หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 363 ศิษย์พี่ใหญ่ (3)

ตอนที่ 363 ศิษย์พี่ใหญ่ (3)

“การเจริญสติของศิษย์พี่ถึงระดับกลับสู่พื้นฐานจริงๆ! ”

เยี่ยเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าคำพูดที่ออกจากศิษย์พี่ของตนเองคนนี้ล้วนเป็นความจริงใจทั้งหมด การเจริญสติของเขา

แบบนั้นเกือบจะถึงจุดฟ้าดินและมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวแล้ว และไม่ถูกรบกวนโดยความวุ่นวายของโลกอีก

เดิมทีหลี่ซั่นหยวนถือว่าเป็นข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆในการเจริญสติของโก่วซินเจีย แต่ในเวลานี้ บนโลกนี้ไม่มีสิ่ง

ใดสามารถแตกหักหัวใจเต๋าของเขาได้อีกแล้ว ถ้าเอาไว้ในสมัยโบราณ จะเป็นตัวละครเทพยดาพื้นดินอย่างแน่นอน

ก็เหมือนกับนักพรตซานเฟิงในสมัยราชวงศ์หมิงตอนต้น ทำตัวบ้าระห่ำและถูกคนเรียกขานว่าเป็นนักพรตเต๋าที่สกปรก แต่กลับไม่มีคนรู้จัก นั่นเป็นเพียงการแสดงของการมองสรรพสิ่งทะลุปลอดโปร่งและหวนกลับคืนสู่ความจริงของนักพรตซานเฟิงเท่านั้น

“เอาเถอะ นายไปโทรศัพท์เถอะ ฉันเพิ่งขุดอึ่งเจ็งมาได้สองอัน เอาไปต้มโจ๊กให้นายหน่อย!”

การมองสรรพสิ่งทะลุปลอดโปร่งไม่ได้แสดงถึงการจะกลายเป็นสัตว์ที่เลือดเย็น ตรงกันข้าม คนเช่นนี้จะยิ่งไม่ปกปิด

ความรู้สึกความชอบของตนเองมากขึ้น เมื่อเห็นศิษย์น้องสำนักเดียวกัน ความดีใจของโก่วซินเจียนั้นยิ่งเกินคำบรรยาย

“ได้ครับ ผมโทรเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าศิษย์พี่ไม่พูด ผมเกือบลืมไปเลย” หลังจากได้ยินโก่วซินเจียเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยี่ยเทียนก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรศัพท์เลย จึงหัวเราะแฮะๆและรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของหลิวติงติง

จัวเจียจวิ้นกับเยี่ยเทียนเป็นคนธรรมชาติ ปกติไม่ค่อยชอบพกมือถือสักเท่าไหร่ คนฮ่องกงมากมายรู้ว่าถ้าต้องการหา

ปรมาจารย์จั่ว ก่อนอื่นต้องหาคุณหนูบ้านหลิวให้พบเสียก่อน

“ฮัลโหล ใครเหรอคะ?”

หลังจากโทรติดแล้ว เสียงของหลิวติงติงไม่ค่อยมีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ เนื่องจากการหายตัวไปของเยี่ยเทียน อารมณ์ของคุณตากลายเป็นกระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่แค่สองสามวันเท่านั้นหลิวติงติงโดนคุณตาต่อว่าไปแล้ว

หลายครั้ง

 “ฉันคือเยี่ยเทียน!”

เยี่ยเทียนเพิ่งจะเอ่ยนามของตนเองออกไป เสียงร้องแหลมจากสายก็ดังขึ้นมาอย่างไม่ทันป้องกัน จึงต้องรีบเอามือถือ

ห่างออกไป ปากก็ด่าทอว่า “เด็กผู้หญิงคนนี้ิ่ จะแต่งออกไปได้ไหมเนี่ย?”

ตามปกติแล้วถ้าหลิวติงติงได้ยินคำนี้ คงจะพูดกับเยี่ยเทียนยกใหญ่เลยทีเดียว แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอารมณ์แบบนั้น หยิบมือถือเอาไว้และพุ่งออกไปข้างนอก

                                                      ……-

 “น้องจั่ว เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรให้เยี่ยเทียนมาที่ไต้หวันเลย!”

ในห้องนั่งเล่นห้องสวีทของโรงแรมนี้ ถังเหวินหย่วนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับจัวเจียจวิ้น เขารู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ขัดใจต่อ

เพื่อนเก่าของเขาคนนี้จนเข้ากระดูกเลยทีเดียว

“ไม่ ปรมาจารย์จั่ว ถ้าจะโทษ ก็โทษเสี่ยวเสี่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะปรมาจารย์เยี่ยช่วยเสี่ยวเสี่ยวตามหาสามีก็คงไม่เจอ

เรื่องนี้แบบนี้หรอก!”

เยี่ยเทียนเกิดเรื่องแล้ว ในฐานะเจ้าของเรื่องอย่างกงเสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่ามีความรับผิดชอบสูง เธอเก็บเถ้ากระดูกของสามีเสร็จและไม่ได้นำกลับไปทำพิธีงานศพที่ฮ่องกง แต่ใช้กำลังแรงของเธอทั้งหมดค้นหาเยี่ยเทียนที่ไต้หวันมาโดยตลอด

 “เห้ ไม่โทษพวกคุณหรอก!”

จัวเจียจวิ้นรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยสะบัดมือไปมา เยี่ยเทียนเองเป็นคนของฉีเหมินอยู่แล้ว เขาไม่สามารถทำนายได้เลยว่าตอนนี้เยี่ยเทียนเป็นหรือตาย ปกติวิชาดูดวงที่ไม่เคยผิดพลาด แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลยสักนิด

หยิบแก้วน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มน้ำ จัวเจียจวิ้นคิดถึงเรื่องนึงขึ้นมา มองไปที่ถังเหวินหย่วนและถามว่า “ว่าแต่เหล่าถัง ผู้กำกับที่ชื่อจางจือซวนคนนั้นหาเจอหรือยัง?”

คำสุภาษิตเคยกล่าวไว้ว่าบนโลกนี้ไม่มีกำแพงสุญญากาศ ถึงแม้จางจือซวนจะเป็นคนรอบคอบ แต่หลวนเก้อหนาน เคยปล่อยข่าวว่าจะลอบฆ่าเยี่ยเทียนออกไป ถ้าไล่ตามเส้นทางเส้นนี้จะทำให้จางจือซวนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“หวาเซิ่งไปออสเตรเลียแล้ว เชื่อว่าพรุ่งนี้จะสามารถนำเขากลับไปฮ่องกงได้!”

ถังเหวินหย่วนได้ข่าวเรื่องที่จางจือซวนเป็นผู้ว่าจ้างนักฆ่าแล้ว โกรธมากถึงที่สุดจนหยุดไม่ได้ เขาจีงติดต่อองค์กร    หงเหมินต่างประเทศภายในคืนนั้นและให้คนไปควบคุมจางจือซวนเอาไว้ และให้หวาเซิ่งพาคนไปด้วยตนเอง

“โอเค ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีข่าวคราวของเยี่ยเทียนอีก ฉันจะกลับฮ่องกงก่อน!”

จัวเจียจวิ้นพยักหน้า พูดว่า “พวกคุณนั่งลงก่อน ฉันออกไปถามอาเหลียงก่อนว่ามีอะไรเพิ่มเติมไหม?” ความสัมพันธ์

ของจัวเจียจวิ้นกับเฉินเซี่ยวหลี่ไม่เลวทีเดียว ครั้งนี้สามารถใช้แก๊งป่าไผ่ได้ก็เพราะความสัมพันธ์นี้ด้วย

“คุณตา คุณตา!”

จัวเจียจวิ้นเพิ่งลุกขึ้น ประตูของห้องก็ถูกเปิดออก หลิวติงติงพุ่งเข้ามาเหมือนกับพายุเข้า แยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งเข้าใส่จั่วเจียจวิ้น

“ทำอะไร! บ๊องๆไม่มีสติเลย?”

ในใจของจัวเจียจวิ้นตอนนี้กำลังเบื่อหน่าย มองเห็นหลานสาวสภาพเช่นนี้ จึงใช้มือขวาทั้งจับทั้งเหวี่ยงหลิวติงติงลงบนโซฟา

หลิวติงติงลุกขึ้นอย่างน้อยใจเล็กน้อย หยิบมือถือและพูดว่า “คุณตา……โทรศัพท์จากคุณอา!”

“อะไรนะ?”

“โทรศัพท์จากเยี่ยเทียน?”

“ฮัลโหล เยี่ยเทียน? ใช่เยี่ยเทียนหรือเปล่า? ทำไมไม่พูดละ?!”

ถังเหวินหย่วนกับกงเสี่ยวเสี่ยวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาพร้อมๆกัน จัวเจียจวิ้นยิ่งกว่าแย่งโทรศัทพ์มาและทักคนที่อยู่ในสายไปหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา

“ไอ้เด็กบ้า กล้าหลอกตาเหรอ?!” ตาของจัวเจียจวิ้นจ้องเขม่นใส่หลิวติงติง

หลิวติงติงพูดตอบอย่างอ่อนน้อมว่า “คุณตา ถือโทรศัพท์กลับหัว”

“หืม?” จัวเจียจวิ้นหน้าแดงทันที รีบหมุนโทรศัพท์กลับมาและแนบไปใกล้หู

“ศิษย์พี่ โมโหใส่ติงติงขนาดนี้ทำไม?” เยี่ยเทียนได้ยินสิ่งที่จัวเจียจวิ้นพูดเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน

“เยี่ยเทียน นายไปอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่โทรศัพท์กลับมาเลย? ถ้านายยังไม่รับโทรศัทพ์อีก แม่ของนายก็คงจะมาที่

ไต้หวันแล้ว!”

ได้ยินน้ำเสียงที่เยาะเย้ยของเยี่ยเทียนแล้ว จัวเจียจวิ้นนำทุกเรื่องมารวมกันและโกรธมาก อายุของคนสามคนในห้องรวมๆกันแล้วมากกว่า 250 ปี ทุกคนล้วนเป็นห่วงเยี่ยเทียน แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับพูดจาตัดกำลังใจอย่างไม่มีหัวใจ

“แม่ผม?” เสียงของเยี่ยเทียนในสายสะอึกไปหนึ่งครั้ง และพูดต่อว่า “ศิษย์พี่ อย่าให้เขามานะ ผมไม่เป็นอะไรเลย!”

เยี่ยเทียนมีความต้องการความรักจากแม่ตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่อยากพบหน้าแม่ในเวลานี้ ส่วนสาเหตุเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะยังรู้สึกโกรธเกลียดแม่อยู่ข้างในลึกๆมั้ง?

“โอเค ฉันจะบอกเขานะ” จัวเจียจวิ้นตอบตกลงและถามต่อว่า “เยี่ยเทียน นายอยู่ที่ไหน? ฉันไปรับนายกลับมา!”

“พี่จะมารับผม?” เยี่ยเทียนได้ยินและอึ้งอีกครั้ง “ศิษย์พี่ พี่อยู่ที่ไต้หวันแล้ว?”

“พูดไรบ้าๆ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันมาได้ยังไง?”

จัวเจียจวิ้นไม่พูดดีดี ศิษย์น้องของตนเองนั้นไม่มีหัวจิตหัวใจเอาซะเลย ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่บอกกล่าวอะไร

และหลบซ่อนซะอย่างนั้น

จุดประสงค์ที่กลุ่มเทียนหลงไล่ฆ่าเยี่ยเทียนนั้นชัดเจนมากจนไม่มีความน่าสงสัยเลย และเจ้าของเรื่องอย่างเยี่ยเทียนกลับหายสาบสูญไป เท่ากับว่าเยี่ยเทียนนี่แหละเป็นคนต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องคนตาย 22 คน

ถึงจะเข้าใจว่าเยี่ยเทียนป้องกันตัวอย่างถูกต้อง แต่ผลของคนตาย 22 คน ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกบันทึกในรายการที่ต้องการของตำรวจสากลแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะจัวเจียจวิ้นและถังเหวินหย่วนเป็นต้น ช่วยกันทำเรื่องนี้ให้เงียบลงไป เกรงว่าฝั่งไต้หวันก็คงไม่ใช่การหา

ตัวเยี่ยเทียน แต่จะส่งกองกำลังตำรวจไปจับเยี่ยเทียนแทน

“เหอะ ดีเลย ศิษย์พี่มาได้พอดีมาก!”

สิ่งที่ทำให้จัวเจียจวิ้นคิดไม่ถึงก็คือ เยี่ยเทียนแสดงความดีใจและตะโกนออกมาจากสายในโทรศัพท์ ทั้งหัวเราะทั้งร้อง

ไห้พูดว่า “ศิษย์น้อง ครั้งนี้เกี่ยวข้องในวงกว้างมาก แม้แต่คนชั้นสูงในพื้นที่เองก็ถูกกระทบ พี่ว่า……นายช่วยจริงจังหน่อยได้

ไหม? ”

ถึงแม้จะมีฐานะเป็นศิษย์พี่ของเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนคือเจ้าของสำนักเสื้อป่าน จัวเจียจวิ้นก็ไม่กล้าใช้คำพูดที่รุนแรงมากกว่านี้ ทำได้เพียงกระตุ้นอย่างอ้อมๆกับเยี่ยเทียน

“ศิษย์พี่ ฉันหาศิษย์พี่ใหญ่เจอแล้ว พี่รีบมา ฉันอยู่ที่วัดเต๋าของเขาฝ่อกงซาน พี่มาเองนะ แล้วเราสองพี่น้องมาฉลองด้วยกันสักหน่อย”

เยี่ยเทียนไม่สนใจว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับใคร ในเวลานี้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น  ตอนแรกเขาคิด

ว่าจะต้องแจ้งให้ศิษย์พี่รองมาจากฮ่องกง แต่ใครจะรู้ว่าตัวเขาอยู่ที่ไต้หวันแล้ว

“”ศิษย์พี่ใหญ่? เยี่ย……เยี่ยเทียน นายพูดจริงเหรอ?”

จัวเจียจวิ้นถือโทรศัพท์ไว้และอึ้งจนพูดไม่ออก สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขามาที่ไต้หวันไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง ทุกๆครั้งเขาจะ

ให้ผู้คนไปค้นหาโก่วซินเจีย แต่ไม่เคยมีข่าวคราวเลยสักครั้ง ไม่คิดเลยว่าพบโดยเยี่ยเทียน?

“ศิษย์พี่ เอาอาหารและเหล้าชั้นเลิศมาด้วยนะ ที่ๆศิษย์พี่ใหญ่อยู่ที่นี่บ้านนอกหน่อย อืม พี่มาคนเดียวเหรอ!”

คำพูดของเยี่ยเทียนยังคงดำเนินต่ออยู่ในสายโทรศัพท์ และนี่ทำให้จัวเจียจวิ้นรู้ว่า ศิษย์น้องเล็กไม่ได้พูดมั่ว และหาศิษย์พี่ใหญ่ที่หายสาบสูญไปนานจนเจอแล้วจริงๆ

“โอเค ฉัน……ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

อารมณ์ที่ปั่นป่วนของจัวเจียจวิ้น หลังจากวางสายโทรศัพท์ไป เขาตอบคำถามของถังเหวินหย่วนกับกงเสี่ยวเสี่ยวเสร็จ เขาตรงไปที่ห้องครัวของโรงแรม และไม่ลืมที่นำอาหารและเหล้าชั้นเลิศตามที่เยี่ยเทียนได้สั่งไว้

จนถึงขึ้นรถไปแล้ว จัวเจียจวิ้นเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แจ้งข่าวให้แม่ของเยี่ยเทียนทราบ เขาจึงโทรศัพท์อีกครั้งไปที่

อเมริกา อธิบายเรื่องราวทั้งหมดเสร็จ ในที่สุดก็สามารถเกลี้ยกล่อมความคิดการเดินทางมาไต้หวันของซ่งเหวยหลันได้

                                           ……

“ศิษย์น้อง นายได้รับบาดแผลจากปืน พิษที่อยู่ในร่างกายเพิ่งจะทำความสำอาดเสร็จ เหล้าและเนื้อสัตว์อันนี้กินไม่ได้

นะ!” เยี่ยเทียนเพิ่งวางสายเสร็จ โก่วซินเจียก็เดินเข้ามา และได้ยินสิ่งที่เขาสั่งไว้กับจัวเจียจวิ้น

“ศิษย์พี่ใหญ่ ร่างกายของฉันแข็งแรงมาก ไม่เป็นไรหรอก”

เยี่ยเทียนยิ้มและตบโพรงไหล่ที่ได้รับบาดแผลของตนเองพูดว่า “ศิษย์พี่รองอยู่ไต้หวันพอดี ที่สำคัญอยู่แค่เกาสง เขากำลังจะมาที่นี่ ศิษย์พี่ใหญ่ ในที่สุดพวกเราสามพี่น้องก็ได้อยู่ร่วมกันแล้ว!”

อาจารย์ผู้เฒ่าหลี่ซั่นหยวนทิ้งความมหัศจรรย์ไว้มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็หายไปตามสายน้ำประวัติศาสตร์แล้ว ในโลกปัจจุบัน จำนวนคนที่รู้จักชื่อหลี่ซั่นหยวนไม่น่าเกินหนึ่งฝ่ามือแล้ว

แต่หลี่ซั่นหยวนมีชีวิตอยู่สามช่วงที่แตกต่างกัน และสืบทอดไว้ให้กับศิษย์ทั้งสาม คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่าเป็นอาจารย์วันเดียวนับถือเป็นพ่อไปตลอดชีวิต หลี่ซั่นหยวนไม่มีผู้สืบทอด ดังนั้นศิษย์ทั้งสามคนสำหรับเขาก็เป็นเหมือนกับการต่อชีวิตอีกแบบนึง

ตั้งแต่ 5 ขวบเยี่ยเทียนก็ได้ติดตามหลี่ซั่นหยวนฝึกฝนศิลปะ ความรู้สึกที่มีต่ออาจารย์ผู้เฒ่ามากกว่าพ่อและลูกเสียอีก

ก่อนเสีย หลี่ซั่นหยวนเคยสั่งไว้ว่าให้เขาตามหาศิษย์พี่ทั้งสองด้วย เยี่ยเทียนจึงจำเรื่องนี้ขึ้นใจ และในเวลานี้ความปรารถนาของเขาก็สำเร็จแล้ว ความดีใจของเยี่ยเทียนนั้นไม่อาจใช้คำพูดใดใดมาอธิบายได้เลย

“ศิษย์น้องรองก็อยู่ไต้หวัน? ดี ดี ดี!!!” โก่วซินเจียถึงแม้ว่าไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนกับเยี่ยเทียนขนาดนั้น แต่การพูดว่า ดี ติดกันสามตัวอักษรก็แสดงให้เห็นว่าภายในใจของเขาตอนนี้ไม่ได้สงบนิ่งเลย

อาจารย์ตายแล้ว ความรู้สึกของโก่วซินเจียจึงย้ายไปอยู่ที่เยี่ยเทียนกับจัวเจียจวิ้นโดยอัตโนมัติ สำหรับโก่วซินเจียแล้ว เยี่ยเทียนเขาสองคนคือญาติที่เหลืออยู่บนโลกนี้

………..

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset