หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 297 ชาญ ทองทวน

ตอนที่ 297 ชาญ ทองทวน

“ตู้เฟย เขามาทำอะไรน่ะ?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็สะดุ้งเล็กน้อย โบกมือไปมา กล่าวว่า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ให้เขาไปรอฉันที่บ้านเก่าก็แล้วกัน!”

เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนหลังนี้เต็มไปด้วยพลังชี่ดั้งเดิม เขาไม่อยากให้คนรู้กันไปทั่ว กระทั่งถังเหวินหย่วน ก็ยังถูกตักเตือนหลายต่อหลายครั้ง ว่าไม่อนุญาตให้นำเหตุการณ์ในเรือนสี่ประสานเผยแพร่ออกไป

หลังกลับถึงห้องพุ่งตัวเข้าไปทำความสะอาดพอประมาณแล้ว เยี่ยเทียนก็เปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัว ถีงแม้พลังชี่แท้ในตัวจะยังไม่ฟื้นคืนมา แต่ก็รู้สึกกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาก

“เสวี่ยเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ?” พอมาถึงในเรือน เยี่ยเทียนก็พบถังเสวี่ยเสวี่ยกระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้าคุณปู่ อย่างร่าเริงเป็นที่สุด

พอเห็นเยี่ยเทียนออกมาแล้ว ถังเสวี่ยเสวี่ยก็คว้าแขนของเยี่ยเทียนไปกอด พูดขึ้นว่า “พี่เยี่ยเทียน ขอบคุณค่ะ!”

“แหม พี่เยี่ยเทียนของหนูลงแรงไปมากขนาดนั้น ได้แค่คำขอบคุณคำเดียวเองเหรอ?” เยี่ยเทียนดึงสีหน้านิ่ง ประหนึ่งว่าไม่พอใจ

“งั้น…ถ้ายังไง หนูหอมแก้มพี่หนึ่งครั้งแล้วกัน?” ถังเสวี่ยเสวี่ยพูดพลางจูบลงบนหน้าเยี่ยเทียน

“ไม่ต้องหรอก แค่ขอบคุณก็ดีมากแล้ว!”

เยี่ยเทียนเขินอาย รีบร้อนดันถังเสวี่ยเสวี่ยออกไป เด็กสาวคนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าหากถูกอวี๋ชิงหย่ารู้เข้า เขามีหวังซวยแน่

หลังจากที่ปล่อยแขนเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของถังเหสวี่ยเสวี่ยก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ กลับไปกระโดดโลด เต้นไล่ตามเจ้าเหมาโถวต่อ เธอเองก็รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในเรือนสี่ประสานหลังนี้อีกไม่นาน

“เหล่าถัง ทำไมคุณถึงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนั้นล่ะครับ?” เยี่ยเทียนหันหน้าไป พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เสวี่ยเสวี่ยโดนคุณตามใจจนเสียคนแล้ว”

“อะ…อะแฮ่ม…”

ถังเหวินหย่วนที่กำลังมองหลานสาวอย่างเอ็นดู ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนก็กระแอมไอออกมา “เจ้าหนู เธอกินดินปืนเข้าไปหรือไง? ทำไมถึงโมโหร้ายนักล่ะ?”

“เหลวไหลน่า ผมทะลวงชีพจรหยางให้หลานสาวคุณ ก้นยังไม่ทันได้สัมผัสถูกเก้าอี้ เจ้าตู้เฟยคนนั้นก็มาหาอีก ผมว่า……เขาคงมาหาคุณใช่หรือเปล่า?”

เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ดีกับคนตระกูลซ่งมาตลอด ด้วยความฝังใจหลายอย่างต่อตัวตู้เฟยผู้อยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน อีกทั้งเยี่ยเทียนเองก็ไม่รู้ว่าตู้เฟยมาหาตัวเองด้วยเหตุอะไร?

ถังเหวินหย่วนส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้มาหาฉันหรอก ฉันเพิ่งพบกับตู้เฟย เขามาหาเธอนั่นแหละ บอกว่ามีเรื่องเร่งด่วน อยากให้ฉันไปกับเธอด้วยไหมล่ะ?”

แม้ว่าโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของหลานสาวจะหายดีแล้ว แต่ถังเหวินหย่วนก็ยังไม่กล้าเสียมารยาทต่อเยี่ยเทียน เพราะว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเยี่ยเทียน ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขา ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจมีเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเทียน

ดังนั้นผู้เฒ่าถังที่เพิ่งไปพบตู้เฟย จึงออกจากเรือนสี่ประสาน และไม่กล้าทำตัวเป็นเจ้าบ้านเชิญตู้เฟยเข้ามาข้างใน

“เรื่องด่วนงั้นเหรอ?”

เยี่ยเทียนได้ยินก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันนึกถึงที่เขาเคยสั่งให้ตู้เฟยคอยจับตามองเรื่องตระกูลซ่งซึ่งอยู่โพ้นทะเล ในใจพลันกระจ่างชัดเจนขึ้นมาก

คิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนก็โบกมือไปทางถังเหวินหย่วน กล่าวว่า “เหล่าถัง คุณไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวโสมคนที่ว่านั่นมาส่ง คุณก็ให้เซี่ยวเทียนช่วยห่อเก็บ ผมจะไปดูทางนั้นหน่อย…”

ถังเหวินหย่วนแม้จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของตระกูลซ่งที่เกี่ยวกับตนเองบ้าง แต่เขาก็เป็นคนนอกมาตลอด เรื่องพวกนี้เยี่ยเทียนไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยว

“ป้าใหญ่ ท่านจะออกไปข้างนอกเหรอครับ?”

พอเท้าก้าวเข้าไปในบ้านเก่า เยี่ยเทียนก็เผชิญหน้าเข้ากับท่านป้าใหญ่ ครอบครัวเดียวกันไม่มีข้อจำกัดอะไร  คุณป้าที่ไปเรือนนั้นของเยี่ยเทียนบ่อยๆ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเคยมาก

“บ้านเหล่าหลี่ทะเลาะกันอีกแล้ว ป้าจะไปห้ามปราม อ้าว เสี่ยวเทียน ทำไมสีหน้าแย่อย่างนั้นล่ะ?”

เหลือบเห็นสีหน้าซีดขาวของเยี่ยเทียน คุณป้าก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะเป็นลูกโทนผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ของตระกูลเยี่ย ทุก ๆ เรื่องของเยี่ยเทียน ทั้งบ้านจึงเป็นห่วงเป็นใยกันที่สุด

“ไม่มีอะไรครับ ป้าใหญ่ ป้าไปเถอะ เย็นนี้ผมจะไปกินข้าวที่บ้านเก่านะ” เยี่ยเทียนหัวเราะแห้ง ๆ  สาวเท้าอย่างว่องไว เข้าไปภายในเรือนสี่ประสาน

พอตู้เฟยที่รออยู่ห้องปีกด้านหน้าเห็นเยี่ยเทียนเข้ามา ก็รีบร้อนลุกขึ้น ตะโกนให้ความเคารพ “คุณชาย!”

ครั้งที่แล้วหลังจากกินยาลูกกลอนของเยี่ยเทียนเข้าไป ตู้เฟยก็อาเจียนเลือดคั่งออกมากว่าครึ่งชาม แล้วต้องรักษาตัวต่ออีกกว่าครึ่งเดือน จึงจะรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ดังนั้นตู้เฟยจึงเชื่อมั่นอย่างสนิทใจ ในวิธีการรักษาของเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนโบกมือไปมา พูดว่า “เหล่าตู้ นั่งลงเถอะ!”

ตู้เฟยเองก็เป็นคนมีอายุหกสิบปีกว่าแล้ว เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าควรจะเรียกเขาอย่างไรดี จึงเรียกง่าย ๆ แบบถังเหวินหย่วน โดยเติมคำว่า “เหล่า” ไว้ข้างหน้านามสกุล

ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนไม่รู้จักสัมมาคารวะ ความจริงแล้วรุ่นของเขาสูงส่งเกินไป ในยุทธภพนั้นไม่ใส่ใจอายุมากน้อย หากไม่ต่อยตีกัน ก็ต้องนับรุ่น ขืนเยี่ยเทียนเรียกเป็นอย่างอื่นตู้เฟยเองก็รับไม่ได้เช่นกัน

พอนั่งลงแล้ว เยี่ยเทียนก็พูดขึ้น “บาดแผลหายดีแล้วใช่ไหม? ครั้งก่อนเป็นเพราะผมเองที่ลงมือหนักไปหน่อย ช่วงนี้เหล่าถังนำสมุนไพรมาให้ผมไม่น้อยเลย ไว้ผมทำยาลูกกลอนแล้วจะส่งไปให้”

เยี่ยเทียนติดตามนักพรตเต๋าท่องไปยังยุทธภพ เรียนรู้วิธีการครองตน เขาสามารถปั้นสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การเอาชนะใจคนนั้นมีมากมายหลายวิธี

เขาให้ตู้เฟยจับตามองตระกูลซ่งโพ้นทะเลไว้ ปัจจุบันตู้เฟยมาหาเขา คงเป็นเพราะโล่งใจกับเรื่องนี้แล้ว ตลอดมาเยี่ยเทียนไม่เคยใช้งานใครเปล่า บางทีอาจได้ผลประโยชน์ต่อตู้เฟย

“คุณชาย คราวก่อนผมเป็นฝ่ายผิดเอง ท่านสมควรสั่งสอนแล้ว!” คำพูดนี้ของเยี่ยเทียนทำให้ตู้เฟยรู้สึกซาบซึ้ง แทบอยากให้อาการบาดเจ็บที่ตนเองได้รับครั้งก่อนสาหัสยิ่งกว่านี้

เยี่ยเทียนโบกมือกล่าว “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยครับ เหล่าตู้ วันนี้มาหาผมด้วยเรื่องอะไรเหรอ?”

ตู้เฟยลังเลอยู่ภายในใจสักพัก แล้วเอ่ยปาก “คุณชาย ผมมีลูกศิษย์คนหนึ่งติดตามซ่งเสี่ยวหลง เมื่อวานนี้เขาบอกผมเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่า…บางทีเรื่องนี้อาจกระทบต่อคุณ…”

“เรื่องอะไรเหรอครับ?” เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว

“ลูกศิษย์ของผมคนนั้นก่อนหน้านี้ไปประเทศไทยกับซ่งเสี่ยวหลงครั้งหนึ่ง เพื่อไปพบหมอผีที่มีชื่อเสียงที่สุดในนั้น แต่ว่าพวกเขาปรึกษากันเรื่องอะไร ลูกศิษย์ของผมไม่ได้ยิน เพียงแต่แอบได้ยินคร่าว ๆ ว่ามีคนพูดถึงชื่อคุณ”

เดิมทีตู้เฟยก็เป็นลูกชายของผู้มีอำนาจในสำนักหงเหมิน เครือข่ายภายในสำนักหงเหมินโพ้นทะเลกว้างไกล ลูกศิษย์ลูกหายิ่งมากจนเหลือคณานับ ลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาที่รับมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนี้เป็นผู้คุ้มกัน ข้างกายซ่งเสี่ยวหลง

สำนักหงเหมินกับตระกูลซ่งมีธุรกิจที่ต้องติดต่อกันมากมาย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้กลมเกลียวเหมือนอย่างภาพลักษณ์ ก็เหมือนกับที่ตู้เฟยคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน นอกจากปกป้องเธอแล้ว ก็ไม่มีความหมายใดอื่นอีก

เยี่ยเทียนได้ยินแล้วในใจเย็นเยียบ เอ่ยถามออกมา “หมอผี? คนผู้นั้นชื่ออะไรเหรอครับ?”

เยี่ยเทียนเคยได้ยินอาจารย์พูดถึง ศาสตร์การเล่นของในเมืองไทย ซึ่งความจริงแล้วก็มีต้นกำเนิดมาจาก ไสยศาสตร์ในเมืองจีน

แต่ว่าผ่านการวิวัฒนาการไปเป็นร้อยพันปี ศาสตร์การเล่นของก็กลายเป็นสาขาหนึ่ง บางส่วนในนั้นได้บ่มเพาะ จนกลายเป็นหมอผีผู้แกร่งกล้า มีความเก่งกาจไม่แพ้นักพรตและหัวหน้านักบวชลามะในประเทศจีน

หลี่ซั่นหยวนเคยเตือนเยี่ยเทียนไว้ หากภายหลังไปยังสถานที่พวกนั้น ห้ามไปมีเรื่องขัดแย้ง กับหมอผีพวกนั้นโดยเด็ดขาด เพราะว่านอกจากหมอผีบางคนจะมีวิชาแก่กล้าแล้ว แนวทางการปฏิบัติของหมอผี ทั้งหลายยังออกจะพิสดารพันลึก นิสัยใจคอก็ไม่ค่อยจะดีนัก

“หมอผีคนนั้นชื่อว่าชาญ ทองทวน มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย พม่าและเวียดนามแถบนั้น อาจารย์ของเขาเคยเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คาถาผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่งสยามเมื่อในอดีต!”

ได้ยินข่าวจากลูกศิษย์แล้ว ตู้เฟยเองก็ตั้งใจไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอผีคนนั้น เพื่อที่เยี่ยเทียนถามขึ้น มาแล้วเขาจะได้ตอบได้

เยี่ยเทียนเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนายชาญ ทองทวนคนนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยปากถาม “คุณรู้ไหมว่าอาจารย์ของเขาชื่ออะไร?”

ตู้เฟยพยักหน้ากล่าว “รู้ครับ อาจารย์ของเขาเป็นปรมาจารย์ นายทักษิณ สวรรค์ศักสิทธิ์ ได้ยินว่ายังมีชีวิตอยู่ อายุกว่าเก้าสิบปีแล้ว!”

“นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้เป็นเขาเอง?” ได้ยินชื่อนี้แล้ว ใบหน้าเยี่ยเทียนก็เผยให้เห็นอารมณ์ตกตะลึง

ที่ประเทศไทยคนที่ชื่อทักษิณมีมากมายราวกับขนวัว ในจำนวนผู้ชายสิบคนอาจมีสักสี่ห้าคนมีชื่ออย่างวิชัย ทักษิณหรือว่าประสงค์

แต่ว่าคนที่สามารถมีคำต่อท้ายชื่อทักษิณว่าปรมาจารย์นั้น มีเพียงนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว คนผู้นี้เป็นมหาเศรษฐีในตำนานของประเทศไทย

ในฐานะประเทศหนึ่งเดียวในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ตกเป็นชาติอาณานิคมในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง  นอกจากเป็นเพราะตำแหน่งของประเทศไทยเป็นรัฐกันชนระหว่างอำนาจอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสสองประเทศแล้ว ตำนานกล่าวว่าปรมาจารย์ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธ์ ก็มีบทบาทสำคัญมากในเรื่องนี้

ไม่ว่าตำนานจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ในประเทศไทยนั้น เรื่องที่ว่ากระทั่งกษัตริย์เมื่อได้พบเขา ยังต้องให้ความเคารพ นบนอบนั้น เป็นเรื่องจริง

หลี่ซั่นหยวนเคยบอกกับเยี่ยเทียนว่า นายทักษิณแห่งประเทศไทยคนนี้ เป็นชาวต่างชาติผู้รู้วิชาคาถาอาคม ที่เคยพบเห็นเพียงคนเดียวเมื่อในอดีต แม้ว่าท่วงท่าแกว่งกระบี่กับคาถาอาคมจะแตกต่างจากของจีน แต่วรยุทธ์นั้นกลับคู่ควรแก่การนับถือ

ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าชาญ ทองทวนคือลูกศิษย์ของทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ตึงเครียดขึ้นมา สำนักวิชามากมายในยุทธภพ ไม่ได้มีเพียงสำนักเสื้อป่านที่สังหารคนได้!

เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไป ตู้เฟยจึงเอ่ยปากถาม “คุณชาย คุณรู้จักคนผู้นี้หรือ? ได้ยินว่าเขา มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศไทย”

“ผมรู้จักเขาครับ ท่านอาจารย์เคยพูดถึงเขา”

เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วกล่าวต่อ “ตู้เฟย เรื่องนี้ต้องขอขอบพระคุณ ให้ลูกศิษย์ของคุณระมัดระวังตัวด้วย ในตัวหมอผีนั้นย่อมต้องมีวิชาบางอย่าง”

เทียบกับศาสตร์ซึ่งดึงเอาพลังชีวิตฟ้าดินเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างซื่อตรงแล้ว การฝึกฝนวิชาพ่อหมดหมอผี ค่อนไปทางชั่วร้าย โดยเฉพาะหมอผีนอกลู่นอกทางบางคนที่เดินท่องไปในป่าช้า ใช้อวัยวะภายในของมนุษย์ และน้ำมันลนจากศพเพื่อบริกรรมคาถา

อีกทั้งผู้เป็นหมอผีจะเป็นพวกขี้ระแวงสงสัย มักใช้เวทมนตร์คาถากับคนข้างกาย เพื่อจับตามอง การกระทำของพวกเขา ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงตักเตือนตู้เฟย ให้ลูกศิษย์เขาถอยห่างออกมา

เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนเคร่งเครียด ตู้เฟยจึงกล่าว “รับทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปหาวิธีแจ้งให้เขารู้!”

“เอาเถอะครับ งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ เรื่องทางนั้นผมจะจัดการเอง คุณไม่ต้องยื่นมือเข้ามาจัดการหรอก”

เยี่ยเทียนพยักหน้า ถ้าหากชาญ ทองทวนได้รับคำเชิญจากซ่งเสี่ยวหลงจริง ก็จะเป็นการประลองฝีมือระหว่างสำนักวิชาลับ ถึงตู้เฟยเข้ามาคั่นกลางก็ไม่สามารถมีบทบาทใดๆ ได้แม้แต่น้อย

……

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset