หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 172

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ครอบครัวของตาแก่หวังได้เดินทางไปอเมริกาก่อนแล้ว ในประเทศเขาก็ไม่มีอะไรน่าห่วง  หลังจากล็อคประตูเรียบร้อย เขาก็พร้อมไปทำโอนบ้านพร้อมกับเยี่ยเทียน

หน้าต่างมีหู  ประตูมีช่อง เพียงแค่ดูจากการพูดคุยของเยี่ยตงหลันกับเหล่าหวังเมื่อครู่นั้น  ผู้ที่อาศัยอยู่ในเรื่อนสี่ประสานทุกคนพอจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

เมื่อเยี่ยเทียนและเยี่ยตงหลันเดินผ่านลานหน้าบ้านออกไป คนเหล่านั้นก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนที่เคย  ต่างก็หรี่ตามองเยี่ยเทียนและเหล่าหวังโถวด้วยสายตาประสงค์ร้าย

“เจ้าแก่นั่นจะขายบ้านแล้วหรือ”

“ใช่ เมื่อกี้ฉันได้ยินมาว่าจะขายแล้ว ต้องใช่แน่ๆ”

“เราก็ยังไม่ได้ตกลงนะ เขากล้าขายบ้านได้ยังไง”

“เอาเถอะ  ถึงแม้ว่าเราอาศัยอยู่ที่นี่ แต่บัตรรับรองอะไรก็ไม่มี พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ”

เมื่อตาแก่หวังเพิ่งเดินออกไปจากเรือนสี่ประสานแห่งนี้พร้อมด้วยเยี่ยเทียนและเยี่ยตงหลัน คนอื่นๆเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับอนาคตที่อยู่ของตน ต่างหน้าเสียไปตามๆกัน

“คุณจาง  คุณสองคนมีความรู้เยอะ บอกหน่อยสิเรื่องนี้ต้องทำยังไงดีครับ”

คุณจางมีอายุประมาณสามสิบแปดหรือสามสิบเก้าปี  เคยเข้าคุกหลายปี เพราะคดีทะเลาะวิวาท เมื่อพ้นคุกยังไม่มีงานทำ จึงเริ่มทำการค้าขายเล็กๆกับภรรยาของเขา โดยไม่คาดคิดว่าตนจะร่ำรวยขึ้น

แต่สามีภรรยาคู่นี้มีนิสัยชอบเอาเปรียบและไม่รู้จักพอ  ทั้งสองพอมีรถขับและซื้อบ้านสองหลังเอาไว้ที่อื่น  แต่ก็ให้เช่าออกไปทั้งหมด ส่วนพวกเขาตนเองยังพักอยู่ที่บ้านชุดสี่ห้องนี้ไม่ยอมย้ายออก เป็นผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจคดที่สุดผู้หนึ่งในบ้านชุดสี่ห้องแห่งนี้

“ตาอู๋  คุณรีบร้อนอะไรหนักหนาครับ”

ได้ยินคำพูดของบุคคลในบ้านชุดสี่ห้องนี้  จางเม่าเบะปาก แล้วตอบว่า “ไม่ว่าบ้านนี้จะขายหรือไม่  พวกเราก็เป็นคนที่รัฐบาลสั่งให้มาอาศัยอยู่ที่นี่นะรัฐบาลไม่ให้เราบ้านใหม่  เราก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น  แม้ว่าคนนั้นจะมีความสัมพันธ์กับผู้อำนวยการเยี่ย ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้”

พ่อของจางเม่าเมื่อก่อนเป็นผู้นำของพรรคต่อต้านในเขตนี้  ทั้งๆที่ช่วงปลายทศวรรษที่เจ็ดสิบเขาตายไปแล้ว แต่ยังแย่งชิงพื้นที่หนึ่งในสามของเขตเรือนมอบไว้ให้ลูกชาย  ซึ่งมีขนาดเท่ากับสามห้องนอนใหญ่รวมกัน

บ้านชุดสี่ห้องหลังนี้มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่ดี  เข้าออกก็สะดวก พักอยู่ที่นี่ก็อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน  จางเมาไม่ยอมย้ายออกอย่างแน่นอน  เขายังคิดว่าจะหาเส้นสายในวงราชการช่วยทำหนังสือรับรองอสังหาริมทรัพย์กับตน

“ใช่ ๆ ไม่ว่าบ้านชุดสี่ห้องนี้เป็นของใคร  เราจะไม่ยอมย้ายบ้านเด็ดขาด”

“เสี่ยวจางพูดมีเหตุผล  นี่ต้องให้รัฐบาลจัดการนะ  จะให้เราไปนอนอยู่ข้างถนนไม่ได้หรอก”

คำพูดของจางเม่าเหมือนทำให้ทุกคนเกิดความคิดขึ้น หลายปีผ่านมานี้  พวกเขาทำเช่นนี้มาโดยตลอด  ที่ให้จางเมาก็ออกหน้าเพียงแค่อยากหาผู้เล่นกองหน้าให้เท่านั้นเอง

“เสี่ยวเยี่ย  คุณต้องคิดดีๆนะ คนกลุ่มนั้นเป็นคนเซ้าซี้ไม่ยอมความง่ายๆ…”

หลังจากเดินออกจากบ้านชุดสี่ห้อง ก็ได้ยินมีเสียงร้องเอะอะโวยวายดังขึ้นไล่หลังมา ตาแก่หวังเดาได้ทันทีว่าพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเตือนเยี่ยเทียนอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

ถึงแม้ว่าตาแก่หวังกับเยี่ยเทียนก็ไม่มีสัมพันธ์อะไร  แต่ว่าผู้อำนวยเยี่ยเป็นเพื่อนของเขาหลายสิบปีแล้ว  หากเกิดเรื่องใหญ่โตที่ควบคุมไม่อยู่ ภายหน้าเมื่อตนกลับจากอเมริกาอีกครั้ง ก็คงไม่มีหน้าไปพบเยี่ยตงหลันอีกแล้ว

เยี่ยเทียนหัวเราะ โบกมือกล่าวว่า  “ลุงเหล่าหวัง  ลุงไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับเรื่องนี้ผมคิดเรียบร้อยนานมาแล้ว เมื่อถึงเวลาผมไปตักเตือนโน้มน้าวพวกเขาอย่างดี พวกเขาน่าจะย้ายออกไปแน่”

“ย้ายออก?”

ดูท่าทางของเยี่ยเทียนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ  ตาแก่หวังส่ายหัวอย่างอดไม่ได้  หวังให้พวกเขาย้ายออกไปเอง คงต้องรอจนกว่าดอกไม้เหล็กจะผลิบานกระมัง

เห็นสายตาของตาแก่หวังแล้ว หญิงชราก็ยิ้มแห้งกล่าวว่า “ไปเถอะ พี่หวัง เสี่ยวเทียนมีความคิดเห็นของตนเองเสมอ เรื่องของเขาแม้แต่พ่อของเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้….”

“เอาเถอะ  ผมพูดทุกอย่างที่ควรพูดแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของคุณ”

ได้ยินผู้อำนวยเยี่ยพูดอย่างนี้  ตาแก่หวังไม่ปริปากพูดอะไรอีก  ดังนั้นถึงแม้คนบ้านเยี่ยไม่พอใจวันหลัง จะมากล่าวโทษตัวเองไม่ได้หรอก

ธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในยุคทศวรรษ1990  ยังไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนเมื่อก่อน หลังจากการลงนามในสัญญาที่สำนักงานเขตท้องที่ที่อยู่อาศัยแล้ว   เยี่ยเทียนได้เงินจ่ายสองแสนหยวนให้เหล่าหวังโถงเป็นเงินมัดจำ แล้วรอสำนักงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบโครงสร้างบ้านและเขียนแบบ  แล้วถึงจะทำการรับโอนได้

เยี่ยตงหลันและตาแก่หวังเคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน ในวันรุ่งขึ้นจะมีคนไปวัดที่ดินของบ้านชุดสี่ห้องหลังนั้นเรียบร้อยแล้ว เรื่องการซื้อขายบ้านก็ถือว่าเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายจึงกลับบ้านไปโดยไม่ได้คุยอะไรกันอีก

“เยี่ยเทียน เยี่ยเทียน ป้าใหญ่ อยู่ที่ไหนกันคะ”

เพิ่งกลับที่บ้านของตนเอง  อวี๋ชิงหย่าตรงรี่เข้ามาเหมือนผีเสื้อตัวหนึ่ง จับมือของเยี่ยเทียนไว้แน่น แต่ว่าเมื่อเห็นเยี่ยตงหลันที่อยู่ข้างๆ เธอก็เขินอายหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว

“เสี่ยวหย่า  เย็นนี้อยากกินอะไรจ้ะป้าใหญ่ไปทำให้นะ…”

เธอมองดูสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า เยี่ยตงหลันรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง หน้าตาสะสวยเอวเล็กสะโพกใหญ่ วันหลังจะได้สามารถคลอดลูกเยอะแยะให้บ้านเยี่ยแน่นอน

ถึงแม้ว่าป้าใหญ่ชอบวางแผนครอบครัวให้ผู้อื่นประจำเป็นงานอดิเรก แต่ถ้าเป็นครอบครัวตนเอง   การมีลูกหลานเต็มบ้านเป็นเรื่องดีเป็นธรรมดา

“ป้าใหญ่  อะไรก็ได้ค่ะ  ฉันมีธุระต้องคุยกับเยี่ยเทียนนะคะ…” ดูสายตาของคุณป้าท่านนี้  อวี๋ชิงหย่ารู้สึกหวาดเกรงโดยไม่มีเหตุผล  แล้วก็รีบลากเยี่ยเทียนไปที่ลานหลังเรือน

เห็นอวี๋ชิงหย่ามีท่าทางดีอกดีใจ  ที่จริงเยี่ยเทียนพอเดาออกบ้างแล้วแต่ก็ถามอย่างจงใจว่า  ทำไมตื่นเต้นอย่างนี้ถูกรางวัลใหญ่หรือยังไง

“นายลองทายดูสิ  ดีใจกว่าถูกรางวัลใหญ่เสียอีก” อวี๋ชิงหย่ากล่าวทั้งรอยยิ้ม

เยี่ยเทียนทำท่าหน้างุนงงไม่รู้เรื่อง แล้วกล่าวว่า  “งั้นก็คือถูกรางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่างั้นเหรอ?”

“นายบื้อ  รู้แต่ถูกรางวัล  ครั้งที่แล้วนายซื้อล็อตเตอรีมาตั้งเยอะไม่เห็นถูกสักใบเลยนี่…”

อวี๋ชิงหย่ารู้สึกหงุดหงิดกับคำตอบกวนประสาทของแฟนหนุ่ม หยิกเข้าที่เอวของเยี่ยเทียนอย่างแรง  แล้วก็กล่าวว่า  “เจ้าอ้วนฉีซวยแล้ว  ไม่เพียงแค่สูญเสียตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน ยังถูกไล่ออกจากราชการด้วย”

สำหรับอวี๋ชิงหย่า ชายที่เซ้าซี้ตนเองนานกว่าสองเดือน ในที่สุดเขาก็ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องที่น่าสะใจอย่างมาก ซึ่งเมื่อเลิกงานแล้วเธอก็รีบกลับบ้านเพื่อบอกข่าวดีให้เยี่ยเทียนรับรู้

“หืม?  เกิดอะไรขึ้น เธอเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ…”

วันนี้งานยุ่งทั้งวัน ซึ่งเยี่ยเทียนเกือบลืมเรื่องของเจ้าอ้วนฉีไปแล้ว  พอได้ยินอวี๋ชิงหย่าพูดถึงเรื่องนี้  ก็เกิดความสนใจ  เขาใช้ห้าผีนำโชคครั้งแรก จึงยังไม่รู้ประสิทธิภาพของมัน

“ฉันบอกให้นะ วันนี้เจ้าอ้วนฉีมาที่ช่องตั้งแต่เช้า แต่ถูกผู้อำนวยการช่องเรียกออกไป ฉันฟังจากพี่เสี่ยเหลียน…”

ถึงแม้ว่าอวี๋ชิงหย่าเป็นคนใจดี  แต่เป็นโชคร้ายของคนที่หาเรื่องเธอบ่อยๆอย่างเจ้าอ้วนฉีที่หาเรื่องใส่ตัวเอง เธอเล่าให้เยี่ยเทียนฟังอย่างมีชีวิตชีวา

ที่แท้ ฉีอี้ถูกตำรวจจับขังคุกทั้งคืน เขาได้ทราบเรื่องเมื่อวันก่อน แต่คิดว่าตนเป็นคนที่ทำงานหนักและมีผลงานในช่อง  จึงวางแผนว่า เมื่อกลับไปที่ช่องแล้ว เขาจะพูดปกแก้ต่างเพื่อเอาตัวรอดโดยเขียนใบสารภาพความผิดของตน

เพียงแต่ผู้อำนวยการฉีไม่คาดคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่นคลอนแผนกบริหารของสถานีโทรทัศน์แล้ว  มีผู้บริหารท่านหนึ่งในคณะกรรมการการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์พูดว่า  สำหรับแกะดำแบบบี้ ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง

เพราะฉะนั้น  ยังไม่ทันรอให้ใบสารภาพความผิดของผู้อำนวยฉีส่งขึ้นไป ตัวเขาก็ถูกผู้บริหารของช่องเรียกไป หลังจากการตวาดสั่งสอนรุนแรงอย่างพายุกระหน่ำ จากนั้นหนังสือเลิกจ้างก็ถูกโยนไว้ตรงหน้าฉีอี้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไกลเกินความคาดหมายของผู้อำนวยการฉี ประกอบกับเมื่อวานนี้เขาไม่ได้นอนทั้งคืน  จึงเป็นลมหมดสติในสำนักงานของผู้อำนวยการของช่อง  ทำให้คนทั้งออฟฟิศวุ่นวายไปหมดด

เมื่อมีการเคลื่อนไหวใหญ่โตอย่างนี้  ไม่ถึงสองชั่วโมง พนักงานในช่องรู้กันหมดแล้ว แถมท่าทางเด็ดขาดของผู้บริหารที่ฉีอี้ถูกไล่ออก แล้วค่อยแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานคนใหม่ภายหลัง

ผู้อำนวยการสำนักงานคนใหม่เป็นผู้หญิง  เริ่มผูกมิตรกับพนักงานอื่นทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง และทำรายงานของอวี๋ชิงหย่าและนักศึกษาฝึกงานคนอื่นๆออกมา  นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญหนึ่งที่ทำให้อวี๋ชิงหย่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เยี่ยเทียน ขอบใจเธอมาก…”

หลังจากเล่าเรื่องราวจบ อวี๋ชิงหย่าก็จับมือของเยี่ยเทียนอย่างแรง แนบร่างครึ่งหนึ่งเคียงเคล้ากันไป ถึงแม้ว่าเยี่ยเทียนไม่ได้พูดอะไรกับเธอ   แต่คนฉลาดอย่างอวี๋ชิงหย่า รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเยี่ยเทียน

“ขอบคุณอะไรฉันเล่า โบราณว่าไว้ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผมของกรรมจะสนองก็ต่อเมื่อถึงเวลานั่นเอง”

เยี่ยเทียนนึกถึงสีหน้าของหน้าอ้วนๆของผู้อำนวยการฉีอี้  แล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้  ถึงกล้ามีความคิดที่ไม่ซื่อต่อแฟนสาวของหมอดูฮวงจุ้ยคนนี้ ถือว่ามารนหาที่ตายเอาเอง

อีกอย่างด้วยฤทธิ์ของห้าผีนำโชคของเยี่ยเทียน หลังจากถูกไล่ออกจากราชการ เจ้าอ้วนฉีจะต้องป่วยหนักอย่างน้อยหนึ่งครั้ง  โชคลาภในสามหรือห้าปีนี้จะแย่มาก ๆ

แต่ว่าต่อให้เจ้าอ้วนฉีโชคร้ายไปอีกสิบเท่า  เยียเทียนจะไม่มีทางสงสารเขาแม้แต่นิดเดียว สวรรค์กว้างใหญ่ แต่มิรอผู้ใด เยี่ยเทียนไม่ได้ไปถึงบ้านเจ้าอ้วนฉีเพื่อวางฮวงจุ้ยพิฆาตให้กระทบลูกหลานของเขาก็นับว่าเป็นความเมตตาของเยี่ยเทียนแล้ว

…………-

ในกลางคืน หลังจากรอเยี่ยตงผิงกับหลิวเหวยอันและคนอื่นๆกลับ เยี่ยตงหลันพูดเรื่องเยี่ยเทียนซื้อบ้านออกมาบนโต๊ะทานข้าว แม้ว่าเยี่ยตงผิงรู้สึกไม่พอดีต่อความติดสินใจของลูก  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

เยี่ยตงผิงรู้อยู่แล้ว ลูกของเขาคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กวัยเดียวกัน  ตั้งแต่เด็กๆไม่ว่าจะทำอะไร  ก็ไม่เคยเสียเปรียบอะไร  คนอื่นเอาพวกเหล่าไล่ไม่ได้  แต่ก็ไม่แสดงว่าเยี่ยเทียนก็ไม่ได้

เหล่าหวังโถว เจ้าของเก่าของบ้านชุดสี่ห้องนี้ อาจจะเสียใจจริงๆต่อบ้านหลังนี้้ที่เขาอยู่อาศัยหลายสิบปี  เมื่อวันที่สาม ก็จัดการส่งสัมภาระบางส่วนของตนไปยังอเมริกา เขาเองก็ย้ายออกไป แล้วมอบุกุญแจให้เยี่ยเทียน

โดยมีเยี่ยตงหลันเป็นเพื่อน  เยี่ยเทียนมาที่บ้านชุดสี่ห้องอีกครั้ง เวลาที่เขาเลือกคือหนึ่งทุ่ม คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ประมาณอยู่ที่บ้านทั้งหมด

“เพื่อนบ้านทั้งหลาย  ผมชื่อเยี่ยเทียน  ลุงเหล่าหวังก็ขายบ้านนี้ให้ผมแล้ว ตั้งแต่นี้ไป ผมก็เป็นเจ้าของบ้านชุดสี่หลังนี้อย่างเป็นทางการ…”

การพูดเปิดฉากของเยี่ยเทียนทำให้หญิงชราเป็นห่วงเล็กน้อย ทำไมเด็กคนนี้พูดตรงไปตรงมาอย่างนั้นอะ

“เสี่ยวจี คำพูดของคุณ คืออยากให้พวกเราย้ายออกไปหรือไง”

จริงอย่างที่คาดคิด  คำพูดของเยี่ยเทียนเหล่านี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจ   จางโมที่ชอบเดินแถวหน้าก่อเรื่องทุกๆครั้ง  ก็เอ่ยปากสอบสวนขึ้นมา

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset