หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 387 ทำร้ายตำรวจ

ตอนที่ 387 ทำร้ายตำรวจ

เยี่ยเทียนสะบัดไหล่ ผลักมือข้างนั้นของเขาออกไป พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “อย่าเล่นมือเล่นเท้านะ”

“เห้ ไอ้หนุ่ม เข้ามาถึงในนี้แล้วยังไม่นิ่งอีก? คันผิวหนังใช่ไหม?” คนที่อยู่ข้างๆ สารวัตรอู๋จ้องใส่เยี่ยเทียน และผลักไหล่

ของเยี่ยเทียนอีกครั้ง

“ฉันว่า ฉันมาช่วยตรวจสอบเท่านั้น ทำไมต้องพามาที่ห้องไต่สวนด้วย?”

ตั้งแต่ที่มาถึงสถานีตำรวจ เยี่ยเทียนไม่เอ่ยปากพูดสักคำ เพราะในใจของเขาเข้าใจดีว่า หวงซือจื้อกล้าหาคนมาจัดการเขา จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนในนี้แน่นอน

ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงรอ เขากำลังรอการมาถึงของหูจวินหรือไม่ก็ฝั่งของถังเหวินหย่วนจะเริ่มมีความเคลื่อนไหว แต่ตอนนี้เขาถูกพามาที่ห้องไต่สวน ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

ผิดที่เขาตีหวงซือจื้อ เยี่ยเทียนก็ยอมรับ แต่ตอนนั้นเพราะหวงซือจื้อลงมือก่อน สุภาษิตกล่าวไว้ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง มีสิทธิอะไรมาขังเขาไว้และสอบปากคำเขาคนเดียว?

แล้วอีกอย่าง ห้องสอบปากคำนี้แยกตำแหน่งจุดสอบปากคำโดยราวเหล็ก เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่สอบปากคำนักโทษคดีใหญ่ เขาแค่ชกต่อยเท่านั้นเอง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

“ปั่ง!”

สารวัตรอู๋ตบลงไปที่โต๊ะอย่างรุนแรง พูดเสียงดังว่า “จริงจังหน่อย ไม่ดูเลยหรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน? นั่งลงไป!”

สารวัตรอู๋ดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกๆ วันจะต้องพบเจอกับพวกเกเรตามถนน มีประสบกาณ์มากล้น หน้า

ที่ตึงขึ้นมานี้ แม้แต่นักเลงใหญ่ที่สุดในปักกิ่งถิ่นชาววังยังต้องกลัว

แต่เยี่ยเทียนไม่หลงกลของเขา ส่ายหัวไปมาพูดว่า “ผมจะพูดซ้ำอีกครั้งว่าผมช่วยตรวจสอบ ไม่ใช่มาถูกพวกคุณสอบปากคำ ผมขอเปลี่ยนสถานที่ครับ”

เยี่ยเทียนรูปร่างตัวใหญ่และสูง อีกสองคนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครผลักเขาไหว สารวัตรอู๋อึ้งไปสักครู่ ทำสีหน้าที่จริงจัง

“คนอื่นกำลังฟ้องว่าคุณทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส คุณอยู่ที่ห้องนี้ได้เท่านั้น ผมขอเตือนให้คุณตอบคำถามดีดีจะดีกว่านะ!”

ตามคำบอกเป็นนัยของผู้การเสิ่น  ให้เขา “ดูแล” เยี่ยเทียนดีดี หลังจากนั้นขังไว้สักสามวันห้าวันค่อยปล่อยเขาไป

แต่เห็นได้ชัดเลยว่า คนหนุ่มอย่างเยี่ยเทียนคนนี้ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่ และดูเหมือนว่าเขามีความคิดจะตอบโต้ด้วย สารวัตรอู๋ไม่อยากมีเรื่องในห้องไต่สวนนี้หรอก ดังนั้นเขาจึงหลอกให้เยี่ยเทียนนั่งลงที่เก้าอี้สอบปากคำตัวนั้น

“ผมว่านะ อยากประจบสอพลอคนอื่น ดูก่อนว่าตัวเองมีปัญญาหรือเปล่าดีกว่า?” เยี่ยเทียนหัวเราะแห้งๆ เดินไปและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น พูดว่า “รีบๆ ถาม ถามเสร็จผมจะกลับแล้ว!”

“หืม!”

เยี่ยเทียนนั่งลงเพียงครู่เดียวเท่านั้น คนสองคนที่อยู่ด้านหลังเขา นำที่ล็อกบนเก้าล็อกไว้ทันที ทำให้แขนทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนถูกล็อกไว้บนที่วางมือของเก้าอี้จนไม่สามารถขยับได้

“ยังคิดจะกลับไป?” ใบหน้าของสารวัตรอู๋แสดงรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา

“คุณเพลิดเพลินไปกับที่นี่ดีกว่า!” สารวัตรอู๋พูดและส่งสายตาให้กับลูกน้องสองคนนั้น ส่วนตัวเองกลับลุกขึ้นและเดินออกไป

บนโลกนี้ไม่มีใครเป็นคนโง่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานอาชีพแบบเขา ก่อนอื่นเลย ต้องป้องตัวเองให้ดีก่อน ดังนั้นสารวัตรเรียกผู้คุมมาสองคนมาตั้งแต่แรกแล้ว เรียกมาเพื่อดูแลเยี่ยเทียน

วันหลังถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็แค่โยนความผิดให้กับผู้คุม ส่วนตัวเองนั้นมากที่สุดก็แค่หน้าที่ของหัวหน้าที่ดูแลลูกน้องไม่ดีเท่านั้น

และผู้คุมที่เลี้ยงเอาไว้พวกนั้น มีไว้เพื่อมาจัดการเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ลูกน้องของหัวหน้าก็ต้องมีคนที่ทำงานสกปรกและเป็นแพะรับบาปหน่อยมั้ง?

“คุณหวงครับ เชิญนั่ง……”

หลังจากออกจากห้องไต่สวนแล้ว สารวัตรอู๋ไปเชิญหวงซือจื้อที่ห้องของผู้การมาที่ห้องควบคุม มองจากห้องนี้ไม่เพียงแต่ดูกล้องวงจรปิดในห้องไต่สวนได้ แม้แต่เสียงยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

เรื่องนี้หวงซือจื้อเป็นคนขอมา วันนี้เขาเสียเปรียบขนาดนี้ ถ้าหากไม่เห็นเยี่ยเทียนถูกทรมานละก็ ยังไงก็กลืนความโกรธนี้ไม่ลง

“พี่อู๋ เรื่องของวันนี้ต้องรบกวนพี่แล้วนะ ลุงเสิ่นบอกผมแล้วว่า ไว้ใจได้ ตำแหน่งรองผู้การไม่มีใครแย่งไปได้แน่นอน”

สามารถใช้ชีวิตไปวันๆที่ปักกิ่งถิ่นชาววังได้ หวงซือจื้อไม่ใช่คนซื่อบื่อ ถ้าอยากให้ใครทำงานให้ตนเองอย่างซื่อสัตย์ การไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นหวงซือจื้อมาถึงปุ๊ปก็ให้คำสัญญาเลยทันที

หลังจากได้ยินคำพูดของหวงซือจื้อแล้ว สารวัตรอู๋ดีใจเหลือเกิน จีงรีบตอบว่า “คุณหวงไว้ใจได้ครับ ลูกน้องสองคนของผมชำนาญเรื่องแบบนี้ที่สุดครับ”

ต้องรู้ว่ารองผู้การสำนักสืบสวนคดีอาญาโดยปกติแล้วจะขึ้นกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้การเสิ่นถึงแม้จะดู

แลเขา แต่เรื่องนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่เฒ่าแก่เบื้องหน้านี้มาถึงก็ให้คำสัญญาทันที น่าจะมีความสัมพันธ์กับผู้หลักผู้ใหญ่จริงๆ

……

“แม่งเอ้ย ที่แท้อยากจะให้ฉันเสียเปรียบสินะ?”

มองดูคนสองคนที่ใส่หมวกเอียงๆ แม้แต่ยศยังไม่มีติดไว้ที่ชุดตำรวจ เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายของหวงซือจื้อทันทีว่า นายเยี่ยเทียนเก่งเรื่องตีไม่ใช่เหรอ? งั้นก็หาตำรวจมาจัดการนายซะเลย ดูซิว่านายกล้าตีตำรวจไหม?

ผู้คุมคนหนึ่งเดินมาถึงข้างหน้าเยี่ยเทียน ยิ้มอย่างเยือกเย็นว่า “ไอ้หนุ่ม เก่งนักเหรอ แม้สารวัตรอู๋ยังกล้าขัด?”

การกระทำของเยี่ยเทียนเมื่อสักครู่ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ปกติพวกเกเรที่จับเข้ามาที่นี่ มีใครที่กล้า    เหิมเกริมแบบเยี่ยเทียนบ้าง?

เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองเขาไปหนึ่งครั้ง ตอบกลับไปอย่างจริงจังว่า “พวกคุณสองคน อยู่ห่างจากผมหน่อย วันนี้อารมณ์ไม่ดี อย่าให้ต้องระบายอารมณ์กับคุณในภายหลัง!”

พอกลับมาคิดอีกที เยี่ยเทียนรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในวันนี้มันแปลกๆ ตอนที่ไปเก็บของให้อวี๋ชิงหย่า ก็ชกต่อยกับคนญี่ปุ่น

หลังจากนั้นจะไปกินข้าว ก็เจอแมลงวันอย่างหวงซือจื้ออีก

ตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ถูกพามาสถานีตำรวจซะอย่างนั้น เยี่ยเทียนไม่เคยต้องเสียเปรียบเลย ในใจของเขามีไฟลูกหนึ่งกำลังลุกอยู่ตั้งนานแล้ว

 “โห่ ไอ้เด็กเปรต กร่างจริงๆ นะ?”

ผู้คุมที่ยืนอยู่ข้างหน้าเยี่ยเทียนคนนั้น หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น ฝ่ามือของเขาก็สะบัดออกไป เขาคิดว่าเวลานี้เยี่ยเทียนถูกล็อกไว้ที่เก้าอี้แบบนั้น ไม่สามารถตอบโต้ได้แน่นอน

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องบางอย่างไป สองมือของเยี่ยเทียนถูกล็อกไว้ แต่สองขาของเขาไม่ถูกล็อกด้วย? หลังจากที่เขาใช้ฝ่ามือออกมา ขาขวาของเยี่ยเทียนก็ยกขึ้นแล้วเตะออกไปที่หัวเข่าของเขาทันที

แรงขาที่เตะออกไปของเยี่ยเทียนครั้งนี้ไม่แรงมากนัก แต่เขาเตะไปที่เส้นเอ็นของผู้คุมคนนั้น ทำให้เขารู้สึกขาอ่อนลงทันที และล้มลงไปต่อหน้าเยี่ยเทียน ทำให้บริเวณหัวอยู่ตรงหัวเข่าของเยี่ยเทียนพอดี

“ปัง!”

เสียงที่อึมครึมดังเสร็จ ร่างของผู้คุมคนนั้นก็อ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น เลือดไหลออกจากจมูกทั้งสองข้าง และตัวของ

เขาก็สลบไปแล้ว

“แม่งเอ้ย กล้าต่อต้านกฎหมายเหรอ?!”

หลังจากมองเห็นภาพนี้แล้ว ผู้คุมอีกคนหนึ่งอึ้งไปเลยทีเดียว แต่ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว หยิบไม้กระบองจากเอวออกมา ฟาดใส่หัวและใส่หน้าของเยี่ยเทียน

ไม้กระบองยางอันนี้ยาวประมาณสองไม้บรรทัด บวกกับระยะห่างที่ผู้คุมคนนั้นยืนอยู่ ขาของเยี่ยเทียนยังไงก็เตะไม่ถึงเขาและนี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขายืนกรานจะให้เยี่ยเทียนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น

เพียงแต่ว่าเวลาต่อไปนี้จะเป็นการสูญเสียการควบคุม ในขณะเดียวกันก็เกินคาดของผู้คุมคนนี้มาก เพราะตอนที่ไม้กระบองยางฟาดลงไปที่หัวของเยี่ยเทียน มือเรียวขาวหนึ่งข้างก็จับไม้กระบองของตำรวจไว้

“คุณกล้าโต้ตอบ?”

หลังจากที่ตะโกนออกไป เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าแย่แล้ว สองมือของเยี่ยเทียนถูกล็อกเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ก้มหน้ามองดูที่เก้าอี้ เพิ่งพบว่าที่ล็อกนั้นถูกเยี่ยเทียนแกะออกแล้ว

“ได้ ไปอยู่กับเขาเลย”

มือขวาเยี่ยเทียนใช้แรงแย่งไม้กระบองตำรวจนั้นมาจนได้ และสร้างรอยทิ้งไว้ที่คอของผู้คุมคนนี้ ซึ่งไม่ทันแม้แต่

เปล่งเสียงร้องออกมา ร่างกายของเขาก็อ่อนโรยลงไปกับพื้นแล้ว

จัดการคนสองคนล้มลงไปเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน เหมือนจะยิ้มและเหมือนจะไม่ยิ้ม มองดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง พูดว่า “ฉันรู้ว่าพวกแกกำลังดูอยู่ หวงซือจื้อ อย่าทำตัวเหมือนเต่าหดหัว แน่จริงแกมาเองสิ?”

เยี่ยเทียนเดาไว้ไม่มีผิด หวงซือจื้อเห็นภาพเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเขากับสารวัตรอู๋ไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะใช้วิธีตอบโต้ที่รุนแรงขนาดนี้ คนสองคนล้มลงไปที่นั่นในเวลาเดียวกัน

“ทำร้ายตำรวจ เขา…….นี่เขาทำร้ายตำรวจ!” ในลำโพงส่งเสียงกวนๆ ของเยี่ยเทียนออกมา ทันใดนั้นหวงซือจื้อเองก็ตกใจ

ตั้งแต่เด็กหวงซือจื้อถูกตามใจจากคุณปู่ เดิมทีมีนิสัยเหมือนหมาบ้าอยู่แล้ว ยิ่งเห็นการต่อต้านของเยี่ยเทียนแล้ว ภายในใจของเขาก็เกิดความคิดอันหนึ่ง เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

เขาจึงใช้แรงดึงสารวัตรอู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “พี่อู๋ เขากำลังทำร้ายตำรวจ กล้องวงจรปิดบันทึกไว้หมดแล้ว จัดการเขา จัดการเขาเลย!”

“เอ่อ?”

หลังจากได้ยินคำพูดของหวงซือจื้อ สารวัตรอู๋ก็เกิดความลังเล จะให้ช่วยคุณชายท่านนี้สั่งสอนคนไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่ถ้ามีคนตาย งั้นเรื่องนี้ก็จะสูญเสียการควบคุมไป

และดูจากท่าทีการพูดจาของคนๆ นั้น ดูเหมือนว่าไม่ได้เอาเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่นมาใส่ใจเลย แสดงให้เห็นว่าคนๆ นี้มีความกล้ามาก ดังนั้นสารวัตรอู๋ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันออกคำสั่งยิงเยี่ยเทียนให้ตายแน่นอน

“ลองไปดูก่อนดีกว่า โทษทำร้ายตำรวจแค่นี้ ตัดสินจำคุกอย่างน้อยก็สองปี!”

สุดท้ายแล้วสารวัตรอู๋ไม่กล้าตอบตกลงตามที่หวงซือจื้อบอก  หลังออกจากห้องควบคุมและทักทายคนสองคนเสร็จ เขารีบวิ่งที่ห้องไต่สวนทันที ลูกน้องทั้งสองคนของเขาตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้

“แม่งเอ้ย วันนี้จะเล่นมึง ถ้าไม่ถึงตายก็จะเล่นจนพิการให้ได้!”

หวงซือจื้อเองก็ตามหลังสารวัตรอู๋ไป ความพิเรนของเขามีเยอะ คิดอยู่ว่าเดี๋ยวค่อยยั่วยุเยี่ยเทียนอีกที ขอแค่เยี่ยเทียนกล้าลงมือ สารวัตรอู๋ก็มีเหตุผลที่จะลงมือแน่นอน

“แก๊ง!”

ประตูของห้องไต่สวนถูกผลักออกจากด้านนอก สารวัตรอู๋กับตำรวจคนอื่นๆ เดินเข้าห้องอย่างยาวเหยียด กลับพบว่าเยี่ยเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบและเรียบร้อย กำลังมองดูพวกเขาอยู่

“ล็อกเขาเอาไว้!” สารวัตรอู๋ไม่พูดเยอะ ให้สัญญามือเสร็จ ตำรวจสามสี่คนก็พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียนทันที

เยี่ยเทียนกล้าตีผู้คุม สารวัตรอู๋ยังพอรับได้ แต่สามสี่คนที่พามานี้เป็นตำรวจแท้จริงทั้งนั้น ถ้าเยี่ยเทียนกล้าลงมือจริงๆ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายตำรวจก็จะเป็นจริง

แต่ในวันนี้ จะเป็นวันที่สารวัตรไม่อาจลืมไปทั้งชีวิตแน่นอน

เดิมทีเยี่ยเทียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จู่ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นมา หลังจากเสียงหมัดเสียงเท้า“เพียะพะเพียะพะ” ผ่านไป ลูกน้องของสารวัตรอู๋พวกนั้นที่พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียน ก็ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหมด

“แก……แก?”

ด้วยจิตใต้สำนึก สารวัตรอู่ควักปืนจากเอวออกมา เล็งไปที่เยี่ยเทียน ในเวลานั้นเขาก็รู้สึกดวงตาพล่า

มัว ปืนที่อยู่ในมือก็หายไปอย่างไร้วี่แวว

……

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset