หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 704 เกิดเรื่องแล้ว

ตอนที่ 704 เกิดเรื่องแล้ว
หูหงเต๋อไม่โกหกเยี่ยเทียน ในเมื่อเขาอยากตามหาหยกอ่อนสีดำมากขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องมีความลับที่เขายังไม่รู้ซ่อนไว้อยู่ จึงตั้งใจคิดทบทวนในความทรงจำดู

ไม่นานหูหงเต๋อส่ายหัวอีกรอบ “สถานที่ที่จะมีของแบบนั้นได้ จะต้องเป็นสถานที่หนาวจัด เขาฉางไป๋ซานอากาศเย็นตลอดทั้งปี คิดไม่ออกเลยว่านอกจากบึงน้ำมังกรดำนั้นแล้วยังมีสถานที่อื่นที่มีหยกแบบนี้อีกไหม?”

“ช่างเถอะ ไปที่บึงน้ำมังกรดำก่อนก็แล้วกัน ดูสิว่าจะได้อะไรกลับมาบ้าง?”

เยี่ยเทียนถอนหายใจ ตอนแรกตกลงผูกมิตรกับมังกรดำ มันถึงยอมมอบหยกอ่อนสีดำชิ้นเล็กเท่าหัวนิ้วก้อยให้ แค่นี้ก็รู้ว่ามังกรดำเห็นหยกอ่อนสีดำเป็นของล้ำค่า ไม่แน่ว่าจะมีมากชิ้น

หูหงเต๋อพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ฉันไปเตรียมตัวก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปที่สถานีป่าไม้ค้างสักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นเขา!”

หลังจากพักอยู่ที่ปักกิ่งกับฮ่องกงระยะหนึ่ง หูหงเต๋อยังไม่ได้กลับขึ้นไปอยู่บนเขา ดังนั้นรถม้าของเขายังคงทิ้งไว้ที่สถานีป่าไม้ หูเสี่ยวเซียนขับรถพาเขาทั้งสองไปส่ง

“ปู่หู ไม่ได้พบท่านมาระยะหนึ่งแล้ว!”

รถยนต์ขับไปถึงสถานีป่าไม้ หัวหน้าซ่งก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นผู้ที่ลงจากรถเป็นเยี่ยเทียนจึงตกใจ “แขกพิเศษนี่เอง เสี่ยวเยี่ยเป็นแขกพิเศษของเรา!”

“หัวหน้าซ่ง เกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้ต้องรบกวนคุณด้วยครับ!”

เยี่ยเทียนจับมือกับหัวหน้าซ่ง แล้วขนสัมภาระลงจากท้ายรถสองลัง “อากาศหนาวอย่างรุนแรง ผมเลยซื้อเหล้ามาเผื่อคุณด้วย!”

“โอ้โห มาอย่างเดียวก็พอ เกรงใจทำไม?” หัวหน้าซ่งยิ้มแก้มปริรับขวดเหล้าไป “ยังไงผมก็ชอบของแบบนี้ เมื่อวานเหล่าหลิวล่าหมูป่ามาตัวหนึ่ง คืนนี้เราก่อไฟกินเนื้อย่างกัน!”

“ดีสิ หนูอยากกินเนื้อแพะย่างด้วย!” หูเสี่ยวเซียนได้ยินเข้าร้องอย่างดีใจ เธอเติบโตขึ้นมากับป่าผืนนี้ คนที่อาศัยในสถานีป่าไม้แถวนี้เป็นเหมือนญาติของเธอทั้งนั้น

“ได้ เสี่ยวเซียนกินขาแพะ ฉันจะกลับไปฆ่าแพะมาตัวหนึ่ง!” หัวหน้าซ่งหัวเราะอย่างเปิดเผย แล้วเรียกพวกเยี่ยเทียนเข้าไปนั่งพักในบ้าน ส่วนตัวเองออกไปจัดการของกิน

ก่อนเดินเข้าบ้าน หูหงเต๋อแหงนหน้ามองฟ้าทีหนึ่ง เมื่อเข้าไปถึงในห้องแล้วปลดผ้าคลุมไหล่ส่งให้เยี่ยเทียนบอกว่า “เยี่ยเทียน พรุ่งนี้เธอใช้ผ้าคลุมหนังจิ้งจอกแดงผืนนี้ไป น่าจะมีหิมะตก!”

“ไม่น่าหรอก? นี่เพิ่งจะห้าโมงเย็น ฟ้ายังสว่างจ้าอยู่เลย หิมะจะตกได้อย่างไร?” เดือนธันวาคมของตงเป่ย บ่ายสี่โมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว แต่วันนี้ถือว่าอากาศดีไม่น้อย

“หิมะครั้งนี้ไม่เบาเลย พรุ่งนี้เธอก็รู้!”

หูหงเต๋อส่ายหัว มีแววของความกังวล เขารู้ว่าเยี่ยเทียนเพิ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมาไม่นาน พลังลมปราณในร่างกายแทบจะหมดสิ้น เกรงว่าจะทนกับสภาพอากาศหนาวเหน็บติดลบในหุบเขาไม่ไหว

การมาเยือนของหูหงเต๋อ หลานสาวและเยี่ยเทียนทำให้สถานีป่าไม้นี้คึกคักขึ้น ปาร์ตี้รอบกองไฟสนุกสนานกันถึงห้าทุ่มทุกคนจึงแยกย้าย หูหงเต๋อและเยี่ยเทียนดื่มไปไม่น้อย

“เหล่าหู คุณนี่ปากอีกาจริงๆ!”

วันรุ่งขึ้นเยี่ยเทียนดันประตูออกไปดึงม่านขึ้น ปุยหิมะเย็นเฉียบขนาดเท่าฝ่ามือเด็กลอยเข้ามาปะทะหน้าเยี่ยเทียน หิมะกำลังตกหนัก ทำให้เขามองไม่เห็นทางเบื้องหน้าในรัศมีสามเมตร

“ปีนี้หิมะมาช้าไปหน่อย อย่างน้อยน่าจะตกสักสามวันห้าวัน!”

หูหงเต๋อกำลังจุดบุหรี่สูบอยู่หน้าเตาผิง ประตูถูกเยี่ยเทียนดันเปิดออก ลมหนาวโถมพัดเข้ามาจนตัวสั่น หันมาบอกเยี่ยเทียนว่า “หยกนั่นถ้าไม่รีบ เรารออีกครึ่งเดือนค่อยขึ้นเขาเถอะ?”

ตัวเขาเองไม่ได้กลัวอะไร แต่กังวลว่าร่างกายของเยี่ยเทียนหากไปอยู่ท่ากลางหิมะหนาวเหน็บบนเขา เขาจะต้องดูแลเยี่ยเทียนอย่างยากลำบาก

“ไม่เป็นไร พวกเรารีบไปให้ถึงบึงน้ำมังกรดำดีกว่า”

เยี่ยเทียนส่ายหัว เมื่อได้ใช้หยกอ่อนสีดำฝึกวิชาแล้ว หากยังมีความเป็นไปได้ เยี่ยเทียนก็อยากจะตามหาหยกอ่อนสีดำเพิ่ม แค่มีหยกชิ้นเล็กนิดเดียวก็สามารถประหยัดเวลาการฝึกวิชาลงไปได้หลายปี

“ก็ได้ พอถึงบึงน้ำมังกรดำแล้วที่นั่นอากาศอุ่นกว่านี้มาก” หูหงเต๋อพยักหน้า รู้จักกันมานาน เขารู้ว่าเยี่ยเทียนเมื่อได้ตัดสินใจลงไปแล้วไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้

“ปู่หู เสี่ยวเยี่ย หิมะตกหนักขนาดนี้ วันนี้คุณทั้งสองอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”

ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หัวหน้าซ่งเดินถือหม้อซุปร้อนๆเปิดผ้าม่านเข้ามา “กินอะไรร้อนๆก่อน มื้อเที่ยงวันนี้เราจะต้มน้ำซุปกระดูกแพะ”

หูหงเต๋อเหลือบมองเยี่ยเทียนแล้วพูดว่า “เสี่ยวซ่ง ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราก็จะขึ้นเขากันแล้ว ในหุบเขายังวางกับดักไว้ด้วย!”

“ปู่หู หิมะตกหนักขนาดนี้ พวกคุณยังจะขึ้นเขาอีกหรือ?” หัวหน้าซ่งอึ้งไป

หูหงเต๋อยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร อยู่แค่แถวกระท่อมของฉันแถวนั้นเอง ฉันกลัวว่าหิมะจะกลบมันหมดเสีย ยังไงก็ต้องไปโกยหิมะออกบ้าง!”

“ครับ งั้นทั้งสองท่านระวังตัวด้วย”

หัวหน้าซ่งพยักหน้าไม่ได้ห้ามปรามต่อ ในรอบรัศมีร้อยกิโลเมตรรอบเขาฉางไป๋ซาน มีใครไม่รู้จักชื่อตาเฒ่าหูบ้าง สำหรับหูหงเต๋อแล้ว เขาคุ้นเคยกับที่นี่ราวกับสวนหลังบ้านของตัวเองทีเดียว

รับประทานข้าวต้มร้อนๆไปสองถ้วยแล้วหูหงเต๋อกับเยี่ยเทียนก็ออกเดินทางไปท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมหนา นี่เพิ่งตกไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ความหนาของหิมะก็สูงเท่าหัวเข่าแล้ว

โดยเฉพาะตอนเดินขึ้นเขา ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งถูกลมพัดถอยหลังมาสองก้าว แม้จะห่อหุ้มร่างกายอย่างแน่นหนาแค่ไหนยังรู้สึกได้ว่าลมหนาวพัดผ่านผิวหนังเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก

ครั้งที่แล้วที่เยี่ยเทียนมา ทั้งสองใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินมาถึงกระท่อมไม้ของหูหงเต๋อแล้ว แต่ครั้งนี้ใช้เวลามากถึงชั่วโมงกว่าจึงจะมาถึง

“เยี่ยเทียน ไม่เป็นไรใช่ไหม? ไหวหรือเปล่า?” เข้าไปในกระท่อมแล้ว หูหงเต๋อรีบก่อเตาไฟในบ้าน นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ถ้าเดินลึกเข้าไปในป่าทึบ ยิ่งเดินยากกว่านี้หลายเท่า

“ไม่มีปัญหา เหล่าหู คุณดูถูกกำลังผมเกินไปนะ?”

เยี่ยเทียนส่ายหัว ถอดหมวกออก ควันขาวพ่นออกมาจากปากตามจังหวะการพูด มองผ่านๆเหมือนมีไอร้อนพ่นออกมาจากหัว

ตลอดทางเยี่ยเทียนใช้พลังจิตดั้งเดิมปิดกั้นรูขุมขนเอาไว้ ทำให้พลังงานความร้อนในร่างกายไหลออกไป ดังนั้นถึงไม่มีพลังเดิมแท้ปกป้องร่างกายก็ยังทนได้อยู่

แต่วิธีการนี้มันทำลายจิตดั้งเดิมอย่างรุนแรง เยี่ยเทียนคิดว่าอย่างมากอดทนทั้งวันก็จะได้พักผ่อนแล้ว โชคดีที่พลังปราณวิเศษในหุบเขาเข้มข้น ไม่ต้องกลัวว่าพลังจะไม่ฟื้นฟู

พักผ่อนอยู่ในกระท่อมไม้สองชั่วโมงกว่า แล้วทั้งคู่ก็มุ่งหน้าสู่เขาฉางไป๋ซาน ทางเดินขึ้นเขาเปิดรอยยาวเป็นเส้นจากรอยเท้าของคนทั้งสองได้เพียงชั่วครู่ก็ถูกหิมะหนาปิดกลบซ้ำอีก

เข้าถึงป่าลึกแล้ว ลมกรรโชกสงบลงมาก ทำให้ทั้งสองเดินทางต่อได้ง่ายขึ้น ตอนเย็นมาถึงบริเวณที่คราวก่อนมาเก็บหญ้าคืนวิญญาณ

หูหงเต๋อรู้จักสถานที่บริเวณนี้เป็นอย่างดี เขาพาเยี่ยเทียนมาถึงถ้ำตรงเนินเขา ที่นี่มีท่อนฟืนเก็บไว้อยู่ ตกดึกใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่นขับไล่ความหนาวได้

เมื่อไม่มีพลังปราณชีวิตแท้ปกป้องร่างกาย ผ่านมาครึ่งค่อนวันเยี่ยเทียนสิ้นเปลืองพลังงานไปมาก หลังจากกินอาหารเล็กน้อยเขานั่งลงทำสมาธิโคจรลมปราณฝึกวิชาต่อทันที

จิตดั้งเดิมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียนในตอนนี้รูปร่างเว้าแหว่งหลุดลุ่ย แต่เมื่อเขาเดินลมปราณแล้ว จิตดั้งเดิมเหมือนเกิดหลุมลึกอยู่ตรงกลางดูดกลืนพลังฟ้าดินจากธรรมชาติเข้าไปเป็นระลอก

“ใช้พลังงานไปจนหมด ผลจากการฝึกจิตดั้งเดิมกลับทำให้ดีขึ้นมาก?”

เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนลืมตาตื่นจากสมาธิ พลังงานในร่างกายฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ทั้งจิตดั้งเดิมของเขาหนักแน่นมั่นคงขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน

หูหงเต๋อตื่นตาตื่นใจกับผลของการฝึกวิชาของเยี่ยเทียน เมื่อวานตอนเริ่มนั่งสมาธิเยี่ยเทียนเหนื่อยจนลิ้นห้อย วันนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

หิมะตกเบาลงแล้ว ทั้งสองรีบออกเดินทางให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเยี่ยเทียนที่รู้สึกถึงการฟื้นฟูพลังจากการฝึกวิชา ยิ่งอยากจะใช้พลังงานให้สิ้นเปลืองมากกว่าเดิม

การเดินทางที่เดินๆหยุดๆแบบนี้ปกติใช้เวลาสามวัน แต่ทั้งสองกลับใช้เวลาถึงห้าวัน ในที่สุดก็มาถึงบึงน้ำมังกรดำในป่าลึกจนได้

ป่าแถบนี้เป็นพื้นที่ทึบยาวติดต่อกันหลายลี้ เป็นบริเวณที่หลงป่าได้ง่ายที่สุด ถ้าไม่ได้หูหงเต๋อนำทาง เยี่ยเทียนคงหาบึงน้ำมังกรดำไม่พบ

เยี่ยเทียนเห็นหูหงเต๋อควักเอาขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋าขวดหนึ่ง เดินไปที่ต้นไป๋ฮว่าต้นหนึ่ง เยี่ยเทียนถามอย่างสงสัย “เหล่าหู คุณทำอะไร?”

“พวกเขาหลายคนถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ต้นนี้”

ตอนนั้นหลังจากฝังร่างของไอ้บอดเมิ่ง เพราะกลัวว่าคนนอกมาพบเข้าแล้วเรื่องราวใหญ่โต หูหงเต๋อจึงเผาร่างของคนพวกนั้นแล้วนำเถ้าถ่านมาฝังรวมกันไว้ตรงเขตชายป่าห่างจากบึงน้ำมังกรดำสองร้อยกว่าเมตรโดยไม่ได้ตั้งป้ายหลุมศพ แต่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้บนต้นไม้

“เจ้าเมิ่งบอด นายกับฉันสู้กันมาทั้งชีวิต พอนายตายแล้วหนี้แค้นทั้งหลายก็จบลง ฉันขอใช้เหล้านี้คารวะนาย!” หูหงเต๋อเปิดขวดเหล้าเทลงบนพื้น

“ทำความชั่วไว้มาก ผมกรรมตามสนอง!”

นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้ เยี่ยเทียนส่ายหัวเดินเข้าไปตบบ่าหูหงเต๋อเบาๆ “เขาได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้ว อย่าคิดมากเลย ทำของกินนิดหน่อยไปเซ่นเจ้ามังกรดำดีกว่า”

“ฉันไม่เข้าไปหรอก ฉันจะรอเธออยู่ข้างนอก!”

หูหงเต๋อพูดพลางทำตัวสั่น สัตว์ประหลาดนั้นมีดวงตาที่ไร้แววความรู้สึก เขาไม่อยากเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน

“มันเป็นเพื่อนบ้านของคุณนะ ผูกมิตรกันไว้ไม่ดีกว่าหรือ!”

เยี่ยเทียนได้ยินก็หัวเราะ ตอนที่กำลังเตรียมข้าวของจะทำอาหารอยู่นั้น ได้ยินเสียงหวีดยาวลอยมา

“เป็นเสียงเจ้ามังกรดำ หรือมันจะรู้ว่าฉันมา?”

เยี่ยเทียนได้ยินชัดเจนว่าเป็นเสียงของมังกรดำแน่นอน แต่แล้วสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เพราะเสียงหวีดนั้นปนด้วยความเจ็บปวดทรมาน แล้วยังมีความโกรธแฝงอยู่ด้วย

“ไม่ใช่ว่า เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!” เยี่ยเทียนหยิบกระดิ่งสามอันขึ้นมา วิ่งไปตามต้นเสียง

“เยี่ยเทียน เจ้านั่นเป็นราชาแห่งหุบเขา ใครจะทำอะไรมันได้?”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสี หูหงเต๋อรีบตามไป เขาวิ่งพลางหยิบปืนกลรุ่นหกห้าที่พาดบ่าไว้ออกมา แล้วบรรจุกระสุนลงราง

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset