หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 690 วานรขาว

“น่าแปลกใจตรงไหน ? ถ้าข้าไม่มีเจ้านาย ข้าจะฝึกวิชาได้ถึงระดับนี้ได้ยังไง ? ”

ผู้อาวุโสตอบเยี่ยเทียนอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ เหมาโถวที่อยู่บนต้นไม้ถูกเขาดึงลงมา และถูกจับเอาไว้ด้วยมือที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด

“เฟอร์เร็ตตัวนี้ติดตามเจ้ามา เจ้าเป็นของของมันใช่มั้ย ? ”

เขานำเหมาโถวมาไว้ด้านหน้าและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้สอนวิธีฝึกวิชาให้มัน เจ้าเฟอร์เร็ตตัวนี้จะก่อตัวเม็ดพลังและเริ่มฝึกวิชาได้ยังไง ? ”

“จี…จี….จี ! ”

เหมาโถวเห็นหน้าแท้จริงของคน ๆ นั้น มันเหมือนตกใจบางอย่างและเริ่มดิ้นรน แต่ดิ้นยังไงก็ไม่สามารถดิ้นให้หลุดจากมือของคน ๆ นั้นได้

“เม็ดพลัง ? เจ้าเฟอร์เร็ตมีเม็ดพลังจินตันอยู่ในร่างกายแล้วอย่างนั้นเหรอ ? ”

เยี่ยเทียนตกใจมาก ในตำราลัทธิเต๋ามักพูดถึงการบรรลุจินตัน แต่ว่า แม้แต่คนอย่างจางซานเฟิง ก็ยังไม่สามารถก่อตัวเม็ดพลังจินตันได้เลย ?

“ตัวนี้เนี่ยนะ มีเม็ดพลังจินตัน ? ”

คน ๆ นั้นหัวเราะใส่เยี่ยเทียนและพูดว่า “ระดับพลังของมันห่างจากระดับพลังจินตันอีกไกล เม็ดพลังจะมีเฉพาะในสัตว์พิเศษ มันไม่เหมือนกับเม็ดพลังจินตันที่พวกมนุษย์พูดถึง จนถึงวันนี้ มีคนที่ฝึกวิชาจนมีเม็ดพลังจินตันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“สัตว์พลังพิเศษ สัตว์ฝึกวิชาได้จริงเหรอเนี่ย ? ” เยี่ยเทียนตะลึงกับประโยคเมื่อครู่ โตจนปานนี้ ไม่เคยรู้สึกตกใจขนาดนี้มาก่อน

“มนุษย์ก็เป็นสัตว์ไม่ใช่เหรอ ? มนุษย์ฝึกได้ ทำไมสัตว์จะฝึกไม่ได้ ? ต้นไม้ใบหญ้าล้วนมีปราณ พวกเจ้ามักจะพูดว่าเซียนในดงดอกไม้ แม้แต่ดอกไม้ก็ฝึกวิชาได้เหมือนกัน”

คำพูดของเขาทำให้เยี่ยเทียนอึ้งไป ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งรอบตัวเป็นความจริง เขาคงคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในตำนานผีสางแล้ว

“แล้ว…แล้วเหมาโถวจะกลายเป็นคนมั้ยครับ ? ” พอเยี่ยเทียนพูดออกไป เหมาโถวที่ดิ้นอยู่ถึงกับนิ่งลงทันที

“เป็นไปได้ยังไง ? การฝึกวิชาคือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ตอนแรกเป็นยังไงก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น”

เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับคำถามของเยี่ยเทียน และตำหนิไปว่า “เจ้านี่มันรู้จริงมั้ยเนี่ย ? ผู้อาวุโสของเจ้า ไม่เคยสอนเจ้าเลยเหรอ ? ”

เยี่ยเทียนยิ้มอย่างหดหู่ “ลำดับอาวุโสของสำนักผมไม่สมบูรณ์ครับ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมฝึกถึงระดับนี้ได้ โดยไม่มีใครชี้แนะ ท่านผู้อาวุโสครับ ถ้าหากสัตว์ฝึกวิชาได้จริง งั้นจิ้งจอกในตำนานก็ฝึกจนกลายร่างเป็นคนก็ได้หรือครับ ? ”

“ไม่ต้องแปลกใจ”

คนนั้นก้มหัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มอธิบายอย่างใจเย็นว่า “การที่สัตว์ฝึกวิชา แม้มีโอกาสจะกลายร่างได้ แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ข้าไม่เคยเห็นหรอกนะ ส่วนเรื่องจิ้งจอกกลายเป็นคนก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เจ้าดูนิยายมากไปหรือเปล่า คิดว่ามันกลายเป็นคนได้จริงเหรอ ? ”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่สั่งสอนครับ”

หลังจากฟังเรื่องที่คนนี้พูดเสร็จ เยี่ยเทียนมีสติและเข้าใจบางอย่าง มังกรดำในฉางไป๋ซานเก่งกาจมากก็จริง แต่มันไม่สามารถขจัดเปลือกนอกออกไปได้

“ไม่เป็นไร ข้าไม่เจอคนฝึกวิชามาสิบกว่าปีแล้ว การที่พูดให้ฟังมากขนาดนี้ ถือว่าเป็นการคืนเนื้องูตุ๋นหม้อนั้นก็แล้วกัน”

เขาส่ายหัว พูดต่อว่า “ภายในสามวัน หิมะจะตก ปราณชีวิตแท้ของเจ้าไม่มีเลย เจ้าต้านทานไม่ไหวหรอก ข้าขอแนะนำว่าให้ออกจากป่าไปให้เร็วที่สุด ! ”

เยี่ยเทียนใจร้อนขึ้นทันทีที่ได้ยินเขาไล่ให้ออกจากป่า “ท่านผู้อาวุโส ผมเข้ามาในป่าก็เพื่อค้นหาวิธีเอาแก่นปราณกลับคืนมา รบกวนท่านผุ้อาวุโสช่วยกรุณาด้วยครับ ! ”

เยี่ยเทียนเดินทางเป็นพันลี้ ก็เพื่อหาวิธีฝึกการหลอมจิตสู่ความว่างเปล่า คนที่อยู่ตรงหน้ามีวิชาระดับนี้พอดี และอาจจะมีพลังสูงกว่าตัวเองด้วย เยี่ยเทียนจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไรกัน ?

“ให้ข้าช่วยเจ้างั้นเหรอ ? ”

เขาส่ายหัวกับสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดและตอบไปว่า “แม้วิชาของข้าจะเก่งกว่าเจ้า แต่ข้าฝึกวิชาของสัตว์พิเศษ มันไม่เหมือนกับมนุษย์อย่างพวกเจ้าหรอก ให้สอนเจ้าเฟอร์เร็ตก็ยังพอว่า ! ”

“สัตว์…พิเศษ กับ…มนุษย์อย่างพวกเรา นี่…ท่านเป็น ? ”

ที่จริงคนนี้เคยใช้คำว่า “พวกมนุษย์” แต่เยี่ยเทียนไม่ทันสังเกต ครั้งนี้เขาได้ยินอย่างชัดเจนและแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

“ข้าไม่ใช่มนุษย์ไง ก็พูดไปแล้วเมื่อครู่นี้”

คนนั้นหันตัวกลับมาอย่างไม่ปิดบังใดๆ และส่งเสียงออกมาว่า “เอาเถอะ แม้วิชาของเจ้าจะอ่อนมาก แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่ฝึกวิชา การที่ข้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าก็ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้านายหรอก ! ”

“เอ่อ…เอ่อ ? ! ”

ด้วยความสว่างของกองไฟ ทำให้เยี่ยเทียนมองเห็น “คน” คนนี้ได้อย่างชัดเจน เยี่ยเทียนรู้สึกกล้ามเนื้อเริ่มหดตัว ขนเริ่มลุก และอยากจะวิ่งหนีออกไป

แม้จะใส่เสื้อผ้าของมนุษย์ แต่ “คน” ตรงหน้ากลับมีใบหน้าเป็นวานร ตั้งแต่หัวจนถึงคอ มีขนสีขาวเต็มไปหมด คาดว่าบริเวณต่าง ๆ ที่ถูกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าก็คงจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

นี่มันใช่มนุษย์ที่ไหนกัน ? เป็นวานรชัด ๆ เยี่ยเทียนคาดเดาล้านสิ่ง ก็ไม่คิดว่าผุ้อาวุโสที่ตอบโต้สนทนากับเขาเมื่อครู่นี้ จะเป็นวานร !

สมองของเยี่ยเทียนถึงกับหยุดชะงัก ปากที่อ้าอยู่นั้นส่งเสียงออกมาเป็นเพียงเสียงที่ไร้ความหมาย ส่วนใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า มันแตกต่างจากสิ่งที่รู้มาโดยตลอด 20 ปี

“เป็นอะไร ? เมื่อครู่ก็บอกเจ้าไปแล้ว  มีอะไรน่าแปลกงั้นเหรอ ? ”

วานรตัวนั้นไม่พอใจท่าทีของเยี่ยเทียนมาก มันแยกเขี้ยว ยิงฟัน ใบหน้าที่เป็นริ้วรอยยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่

“ท่านผู้อา…วุโส ครับ ผมตกใจมากเกินไป ผมไม่ได้ดูหมิ่นท่านนะครับ ! ”

ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนจะไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว เขาเป็นคนฝึกวิชามาตั้งแต่เด็ก จึงรับเรื่องแบบนี้ได้ค่อนข้างเร็ว แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคงสลบไปตั้งนานแล้ว

“อืม ค่อยยังชั่วหน่อย สมกับเป็นผู้ฝึกวิชา เก่งกว่าพวกนายพรานป่าพวกนั้นมาก”

วานรพูดต่อด้วยความไม่พอใจว่า “เมื่อก่อนข้าเคยช่วยชีวิตคนในป่ามากมาย แต่คนพวกนั้นเห็นข้าเหมือนเห็นผี เจ้านายเลยสั่งข้าห้ามปรากฏตัวต่อหน้าคนธรรมดาอีก ”

มีคำ ๆ นึงผุดขึ้นในหัวของเยี่ยเทียนหลังจากได้ยินวานรพูดแบบนั้น เขาถามออกไปด้วยความกล้าหาญ “ท่านผู้อาวุโสครับ ท่านคือ “วานรขาว”  ในตำนานหรือเปล่าครับ ?  ”

ท่านวานรขาว ที่เยี่ยเทียนพูดถึง ก็คือ ซือถูสวนคง เป็นคนสมัยสงครามรณรัฐ เขาใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับฝูงวานรในภูเขาง่อไบ๊ วันแล้ววันเล่า เลียนแบบท่าทางของวานร จนคิดค้นชุดหมัดโจมตี “หมัดทงปี้ง่อไบ๊” ซึ่งมีผู้สืบทอดต่อมามากมาย

เนื่องจาก ซือถูสวนคง ชอบสวมใส่เสื้อผ้าสีขาว ทุกคนจึงเรียกเขาว่า “บรรพจารย์วานรขาว” บ้างก็ว่าซือถูสวนคง กลายร่างมาจากวานรเผือก หลังจากที่ได้พบกับวานรขาวตรงหน้า เยี่ยเทียนจึงเชื่อในตำนานนี้ทันที

“ท่านวานรขาว ? เป็นเจ้านายของข้า ”

วานรขาวหัวเราะ และพูดว่า “เจ้ารู้ไม่น้อยเลยนะ ข้าจะบอกให้ก็ได้ เจ้านายของข้าแซ่ซือถู ตลอดชีวิตของวานรขาวเรานับถือตระกูลซือถูเป็นเจ้านาย ! ”

“บรรพจารย์วานรขาว กับ ซือถูสวนคง คือคนสองคน ? ”

เยี่ยเทียนพึมพำ ผ่านไปครู่เดียว เหมือนเขาคิดได้บางอย่าง โค้งคำนับให้กับวานรขาว และพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส เห็นแก่ผมที่เป็นคนจริงใจ ขอให้ท่านช่วยแนะนำผมกับท่านอาวุโสซือถู เพื่อผมจะขอวิธีฝึกวิชาครับ !”

ในเมื่อวานรมีเจ้านายและเจ้านายเป็นมนุษย์ ทำให้เยี่ยเทียนเห็นความหวังอีกครั้ง วานรไม่รู้วิธีฝึกวิชาของมนุษย์ แต่เจ้านายของเขาน่าจะรู้วิธี

“เจ้านายออกจากที่นี่ไปตั้งแต่ 50 ปีก่อนแล้ว ข้าจะแนะนำได้ยังไงล่ะ ? ”

วานรขาวทำหน้าเศร้าและส่งเสียงว่า “เจ้านายเคยบอกว่าเวลาของเขาหมดแล้ว ตอนนี้คงดับขันธ์ไปแล้วล่ะ ตระกูลซือถูไม่มีลูกหลาน วานรขาวอย่างพวกเราจะปกป้องใครอีกล่ะ ?  ”

วานรขาวรู้สึกเศร้ามาจากข้างใน มันโยนเหมาโถวออกไปและร้องไห้ฟูมฟายตรงพื้น เสียงร้องไห้ดังก้องไปทั่ว แม้แต่เสียงหอนของฝูงจิ้งจอกยังสู้ไม่ไหว

“ผู้อาวุโส ยังไงคนก็ต้องตายสักวัน เสียใจด้วยนะครับ ! ”

เยี่ยเทียนไม่คิดเลยว่าวานรขาวจะมีความรู้สึกมากมายขนาดนี้ บอกร้องไห้ ก็ร้องออกมาจริง ๆ เขาเคยแสดงความเสียใจกับคนอื่น แต่ไม่เคยคิดว่าต้องพูดคำ ๆ นี้กับวานรขาวตัวนึง

“ใช่ เจ้านายก็เคยพูดแบบนั้น”

วานรขาวกระโดดขึ้นจากพื้นหลังจากเยี่ยเทียนพูดเสร็จ มันหมุนรอบเยี่ยเทียนอยู่หลายรอบและพูดว่า

“เจ้าเป็นคนดีนะ ข้าก็อยากจะสืบทอดวิชาให้เจ้า แต่ยาที่เจ้านายทำไว้ถูกข้ากินไปหมดแล้ว แต่ไม่อาจจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของจุดตันเถียนในตัวของเจ้าได้”

“กินไปหมดแล้ว ? ” เยี่ยเทียนทำตาโต และถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่เหลือไว้สักเม็ดเลยเหรอ ? ”

วานรขาวส่ายหัวและตอบว่า “ไม่เหลือเลย ตอนนั้นข้าอยู่ในช่วงข้ามขั้น ปราณวิเศษในป่าไม่เพียงพอ ก็เลยใช้ยาเป็นตัวช่วย”

“นี่ท่านทำลายสิ่งของตามอำเภอใจมากไปหรือเปล่า ? ”

เยี่ยเทียนโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะยาเม็ดเพียงเม็ดเดียวสามารถแก้ไขปัญหาจุดตันเถียนที่หายไปได้ เห็นได้ชัดแล้วว่าความยากมีมากแค่ไหน แต่ยาเม็ดดันไม่มีเหลือแม้แต่เม็ดเดียว วานรขาวไม่พูดออกมายังจะดีกว่าเสียอีก

“สัตว์พิเศษอย่างพวกเราสู้พวกมนุษย์ไม่ได้ตั้งแต่เกิด ถ้าไม่ใช้ยาเม็ด ข้าจะข้ามขั้นไม่ได้เลย”

วานรขาวแสดงท่าทางเบะปากซึ่งคล้ายกับมนุษย์มากออกมา และพูดว่า “ไม่มียาเม็ดกับวิธีฝึกวิชาแล้ว แต่จิตแท้ของเจ้าเพิ่งก่อตัวขึ้น ข้าสามารถสอนวิชาเซียนเล็กน้อยให้กับเจ้าได้ เช่น วิชาส่งเสียงทางจิต เจ้าน่าจะเรียนรู้ได้นะ”

“ส่งเสียงทางจิต ? ”

เยี่ยเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำพูดต่าง ๆ ของวานรขาว ล้วนดังขึ้นในจิตของเขา “ก็ได้ครับ ถ้าท่านผู้อาวุโสสะดวก ก็สอนผมได้เลยครับ”

ที่จริง ถ้าเทียบกับการฝึกวิชากำลังแล้ว เยี่ยเทียนไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่า ส่งเสียงทางจิตนี่หรอก เขาไม่ใช่สัตว์ ดังนั้นเมื่อมีปากก็พูดได้อยู่แล้ว วิชานี้ไร้ประโยชน์มากสำหรับเยี่ยเทียน

“เจ้าจำไว้ให้ดี แค่ทำแบบนี้…”

ส่งเสียงทางจิต ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือใช้การสั่นของปราณทำให้เกิดภาษา ทำงานโดยตรงในสมองของมนุษย์ เยี่ยเทียนเรียนรู้เพียงครู่เดียวก็รู้วิธีใช้แล้ว

“ท่านผู้อาวุโสครับ ท่านคล้ายกับมนุษย์ขนาดนี้ ยังไม่สามารถพูดออกมาได้เหรอครับ ? ” เยี่ยเทียนใช้การส่งเสียงทางจิตเข้าไปยังสมองของวานรขาว

“เมื่อ 50 ปีก่อน ฉันถูกหลอมกระดูกแล้ว ฉันก็พูดได้ แต่มันไม่สะดวกเท่าส่งเสียงทางจิตแบบนี้”

วานรขาวพยายามส่งเสียงออกมาจากลำคอ แต่เสียงที่ส่งออกมาค่อนข้างแปลก

…………………………………………

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset