่วยเหลือของหน่วยรบทั้งห้าขุมพลังของมู่เฉินก็สามารถเทียบเคียงกับระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดแล้ว

ดังนั้นเห็นได้ว่าช่องว่างระหว่างมู่เฉินกับฟังยี่กว้างใหญ่เพียงใด

อ็อก!

ภายใต้ประกายแสงดวงดาวที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ร่างน่าสมเพชก็กระเด็นออกมา เลือดกระอักออกจากปากไม่หยุด คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรอบตัวเขาก็ได้รับผลกระทบในเวลานี้

อั้ก! อั้ก!

ขณะที่ร่างปลิวออกไปพร้อมกระอักเลือด ลำแสงรัศมีจั้นยี่ก็แผ่ออกไป จอมยุทธ์ที่อยู่ในกองทัพรอบๆ กระอักเลือดตามกัน ด้วยรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านมู่เฉิน

นี่เป็นเพียงการโจมตีกระบวนท่าเดียว ไม่เพียงแต่เอาชนะฟังยี่ กระทั่งกองทัพอื่นๆก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่มากก็น้อย

ร่างของฟังยี่ปลิวไปโดยที่ใบหน้าขาวซีดมาก นั่นเป็นเพราะเขาตระหนักได้ในที่สุดถึงช่องว่างระหว่างเขากับมู่เฉิน หลังจากมู่เฉินเข้าบัญชารัศมีจั้นยี่

หากพวกเขาปะทะกันตัวต่อตัวโดยใช้คลื่นหลิงอย่างเดียว เขาไม่กลัวมู่เฉินเลย แม้ว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์มากมาย แต่ก็ไม่ง่ายที่มู่เฉินจะกำจัดเขาได้ แต่เมื่อมู่เฉินเข้าบัญชารัศมีจั้นยี่ ก็อยู่คนละระดับเลยทีเดียว

มู่เฉินภายใต้สภาวะนี้ คงมีแต่เจ้าภูเขาเอ่อและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นหกถึงสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้

หลังจากตระหนักถึงช่องว่างกว้างใหญ่ ในที่สุดฟังยี่ก็หมดหวังและเข้าใจว่าครั้งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ความปรารถนาในการทำลายผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์สำเร็จได้

ไม่เพียงแต่เท่านั้น ตอนนี้กระทั่งหลุดพ้นจากสถานการณ์ยังเป็นเรื่องยากเลย

ไม่ว่ายังไงเขาต้องปกป้องตัวเองก่อน เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟังยี่ก็กัดฟัน ความเร็วในการถอยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนีออกจากขอบเขตการโจมตีของมู่เฉินอย่างรวดเร็ว

“เจ้านี่วิ่งหนีเร็วดี”

มองฟังยี่ที่เผ่นหนีไป มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย ขณะที่พูดด้วยท่าทางไม่เชิงยิ้ม “แต่ในเมื่อแกทิ้งกองทัพไว้ข้างหลัง ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”

ฟังยี่สามารถหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเหล่านักรบที่เขาเรียกมา ไม่สามารถหนีไปได้ ดังนั้นมู่เฉินจึงหันเหความสนใจไปที่พวกเขา

มู่เฉินไม่ได้ให้เวลากับกองทัพเหล่านี้ในการตอบโต้ เขาสะบัดมือลง รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็พล่านไปทั่ว ก่อร่างเป็นปราการขนาดใหญ่ห่อหุ้มกองทัพที่เหลือไว้ภายใน

เมื่อฟังยี่ที่หนีออกนอกบริเวณเห็นภาพนี้ ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดลงหลายส่วน

“เจ้าภูเขาเอ่อยังต้องการสู้อีกไหม?” มู่เฉินไม่สนใจฟังยี่ แต่หันเหความสนใจไปยังจอมยุทธ์ของหมู่ตึกเทวะที่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก

จอมยุทธ์จากหมู่ตึกเทวะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชตั้งแต่การโต้กลับของผู้บัญชาการเมื่อครู่ พอพวกเขาได้ยินเสียงของมู่เฉินก็เหลือบไปมอง ใบหน้าแต่ละคนเขียวคล้ำ พวกเขาไม่คิดว่าภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกองทัพชั้นยอดจะอยู่ภายใต้การกักขังของมู่เฉินทั้งหมด

“ฟังยี่ ไอ้โง่!”

จอมยุทธ์หมู่ตึกเทวะคำรามเดือดพล่านในใจ จากนั้นพวกเขาก็กัดฟันกรอด ถอยกลับอย่างน่าสมเพช ไม่กล้าที่จะแลกหมัดกับศัตรูอีกต่อไป

“เจ้าภูเขาเอ่อ ไม่ต้องไปกลัวคำขู่ของมู่เฉิน ข้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้ว เพียงแต่สกัดมันไว้อีกครู่ กำลังเสริมของเราก็จะมาถึง!” เมื่อเห็นคนอื่นๆ ไม่สนใจที่จะสู้กับผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ฟังยี่ก็รีบพูดออกมา

“หุบปาก!” เจ้าภูเขาเอ่อตะโกน เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกไม่หยุด เขาจ้องฟังยี่ด้วยไอแห่งลางร้าย นักรบคนอื่นๆ ก็มองเขาด้วยท่าทางกินเลือดกินเนื้อ นั่นเป็นเพราะกองทัพทั้งหมดของพวกเขาตกอยู่ในมือของมู่เฉิน เนื่องจากการกระทำที่งี่เง่าของฟังยี่

“ข้าแค่ต้องการเวลา!” ฟังยี่กัดฟันกรอด

“พี่ฟัง ข้าพูดไปแล้วว่าเราต้องถอยตามสถานการณ์ หากเจ้าต้องการนัดล้างตากับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เจ้าก็ควรเคลื่อนไหวพร้อมกับหลิ่วเหยียนและเซียวเทียน ด้วยวิธีนี้แม้ว่ามู่เฉินจะมีความสามารถ แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะเซียวเทียนได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นก็ไม่สามารถยึดครองกองทัพไว้ได้” จินไถหลิวหลีกล่าวอย่างเย็นชา

ฟังยี่พูดไม่ออกได้แต่ตัวแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะคำแนะนำของจินไถหลิวหลีเหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ในเวลานั้นเขาเสียสติ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจรายละเอียดมากนัก

“พวกข้าจะแจ้งต่อท่านประมุขเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน” เจ้าภูเขาคนอื่นๆ พูดด้วยสีหน้ามืดมน

“ทุกคนเนื่องจากเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญอันดับแรกคือการช่วยเหลือกองทัพของเรา” จินไถหลิวหลีเอ่ยเบาๆ

เหล่าเจ้าภูเขาพยักหน้า แต่จากนั้นก็พูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “แต่พวกเราไม่มีจอมยุทธ์เหนือชั้นกว่านี้แล้ว มู่เฉินจะปล่อยพวกเขาง่ายๆได้ยังไง…”

“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบ แต่ก็ต้องยอมจ่ายเพื่อจัดการเราทุกคน มิหนำซ้ำมู่เฉินยังเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมเสียอะไรไปง่ายๆ หรอก”

จินไถหลิวหลีพูดอย่างใจเย็น “ยิ่งกว่านั้นถ้าเขาต้องการเปิดศึกมรณะจริงๆ แม้ข้าบาดเจ็บหนัก แต่ถ้ายอมลองเสี่ยงรับผลกระทบสักตั้ง ข้าก็จะสู้ตายกับเขาพร้อมกับกองทัพผลึกฟ้า”

เมื่อเหล่าเจ้าภูเขาได้ยินคำพูดของจินไถหลิวหลี พวกเขาก็อึ้งไปสีหน้าแสดงออกซับซ้อน เกิดความกตัญญูรู้คุณในแววตาพวกเขา เพราะจินไถหลิวหลีเต็มใจที่จะเสี่ยงหาทางช่วยพรรคพวกของพวกเขา ดังนั้นจึงเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะเกิดความรู้สึกเชิงบวกกับนาง อย่างน้อยที่สุดในสายตาของพวกเขาตอนนี้จินไถหลิวหลีก็ดีกว่าฟังยี่มาก

“เราขอขอบคุณแม่ทัพใหญ่”

เมื่อฟังยี่เห็นเหล่าเจ้าภูเขาเต็มไปด้วยมารยาทกับจินไถหลิวหลี ใบหน้าของเขาก็กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทว่าสุดท้ายเขาก็ได้แต่ปิดปากสนิท นั่นเพราะเขารู้ว่าถ้าตนเองเปิดปากพูดอะไรออกไปสักคำ คนเหล่านี้จะไม่ไว้หน้าเขาอีกต่อไป

จินไถหลิวหลีส่ายหัวมือผลักรถเข็นออกไปเผชิญหน้ากับมู่เฉิน ริมฝีปากสีแดงชาดยกขึ้นนิดๆ ทำให้นางดูเหมือนนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

จากคำพูดและการแสดงชั้นยอดของนาง นางได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากจอมยุทธ์ชั้นสูงของหมู่ตึกเทวะ ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตสำหรับนาง

จินไถหลิวหลีกะพริบตามองมู่เฉิน ก่อนที่จะรีบปกปิด เสียงเย็นเปล่งออกมา

“มู่เฉินบอกมาว่าต้องการอะไรถึงจะยอมปล่อยกองทัพของเรา!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset